สำหรับผู้ลงทุนในหุ้นแล้ว ย่อมต้องอ่านงบการเงินเป็นบ้าง อย่างน้อยก็ต้องดูออกว่าหุ้นบริษัทนั้นมีแนวโน้มที่จะมีกำไรสม่ำเสมอตลอด 10 ปีที่ผ่านมาหรือไม่ แต่การอ่านงบการเงินนั้นจำเป็นที่จะต้องเข้าใจศัพท์ทางบัญชีเพื่อตีความหมายได้ถูกต้อง อีกทั้งยังมีเงื่อนไขหลายอย่างที่ทำให้ตัวเลขผลกำไรดูดีกว่าปกติ หรืออย่างที่เราเคยได้ยินว่าการตกแต่งตัวเลขทางบัญชีแน่นอนว่าผู้ที่ไม่คุ้นเคยกับการอ่านงบการเงินก็ต้องสับสนบ้างเป็นธรรมดา ซึ่งหนังสือเล่มนี้คือจุดเริ่มต้นของการแก้ปัญหาดังกล่าว ช่วยให้เราอ่านงบการเงินเป็น แม้ว่าเราจะไม่ได้เรียนจบทางด้านบัญชีมาก่อนก็ตามหนังสือเล่มนี้เขียนโดย เอิญ สุริยะฉาย เจ้าของเพจ Mr.LikeStock ที่จะมาช่วยย่อยความรู้ในการอ่านงบการเงินให้เป็นเรื่องที่เข้าใจง่าย ซึ่งก็นับว่านี่เป็นความรู้ทางการเงินที่ผู้เขียนเองเพิ่งเริ่มจะศึกษา และเมื่ออ่านจบก็รู้สึกว่าหนังสือเล่มนี้ได้ให้ความรู้ทางด้านงบการเงินอย่างเข้าใจง่ายที่สุดเท่าที่จะหาได้ในขณะนี้ เนื้อหาภายในเล่มบทที่ 1 งบการเงินแต่ละประเภท เป็นการอธิบายส่วนประกอบของงบการเงินทั้ง 5 ส่วน ให้เข้าใจภาพรวมของงบการเงินบทที่ 2 เครื่องมือวิเคราะห์งบการเงิน เป็นการวิเคราะห์เชิงปริมาณด้วยการใช้เครื่องมือต่างๆ โดยที่เราสามารถนำไปใช้ในชีวิตจริงได้บทที่ 3 วิธีการอ่านงบการเงิน เป็นการแจกแจงรายละเอียดถึงวิธีการอ่าน ประเด็นที่ต้องให้ความใส่ใจ ซึ่งมีรายละเอียดค่อนข้างมาก แต่มีความสำคัญมากเช่นเดียวกันบทที่ 4 การวิเคราะห์บริษัทจากงบการเงิน เป็นการหาบริษัทที่น่าลงทุนจากงบการเงิน ในบทนี้เราจะรู้ไปถึงวิธีการดาวน์โหลดงบการเงินย้อนหลัง รวมไปถึงตัวอย่างวิธีการวิเคราะห์เพื่อเข้าใจตัวบริษัทก่อนการลงทุนหุ้นของบริษัทนั้นบทที่ 5 งบการเงินแบบเจาะลึก เป็นการอธิบายรายละเอียดเพิ่มเติมในบางประเด็นที่สำคัญ ไม่ว่าจะเป็น หลักบัญชีคู่เดบิต เครดิต การตั้งสำรองหนี้สูญและค่าเผื่อสงสัยหนี้จะสูญ ประเด็นของสินค้าคงเหลือ ค่าเสื่อมราคาและการตัดจำหน่าย เป็นต้นบทที่ 6 กรณีศึกษาจากงบการเงินในอดีต เป็นการยกตัวอย่างเหตุการณ์จริงในอดีตทั้ง 10 บริษัทที่มีผลกระทบต่องบการเงิน เพื่อให้เราสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้จริงในเหตุการณ์ปัจจุบันบทที่ 7 ภาคผนวก เป็นการพูดถึงการวิเคราะห์แบบเชิงคุณภาพ (Qualitative Analysis) การวิเคราะห์ SWOT การวิเคราะห์ Five Force Model และการวิเคราะห์แบบ BCG Matrix ความรู้ที่ได้ภายในเล่มในมุมมองของผู้เขียนงบการเงิน (Financial Statements) คือ รายงานทางการเงินและบัญชีของกิจการ เพื่อแสดงฐานะการเงิน ผลการดำเนินงาน กระแสเงินสดในแต่ละงวดบัญชี จุดมุ่งหมายของงบการเงินคือ นำเสนอฐานะการเงิน ผลการดำเนินงาน แสดงถึงผลกระทบการบริหารของฝ่ายบริหาร และผลกระทบทางการเงินทั้งในอดีตและอนาคตงบการเงินของกิจการจะประกอบด้วย งบแสดงฐานะการเงิน (งบดุล) งบกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จ งบแสดงการเปลี่ยนแปลงของเจ้าของ งบกระแสเงินสด และหมายเหตุประกอบงบการเงินงบแสดงฐานะการเงิน (งบดุล) เป็นงบการเงินที่แสดงข้อมูลเกี่ยวกับฐานะการเงินของกิจการ ณ วันใดวันหนึ่ง เขียนเป็นสมการทางบัญชีเป็นดังนี้ สินทรัพย์ = หนี้สิน + ส่วนของเจ้าของสินทรัพย์ คือ ทรัพยากรที่มีอยู่ในความควบคุมของกิจการ โดยทรัพยากรเป็นผลของเหตุการณ์ในอดีต กิจการคาดว่าจะได้รับประโยชน์ในอนาคต สินทรัพย์แบ่งเป็น สินทรัพย์หมุนเวียน คือมีสภาพคล่องสูง แปลงเป็นเงินสดได้เร็ว และสินทรัพย์ไม่หมุนเวียน คือสินทรัพย์ที่กิจการครอบครองในระยะยาวเกินกว่า 1 ปี เช่น ที่ดิน อาคาร อุปกรณ์ ลิขสิทธิ์ เป็นต้นหนี้สิน คือ ภาระผูกพันในปัจจุบันของกิจการ เป็นผลของเหตุการณ์ในอดีต ส่งผลให้สูญเสียทรัพยากรในอนาคต แบ่งเป็นหนี้สินหมุนเวียน คือ หนี้ที่ต้องชำระภายใน 1 ปี และหนี้สินไม่หมุนเวียน คือ หนี้ระยะยาวที่ต้องชำระเกินกว่า 1 ปีส่วนของเจ้าของ (Owner’s Equity) คือ ส่วนของเจ้าของกิจการที่มีสิทธิหรือมีส่วนได้เสียคงเหลือในสินทรัพย์ของกิจการ ภายหลังหักหนี้สินออกแล้ว ซึ่งส่วนของเจ้าของจะประกอบด้วย ทุนเรือนหุ้น และกำไร ขาดทุนสะสมงบกระแสเงินสด คือ งบที่แสดงถึงการได้มาและใช้ไปของเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด ในรอบระยะเวลาหนึ่ง เพื่อให้นักลงทุนทราบถึงสภาพคล่องของกิจการ ซึ่งแบ่งได้เป็น 3 กิจกรรม ได้แก่ กิจกรรมดำเนินงาน กิจกรรมลงทุน และกิจกรรมการจัดหาหมายเหตุประกอบงบการเงิน คือ รายการต่างๆที่ไม่ได้แสดงในงบการเงิน รวมถึงนโยบายทางบัญชีที่ใช้ เพื่อแสดงให้เห็นถึงการรับรู้รายได้ การตัดค่าเสื่อมราคา การตีมูลค่าสินค้าคงเหลือ เจ้าหนี้การค้า ลูกหนี้การค้า และลูกหนี้ค้างชำระแบบ 56-1 เป็นรายงานที่บริษัททำขึ้น เพื่อแสดงข้อมูลของกิจการและสิ่งที่มีการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในรอบปี โดยจัดทำขึ้นปีละ 1 ครั้ง สิ่งที่ต้องดูก็คือ สภาพคล่อง ตัวสินทรัพย์ที่มีนั้นมากน้อยแค่ไหน บางธุรกิจจำเป็นต้องขายสินค้าเป็นเงินเชื่อ เลยทำให้มีลูกหนี้การค้ามาก เราจึงต้องระวังหนี้สูญจากประเด็นนี้ ส่วนของหนี้สินเราก็ดูว่าเป็นหนี้ที่มีดอกเบี้ยหรือไม่ เป็นหนี้สินระยะยาวหรือเปล่า รวมถึงทุนจริงๆของบริษัทนั้นเป็นอย่างไร ประเด็นสุดท้ายคือกำไรสะสม เพราะถ้าไม่มีกำไรสะสมบริษัทก็ไม่สามารถจ่ายเงินปันผลกับเราได้ เป็นต้นEBITDA (Earnings Before Interest and Taxes) คือ กำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าใช้จ่ายตัดจ่าย EBITDA มักใช้เปรียบเทียบความสามารถในการทำกำไรของแต่ละบริษัท โดยเป็นการวัดฝีมือของผู้บริหารโดยตรง ไม่มีปัจจัยอื่นมาเกี่ยวข้องนี่คือแนวคิดเพียงบางส่วนจากหนังสือเล่มนี้เท่านั้น ยังมีรายละเอียดอื่นอีกมากที่ต้องดูจากตัวอย่างงบการเงินจริงที่ภายในเล่มนำเสนอในรูปแบบสี่สีตลอดทั้งเล่ม อ่านง่ายสบายตา แม้เนื้อหาจะดูเป็นวิชาการ เข้าใจยาก แต่ความจริงแล้ว ถ้าเราเปิดใจ สนใจเรียนรู้โดยการลองอ่านดูแล้วจะพบว่าเข้าใจง่ายกว่าที่คาดไว้จริงอยู่ มันอาจจะมีเนื้อหาบางเรื่องที่เข้าใจยาก ซึ่งผู้แต่งหนังสือเองก็ยอมรับ แต่เราก็สามารถอ่านพอให้เห็นภาพรวมไปก่อนได้ สุดท้ายเราก็จะได้เข้าใจจุดที่เราต้องวิเคราะห์จริงๆจากงบการเงินนี่เป็นความรู้ทางการเงินอีกรูปแบบหนึ่ง ซึ่งก็น่าจะช่วยให้ทุกคนสามารถลงทุนหุ้นแบบ VI เพื่อให้ได้ผลตอบแทนตามที่คาดหวังไว้ได้ งบการเงินก็นับว่าเป็นส่วนหนึ่งของการวิเคราะห์ว่าหุ้นตัวที่เราสนใจนั้นน่าลงทุนจริงหรือไม่ และนี่ก็คือเสน่ห์ของหนังสือเล่มนี้ครับ เครดิตภาพภาพปก โดย Scott Graham จาก Unsplash.comภาพที่ 1 2 และ 3 โดยผู้เขียนภาพที่ 4 โดย Sasun Bughdaryan จาก Unsplash.comภาพที่ 5 โดย Towfiqu barbhuiya จาก Unsplash.com บทความอื่นๆที่น่าสนใจ(รีวิว) หนังสือ MONEY 101 เริ่มต้นนับหนึ่งสู่ชีวิตการเงินอุดมสุขรีวิวหนังสือ วิชาธุรกิจที่ชีวิตจริงไม่เคยสอนรีวิวหนังสือ เจ้าสัวสอนรวยรีวิวหนังสือ 5 STEPS เทรดหุ้นจากเริ่มต้นจนเทรดเป็นรีวิวหนังสือ Business Model Generation คู่มือสร้างโมเดลธุรกิจอัปเดตข่าวสาร และแหล่งเรียนรู้หลากหลายแบบไม่ตกเทรนด์ บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !