ในการทำงานกับคนเป็นหัวหน้าหรือผู้บริหารชั้นสูงเวลาเราในฐานะพนักงานที่ร่วมทำงานกับคนเหล่านี้ต้องเข้าใจพวกเขาก่อนว่างานระดับบริหาร ยิ่งอยู่ตำแหน่งสูง ภาระก็ยิ่งสูงตาม สมาธิสั้น และไม่ค่อยมีเวลาใส่ใจพนักงานมากนัก นั่นทำให้เวลามอบหมายงาน มักจะทำได้ไม่มีประสิทธิภาพ หรือไม่ก็ทำได้ไม่ดีพอ เกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อนและนำไปสู่ความผิดพลาด ต้องเสียเวลาแก้งานกลับไปกลับมา เสียเวลากันทั้งสองฝ่าย นั่นก็นำไปสู่ความขัดแย้งจนทำให้คนชั้นผู้น้อยเข้าใจผิดว่าผู้บริหารกลั่นแกล้งไม่ชอบขี้หน้าตน หนังสือเล่มนี้จึงมาไขข้องใจของคนทำงานทั้งระดับพนักงานและคนเป็นหัวหน้าว่าควรจะวางตัว ปรับตัวอย่างไร เพื่อให้ชีวิตการทำงานนั้นง่ายขึ้น หนังสือเล่มนี้เขียนโดย ปาร์คโซยอน แปลโดย วรวุฒ ขาวเงิน สิ่งที่ประทับใจและได้เรียนรู้ของครีเอเตอร์ได้เรียนรู้ว่าทุกครั้งที่มีการวางแผนต้องตอบ 3 คำถามนี้ให้ได้1.เป้าหมาย / อนาคตที่ต้องการคืออะไร2.ปัญหาที่ขัดขวางไม่ให้บรรลุถึงเป้าหมายนั้น3.การดำเนินการที่เหมาะกับสภาพการณ์ที่สุด ได้เรียนรู้ว่าคนทำงานอย่างเรียบง่ายเขาไม่ได้เน้นโชว์วิเคราะห์สถิติแบบเท่ๆ แต่จะเน้นการสื่อสารที่ชัดเจนว่าทำอะไร (What) และทำไปทำไม (Why) ซึ่งถ้าแผนจะดีเพียงใด แต่ถ้าไปคนละทิศทางกับบริษัทก็ไร้ประโยชน์ทันที ได้เรียนรู้ว่าคนทำงานเก่งคือผู้เชี่ยวชาญด้านการอธิบายเรื่องที่อีกฝ่ายสงสัยกับเรื่องที่ตนเองต้องการจะสื่อสารอย่างกระชับ สั้นๆง่ายๆ ได้ใจความ ได้เรียนรู้ว่าการตอบไม่ตรงคำถามและไม่ให้ความกระจ่างทันทีนั้น มันทำให้ผู้ถามรู้สึกหงุดหงิดมาก เช่น ถูกถามว่าการหาคนมาร่วมงานปีนี้มีปัญหาติดขัดอะไรหรือไม่ แล้วดันไปตอบว่ากำลังทำอยู่ครับ รู้สึกว่าปีนี้เชิญคนมาเยอะพอสมควร แท้จริงแล้วควรตอบพร้อมหลักฐานยืนยันว่าจะมีคนมาร่วมงานอย่างล้นหลามแน่นอน ได้เรียนรู้ว่าการพูดให้อีกฝ่ายจินตนาการถึงสภาพการณ์ที่เลวร้าย แล้วค่อยเฉลยปัญหาที่แท้จริง เพื่อให้อีกฝ่ายรู้สึกว่าปัญหาไม่ได้ร้ายแรง แต่การนำเทคนิคแบบนี้มารายงานปัญหาแก่ผู้บังคับบัญชาก็จะไม่เหมาะสมนัก เพราะมันเหมาะกับเทคนิคเจรจามากกว่า แต่นี่เป็นการพูดให้เกิดความกระจ่าง ฉะนั้น ต้องระวัง !!! ได้เรียนรู้ว่าในที่ทำงานนั้นนอกจากจะพบเพื่อนแท้ยากแล้ว จากสถิติก็ไม่ค่อยมีโอกาสได้เพื่อนแท้อีกด้วย แถมพอลาออกไปแล้ว ก็ไม่ค่อยมีใครคบหาเป็นเพื่อนหรือแม้แต่คนรู้จักสักเท่าไหร่ ได้เรียนรู้ว่าสิ่งที่ทำให้คนเราเหนื่อยล้ามาก ก็คือความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงาน คนที่อ่อนไหวกับกิริยาท่าทางและสายตาของคนอื่นมากๆจะวิเคราะห์พฤติกรรมของผู้อื่นอยู่เสมอ พวกเขามักคิดมากเกี่ยวกับการกระทำของเพื่อนร่วมงาน เก็บไปกังวล ส่งผลให้เกิดความกดดันอย่างยิ่ง แถมยังต้องทำงานให้มีประสิทธิภาพอย่างเดิมให้ได้ด้วย ได้เรียนรู้ว่าคนทำเก่งนั้นเขาไม่คิดมากเรื่องความสัมพันธ์กับคนในที่ทำงาน แต่จะคิดแค่ว่า อ๋อ...คนนี้ทำงานใช้ได้ ได้เรียนรู้ว่าคนทำงานเก่งนั้นย่อมตระหนักถึงความเหนื่อยล้าของสมองผู้ฟัง พวกเขาจึงเลือกที่จะพูดอย่างเรียบง่ายและชัดเจน ซึ่งจะช่วยไม่ให้คนฟังไปคิดถึงเรื่องอื่น โดยเฉพาะผู้ใหญ่ตำแหน่งงานสูงนั้นมักสมาธิสั้น เพราะมีเรื่องให้ต้องรับผิดชอบสูงนั่นเอง ได้เรียนรู้ว่าหากไม่รู้ความคืบหน้าของงานตัวเองแล้วรู้สึกไม่ปลอดภัย จนทำให้ต้องหางานเพิ่มให้ตัวเองอยู่เสมอๆ ให้เราทำกระดานข่าวของตัวเองเพื่อตามงานของตัวเราเองว่าคืบหน้าไปถึงไหนแล้ว ได้เรียนรู้ว่างานใหญ่ที่ควรค่าแก่การลง Resume ได้ จะเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงเพื่อต่อยอดทางอาชีพของเรา ไม่ว่าเราจะย้ายไปทำงานที่อื่น เราก็จะเคลมตัวเองได้ว่าเรามีผลงาน ได้เรียนรู้ว่าการเขียนตอนเรียนหนังสือนั้นคือการแสดงความรู้และความคิดของเราอย่างมีประสิทธิภาพ การเขียนตอนทำงานก็จะเป็นการบอกผู้รับสารถึงสิ่งที่เขาอยากรู้อย่างมีประสิทธิภาพ มันจึงเป็นการเปลี่ยนจุดโฟกัสจากตัวเราเป็นอีกฝ่าย ได้เรียนรู้ว่าเรื่องที่เราจะเขียน แม้จะเป็นเรื่องเดียวกันแต่ถ้าเป็นผู้รับสารคนละคน การสื่อประเด็นก็ต้องปรับตาม ในหลายครั้งคนดังกล่าวไม่ใช่คนเดียวกับที่สั่งงานเรา เราต้องเข้าใจเรื่องนี้ มิฉะนั้นเราอาจต้องแก้งานซ้ำจนกว่าฝ่ายตรงข้ามจะพอใจ ได้เรียนรู้ว่าแม้เราจะมีตำแหน่งงานสูง เวลาจะยิ่งมีราคาแพง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะมาทำให้คนที่ตำแหน่งเล็กกว่ามาเสียเวลาไปเล่นๆโดยเปล่าประโยชน์ได้ วิธีปรับใช้กับชีวิตของครีเอเตอร์1.เข้าใจความเป็นไปของการทำงานในภาพใหญ่ของแผนกได้ดีขึ้น มันไม่ใช่แค่เราทำงานในส่วนที่เรารับผิดชอบดีแล้ว แต่ยังต้องใส่ใจถึงผลกระทบต่อคนที่รับช่วงต่อจากเราด้วย 2.รู้จักสื่อสารตรงเป้าหมาย ไม่ไปอารัมภบทยืดเยื้อจนหัวหน้าเข้าใจผิด 3.การถามตรงๆจากหัวหน้าเพื่อขอความชัดเจน ในชีวิตจริงอาจถูกตำหนิด้วยความหงุดหงิดของผู้ใหญ่ได้ การอาศัยดูจากรุ่นพี่ที่ทำงานแบบเดียวกับเรามาก่อนก็เป็นทางออกที่น่าสนใจ เรียกได้ว่าชีวิตการทำงานมันไม่ง่าย แต่สิ่งที่เราทำได้คือการพัฒนาตัวเอง เรียนรู้จากประสบการณ์และวิธีการทำงานที่ถูกต้อง ก่อนจะถึงวันที่เราทำงานเก่ง ก็ขอให้มีโอกาสทำงานอย่างเต็มที่ ไม่ถูกกดดันจนถึงกับถอดใจลาออกเองไปเสียก่อน ต้องยอมรับว่าความขัดแย้งระหว่างการทำงานย่อมเกิดขึ้นได้ และทุกอย่างคงจะง่ายกว่านี้ถ้าต่างฝ่ายต่างเห็นใจในสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ฉะนั้น เราจึงต้องควบคุมในส่วนที่เราควบคุมได้ นั่นคือวิธีการทำงานของตัวเราเอง เครดิตภาพภาพปก โดย rawpixel.com จาก freepik.com ภาพที่ 1 และ 2 โดยผู้เขียนภาพที่ 3 โดย pch.vector จาก freepik.com ภาพที่ 4 โดยผู้เขียน บทความอื่นๆที่น่าสนใจรีวิวหนังสือ เรื่องแบบนี้ คนเก่งๆเขารับมือกันแบบไหนรีวิวหนังสือ จริงๆแล้วเจ้านายต้องการอะไรจากเรารีวิวหนังสือ”เวลาทำงานต้องใส่จิตวิญญาณลงไปด้วย”รีวิวหนังสือ เปลี่ยนแปลงได้ก่อน มีโอกาสมากกว่ารีวิวหนังสือ สำเร็จทุกอย่าง (WORK) เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !