เราทุกคนย่อมคาดหวังความสำเร็จในชีวิตเสมอ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงานที่ก้าวหน้า เรื่องเงินที่มั่งคั่งโดยที่เราไม่ต้องกังวลกับค่าใช้จ่าย เรื่องสุขภาพที่แข็งแรง เรื่องความรักความสัมพันธ์ที่ราบรื่น เหล่านี้ล้วนมีผลต่อความสุข ความรู้สึกทางจิตใจเราเป็นอย่างมาก แม้จะไม่ได้ตรงกับคาดหวังไปทุกเรื่อง แต่ขอให้ชีวิตนี้ดีขึ้นในทุกๆวันก็นับว่าเป็นอันใช้ได้คิดใหญ่ไม่คิดเล็ก (The magic of thinking BIG) เป็นหนังสือขายดีตลอดกาลยาวนานกว่า 20 ปี เขียนโดย David J. Schwartz เรียบเรียงโดย ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร นับว่าเป็นข้อพิสูจน์ชิ้นดีที่ประจักษ์แล้วว่าแนวคิดภายในเล่มนั้นมีผลต่อความคิดและทัศนคติต่อผู้คนหมู่มากได้อย่างไรความสำเร็จในชีวิตต้องมีครบทุกด้าน ถ้าขาดด้านใดด้านหนึ่งไป มันจะทำให้เราเป็นทุกข์ได้ทันที สิ่งหนึ่งที่หนังสือเล่มนี้บอกกับเรา คือเราต้องมีทัศนคติที่ดี คิดให้ใหญ่ คนที่ทัศนคติไม่ดี คิดเล็กคิดน้อย ถือโทษโกรธเคืองได้ง่าย ย่อมเสียพลังงานไปกับเรื่องไม่เป็นเรื่องแล้วทำให้พลาดโอกาสที่ดีในชีวิตไปอย่างน่าเสียดาย จงมั่นใจว่าคุณสามารถประสบความสำเร็จได้ แล้วคุณจะเป็นเช่นที่คิดหัวข้อภายในเล่มบทที่ 1 ถ้าคุณคิดว่าทำได้ คุณก็ทำได้บทที่ 2 รักษาโรคชอบแก้ตัวของคุณ โรคแห่งความล้มเหลวบทที่ 3 สร้างความเชื่อมั่นในตนเอง และทำลายความหวาดกลัวบทที่ 4 วิธีการคิดใหญ่บทที่ 5 วิธีการคิดและฝันอย่างสร้างสรรค์บทที่ 6 คุณเป็นไปตามที่คิดว่าคุณเป็นบทที่ 7 จัดการกับสภาพแวดล้อมของคุณ เอาชั้นหนึ่งบทที่ 8 ทำให้ทัศนคติของคุณเป็นพวกเดียวกันบทที่ 9 คิดให้ถูกต้องต่อคนอื่นบทที่ 10 สร้างนิสัยในการลงมือทำบทที่ 11 วิธีเปลี่ยนความพ่ายแพ้เป็นชัยชนะบทที่ 12 ใช้เป้าหมายช่วยให้คุณโตบทที่ 13 วิธีที่จะคิดเหมือนกับเป็นผู้นำบทที่ 14 วิธีใช้ความคิดใหญ่ในการสถานการณ์ฉุกเฉินที่สุดของชีวิต แนวคิดที่ได้ภายในเล่มเรามักเข้าใจผิดในเรื่องของความฉลาด คือ ประเมินสมองของตัวเองต่ำเกินไป และประเมินหัวสมองของคนอื่นสูงเกินไป เรื่องของอายุ แก่เกินไป เด็กเกินไป มันไม่เกี่ยว เดี๋ยวจะไม่ได้ความสำเร็จมาครองชั่วชีวิต เด็กก็คุมคนแก่ได้ ถ้าเขามอบหมายความเป็นผู้นำให้ แสดงว่าเรามีความเป็นผู้ใหญ่พอ ถ้าเราให้ความนับถือ และรับข้อเสนอแนะจากลูกน้องอาวุโส ทำตัวให้คุ้นกับการมีลูกน้องอายุมากกว่า มันช่วยได้มาก เมื่อเราได้รับตำแหน่งสูงขึ้นอีกในอนาคต ทุกคนต้องเคยประสบกับสิ่งที่ไม่น่าอภิรมย์ ความประหม่า และสถานการณ์หดหู่ชวนท้อถอย คนที่ไม่ประสบความสำเร็จมักฝังใจกับเรื่องเลวร้าย คนที่มั่นใจและประสบความสำเร็จจะไม่เก็บไปคิด พวกเขาจะเติมความคิดบวกทุกคืนก่อนนอน ทำให้รู้สึกว่ามีเรื่องดีๆเข้ามาเป็นประจำทุกวัน ขอให้นึกถึงสิ่งที่เราพอใจ ประสบการณ์ที่เป็นบวก จะช่วยเพิ่มความมั่นใจได้ ถ้าเริ่มนึกได้ยาก ลองเขียนเหตุผล 3 ข้อที่ทำให้มีความสุขต่อเนื่อง 3 เดือน จะช่วยให้เรามีความหวัง มีสุขเช่นคนทั่วไป หลัก 2 ประการที่จะจัดคนให้อยู่ในสถานภาพที่เหมาะสม1.มองคนอื่นด้วยภาพที่เท่าเทียมกับตนเอง คนที่เราติดต่อเป็นคนสำคัญ ตัวเราเองก็สำคัญด้วย เราสองคนต่างกำลังสนใจและตกลงผลประโยชน์ร่วมกันอยู่ ขอให้มองแบบนี้2.สร้างทัศนคติในการเข้าใจคนอื่น คนที่ต้องการแกล้งเรา ทำร้ายเรา หาได้ไม่ยาก ถ้าไม่เตรียมตัว ความมั่นใจในตนเองจะถูกทำลาย ถ้ามีใครประกาศสงครามกับเรา ใจเย็นก่อน วิธีเอาชนะได้ คือ การปล่อยให้คนอื่นระเบิดหัวตัวเองและก็ลืมมันไปเสียเราสามารถเปลี่ยนทัศนคติโดยการเปลี่ยนแปลงการเคลื่อนไหวร่างกายตัวเรา เราจะรู้สึกอยากยิ้มมากขึ้น ถ้าคุณทำตัวเองให้ยิ้ม เราจะรู้สึกว่าอยู่เหนือผู้อื่นมากขึ้น เมื่อทำตนเองให้ยืนยืดตัวตรงมากกว่ายืนตัวงอ หลัก 5 ประการ ในการสร้างความมั่นใจ1.นั่งแถวหน้า2.เผชิญหน้ากับคนอื่นโดยตรง3.เดินเร็วขึ้น 25%4.ฝึกพูดแสดงความคิดเห็น ในแต่ละคนที่ไม่เห็นด้วยกับเรา มักมีอีกคนที่เห็นด้วยกับเราเสมอ5.ยิ้มกว้าง ช่วยเอาชนะความกลัว ความวิตกได้ จุดอ่อนที่สุดของมนุษย์ คือ การติเตียนตนเอง ต้องค้นหาคุณสมบัติและรู้จักตนเองในด้านบวกด้วย ฝึกเพิ่มมูลค่าให้กับสิ่งของ ที่ดินบ้าน ทำยังไงให้มีค่า ขายได้แพงกว่า มองหาความคิดใหม่ๆที่จะทำให้สิ่งของมีค่ามากขึ้น ไม่ว่าบ้านหรือธุรกิจล้วนมีคุณค่าเป็นอัตราส่วนตามความคิดที่จะใช้มัน ฝึกเพิ่มคุณค่าให้กับคน เมื่อก้าวหน้าสูงขึ้นในโลกแห่งความสำเร็จ งานของคุณจะกลายเป็นการคุมคนมากขึ้น ถามตัวเองว่าเราจะทำอย่างไรที่จะสามารถเพิ่มคุณค่าให้กับลูกน้อง ช่วยให้ลูกน้องทุกคนมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น จำไว้ว่า การที่เราจะดึงเอาสิ่งที่ดีที่สุดจากใครก็ตาม เราต้องเห็นสิ่งที่ดีที่สุดของเขาเสียก่อน ฝึกเพิ่มคุณค่าให้ตัวคุณเอง ถามตัวเองว่าจะทำอะไรที่ทำให้ตัวเรามีค่ามากขึ้นในวันนี้ มองตัวเองไม่ใช่ในแบบที่เราเป็น แต่ตามที่เราสามารถจะเป็นได้ แล้ววิธีการเฉพาะที่จะนำเราไปสู่จุดนั้นจะเกิดขึ้นเอง ทัศนคติที่ว่า ผมทำงานของผมนั่นก็เพียงพอแล้ว เป็นความคิดเล็ก เป็นลบ คนคิดใหญ่มองตัวเองไม่ใช่ในฐานะปัจเจกบุคคล แต่มองตนเป็นส่วนหนึ่งของทีม มีส่วนแพ้ชนะ มันจำเป็นสำหรับคนเป็นผู้นำ คนอื่นมองเห็นเราเช่นเดียวกับที่เรามองเห็นในตัวเอง เราได้รับการปฏิบัติตามที่เราคิดว่าเราสมควรจะได้รับ เราเป็นไปตามที่เราคิดว่าเราเป็น ความนับถือในงาน ขอให้ดูช่างก่ออิฐ 3 คน คนแรกเขาคิดว่าตนกำลังก่ออิฐ คนที่ 2 คิดว่าตนกำลังทำงาน 7 เหรียญ/ชม. คนที่ 3 คิดว่าตนกำลังสร้างโบสถ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก คนที่ 3 นี่แหละที่มีโอกาสเจริญก้าวหน้าในอาชีพการงาน เพราะความคิดของเขาทำให้มันเป็นเช่นนั้น คนที่คิดว่างานของเขามีความสำคัญ ย่อมได้รับสัญญาณจากจิตใจถึงวิธีที่จะทำงานของเขาให้ดีขึ้นและรายได้จากงานมากขึ้น ได้รับการเลื่อนตำแหน่ง ได้เงิน ชื่อเสียง และความสุขมากขึ้น คุณสมบัติประการเดียวของคนที่ประสบความสำเร็จ คือ ความกระตือรือร้น สร้างได้โดยคิดอย่างกระตือรือร้น สร้างความรู้สึกที่มองโลกในแง่ดี รู้สึกก้าวหน้า คนอื่นๆจะรู้สึกตาม โดยเฉพาะกับลูกน้อง แล้วเราจะได้ผลงานชั้นหนึ่ง ทัศนคติที่ถูกต้องเปิดทางสู่ชีวิตครอบครัวที่มีความสุข ทำให้เราติดต่อคบค้ากับคนได้อย่างมีประสิทธิผล ทำให้เราพัฒนาสู่ความเป็นผู้นำ ทำให้เราชนะในทุกสถานการณ์ ขอให้ปลูกฝังทัศนคติ 3 ประการ นั่นคือ เรากระตือรือร้น เราเป็นคนสำคัญ บริการเราเป็นอันดับหนึ่ง ต้องการที่จะรวย ก็ต้องสร้างทัศนคติที่ว่าการบริการเหนือสิ่งอื่นใด ต้องให้บริการก่อนแล้วเงินจะตามมาเอง เราจะได้เงินเดือนเพิ่มต่อเมื่อเราแสดงถึงผลงานที่ดีกว่า การที่คิดว่าเราจะทำงานให้ดีขึ้นได้ เขาต้องจ่ายเงินเดือนมากขึ้นก่อน คำสัญญาแบบนี้เหลวไหล คนที่ทำงานให้คุณค่ามากกว่าที่เขาคาดหมายก่อน ย่อมเป็นฝ่ายที่ได้เสมอ จำไว้ว่า ความสำเร็จขึ้นอยู่กับการสนับสนุนของคนอื่น อุปสรรคระหว่างเรากับสิ่งที่เราต้องการจะเป็นก็คือการสนับสนุนของคนอื่น คิดให้ถูกต้องต่อคนอื่น จะทำให้คนชอบและสนับสนุนเรา การเป็นที่ชื่นชอบของลูกน้องหรือเพื่อนฝูง ได้รับความสำคัญมากกว่าเรื่องของความสามารถ ซึ่งมีผลต่อการคัดเลือกคนในตำแหน่งสูง ผู้คัดเลือกจะไม่สงสัยในความสามารถ แต่จะเป็นห่วงเรื่องการเป็นที่ยอมรับในตัวเขา ถ้าเขาไม่ค่อยได้รับความเชื่อถือจากคนอื่นย่อมทำงานดีได้ยาก จำไว้ว่า คนไม่ได้ถูกลากให้ขึ้นตำแหน่งงานที่สูงขึ้น เขาถูกยกขึ้นไปในตำแหน่งที่สูงขึ้น โดยหลายๆคนที่รู้จักว่าเราเป็นคนบุคลิกเป็นที่ชื่นชอบและเข้ากับคนอื่นได้ดี บุคคลที่ประสบความสำเร็จสูง เขาจะมีความเอื้ออารีในการสนทนา เพื่อให้ได้เพื่อนและเรียนรู้เกี่ยวกับคนมากขึ้น เขาต้องเชื้อเชิญให้คนอื่นพูดเรื่องของเขา ความเห็นของเขา ความสำเร็จของเขา งานของเขาและปัญหาของเขา บทพิสูจน์ที่แท้จริงของการคิดถูกต้องต่อคนอื่นนั้น มาจากการที่สิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นไม่เป็นไปตามที่เราต้องการ เช่น ถูกตัดหน้าในการเลื่อนตำแหน่ง ถูกวิพากษ์วิจารณ์ในงานที่ทำ จำไว้ว่า วิธีการที่เราคิดเมื่อเราแพ้ จะกำหนดว่าอีกนานเท่าไรเราถึงจะชนะ เมื่อสิ่งต่างๆไม่เป็นไปตามที่คิด ทำเพียง 2 อย่างเท่านั้น คือ1.ถามตัวเองว่าจะทำอะไรได้บ้างที่จะทำให้ตัวเองสมควรแก่การเลื่อนตำแหน่ง เมื่อโอกาสคราวหน้ามาถึง2.อย่างเสียเวลาและพลังงานไปกับความผิดหวัง อย่าด่าว่าตัวเอง วางแผนที่จะเอาชนะในครั้งต่อไป ความพยาบาท อาฆาตจะไม่ช่วยให้เราไปถึงที่ที่เราต้องการจะไป เมื่อรู้สึกว่าความก้าวหน้าในงานกำลังช้าลง จงคิดใหญ่ ไม่ว่าเราจะมีอาชีพอะไร การเลื่อนตำแหน่งและเงินเดือนที่สูงขึ้นมาจากการเพิ่มคุณภาพและปริมาณของผลผลิตที่เราทำ คิดว่าเราสามารถทำให้ดีขึ้น แล้ววิธีที่ทำให้ดีขึ้นจะปรากฏ ความคิดสร้างสรรค์จะเกิด และนี่คือแนวความคิดที่ได้ภายในเล่ม และนี่ทำให้เราเข้าใจได้ว่าทำไมความคิดที่ถูกต้องถึงทำให้คนเรามีชีวิตที่ดีขึ้นได้ ผู้เขียนเองก็มองว่าการปฏิบัติลงมือทำได้จริงมันไม่ง่าย โดยเฉพาะเรื่องของการให้อภัย หลีกเลี่ยงความพยาบาทที่เกิดขึ้น แต่ถ้าเราทำได้จริง ชีวิตของเราก็อาจจะดีขึ้นกว่าเดิมมาก ซึ่งก็อาจต้องใช้เวลาปรับตัวและเอาไปปรับใช้กับรูปแบบชีวิตของแต่ละคน ค่อยๆเรียนรู้และวัดผลไปจนกว่าชีวิตของเราจะเป็นที่พอใจอย่างแท้จริงครับ เครดิตภาพภาพปก โดย Guille Álvarez โดย Unsplash.comภาพที่ 1 2 และ 3 โดยผู้เขียนภาพที่ 4 โดย Zac Durant โดย Unsplash.comภาพที่ 5 โดย Razvan Chisu โดย Unsplash.comภาพที่ 6 โดย Helena Lopes โดย Unsplash.com บทความอื่นๆที่น่าสนใจ รีวิวหนังสือ “เดอะท็อปซีเคร็ต”รีวิว หนังสือ ขายดีเพราะไม่ได้ดีแต่ขายTrueID In-Trend แหล่งสร้างคอนเทนต์หารายได้เสริมช่วงโควิด-19รีวิวหนังสือ เรื่องแบบนี้ คนเก่งๆเขารับมือกันแบบไหนรีวิวหนังสือ จงรักในความไม่สมบูรณ์แบบของตัวเอง เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !