สวัสดีเพื่อน ๆ ชาว True id ทุกท่าน วันนี้โบว์จะมาลองรีวิวหนังกันดูบ้าง พื้นฐานโบว์เองก็เป็นชอบดูหนังอยู่แล้วนะคะ แต่ก็จะดูแค่หนังที่อยากดูเท่านั้น จนมีแฟนนี้แหละค่ะ แฟนเป็นคนชอบดูหนังมากและดูได้ทุกแนว โบว์เลยได้ลองมีโอกาสดูหนังหลากหลายแนวมากขึ้นอย่างเช่นหนังผี ปกติไม่กล้าดูหนังแนวนี้เลย แต่พอได้ลองดูมันก็ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดและกลับกลายเป็นว่าชอบดูหนังผีไปเลยค่ะ ยิ่งเวลามีเพื่อนดูหนังมันยิ่งสนุกนะคะ (ไม่เชื่อก็ลองดู) ส่วนสำหรับวันนี้โบว์จะมารีวิวหนังเรื่องหนึ่งที่เพิ่งได้ดูไปค่ะ เป็นหนังแนวแฟนตาซีที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากเลยล่ะค่ะ นั้นคือเรื่อง The Green Mile ปาฏิหาริย์แดนประหารภาพจาก Facebook The Green Mile หนังเรื่องนี้เล่าโดยพอล เอดจ์คอมบ์ (รับบทโดยทอม แฮงค์) อดีตพัศดีที่ในขณะนั้นตัวเองอาศัยอยู่ในบ้านพักคนชรา เขาได้เล่าถึงความหลังครั้งที่ยังทำงานอยู่ให้เพื่อนหญิงที่พักอยู่ในบ้านเดียวกันฟังว่า เมื่อก่อนนี้เขาทำงานเป็นเป็นหัวหน้าผู้คุมนักโทษประหารอยู่ที่เรือนจำแห่งหนึ่ง นักโทษประหารทั้งหมดนั้นรอการเดินทางผ่านเส้นทางที่เรียกว่า กรีนไมล์ เส้นทางสีเขียวที่นักโทษประหารใช้เดินทางออกจากห้องขัง...ไปสู่เก้าอี้ไฟฟ้า โดยนักโทษประหารเหล่านั้นล้วนสำนึกในสิ่งที่ตัวเองทำแล้วทั้งนั้น แต่ต่อให้พวกเขาสำนึกก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงอะไรได้อีกแล้วภาพจาก Facebook The Green Mile คนแล้วคนเล่าที่เดินทางสู่กรีนไมล์ จนมาถึงจอห์น ค็อฟฟี่ (รับบทโดยไมเคิล คลาร์ก ดันแดน) นักโทษประหารผิวดำร่างยักษ์ ที่ต้องโทษคดีฆาตกรรมเด็กหญิง 2 คน ด้วยลักษณะของจอห์น ค็อฟฟี่ที่มีรูปร่างใหญ่ หน้าตาดูโหดเหี้ยม จึงไม่แปลกที่ทุกคนจะคิดว่าเขานั้นฆ่าเด็ก 2 คนนั้น แต่ในทางกลับกันพัศดีทุกคนกลับแปลกใจกับพฤติกรรมที่ตรงกันข้ามของเขาโดยสิ้นเชิง ที่ทั้งดูจิตใจดี อ่อนโยนและกลัวความมืด จนกระทั้งวันหนึ่งจอห์น ค็อฟฟี่ได้ช่วยให้พอล เอดจ์คอมบ์จากโรคนิ่วในกระเพาะปัสสาวะให้หายได้อย่างน่าประหลาดใจ และยังช่วยใครต่อใครอีก เรื่องประหลาดนั้นกลายเป็นเหมือนเรื่องปาฏิหาริย์ที่น่าทึ่งและสุดจะประทับใจ และเมื่อถึงเวลาที่จอห์น ค็อฟฟี่จะต้องได้รับโทษประหารก็มาถึง พัศดีทุกคนต่างเสียใจที่รู้ว่าเขาเป็นคนดีแต่ไม่สามารถช่วยอะไรได้ พอล เอดจ์คอมบ์เองก็รู้สึกเสียใจเป็นอย่างมากที่จอห์น ค็อฟฟี่จากไปและรู้สึกโทษตัวเองที่ช่วยเขาไม่ได้ จนเวลาผ่านไปเนินนานเขาก็ยังคงรู้สึกได้ว่าต้องชดใช้กับสิ่งที่เกิดขึ้นโดยให้มีชีวิตที่ยาวนานกว่าคนอื่น ๆ เพื่อรับโทษนั้นเองภาพจาก Facebook The Green Mile ภาพจาก Facebook The Green Mile สิ่งที่ได้จากหนังเรื่องนี้คือ อย่ามองคนแค่ภายนอกแต่จงมองไปให้ลึกถึงจิตใจของเขา เพราะบางคนอาจจะหน้าตาน่ากลัวแต่อาจมีจิตใจที่อ่อนโยน และในบางครั้งคนหน้าตาดูดีอาจมีจิตใจที่โหดร้ายก็ได้ ดังนั้นเราไม่ควรตัดใจใครถ้ายังไม่รู้จักเขาดีพอและจงอย่าเชื่อในสิ่งที่เห็นเพราะมันอาจไม่ได้เป็นอย่างที่คิด ที่สำคัญบางครั้งการกระทำบางอย่างอาจก่อให้เกิดผลที่ร้ายแรงตามมา ถ้าไม่อยากมานั่งเสียใจในภายหลัง ก็ควรที่จะคิดก่อนที่กระทำความผิดนั้น ๆ เพราะถ้ามันเกิดขึ้นแล้วต่อให้คุณจะสำนึกผิดก็ไม่สามารถแก้ไขอะไรได้ ขอบคุณรูปปกจาก Facebook The Green Mile