หนังสือ พ่อรวยสอนวัยรุ่น (Rich dad poor dad for teens) เป็นหนังสือที่ว่าด้วยความรู้ทางการเงินที่จำเป็นสำหรับเยาวชน ซึ่งโรงเรียนไม่เคยสอน แม้เพียงเรื่องพื้นฐานอย่างกระแสเงินสดก็ไม่เคยมีครูคนไหนเคยพูดถึงหรือให้ความสำคัญเท่าที่ควรเลย อาจเป็นเพราะหลักสูตรที่ออกแบบมานั้นต้องเรียนตามที่กฎระเบียบวางไว้ ทำให้เรื่องเงินหรือการวางแผนชีวิตให้มีรายได้นอกเหนือจากงานประจำไม่เคยเป็นที่พูดถึง หนังสือเล่มนี้เขียนโดย โรเบิร์ต ที คิโยซากิ เรียบเรียงโดย นพพล วราไพบูลย์ บรรณาธิการโดย จักรพงษ์ เมษพันธุ์เนื้อหาแบ่งออกเป็น 3 ส่วนภาคที่ 1 ภาษาเงินภาคที่ 2 เคล็ดลับทางการเงินของพ่อรวยภาคที่ 3 สร้างกระแสเงินสดของคุณ เนื้อหาภายในเล่มบทที่ 1 วิธีการเรียนแบบใหม่บทที่ 2 กติกาใหม่สู่ความมั่งคั่งบทที่ 3 ทำเงินเพื่อเรียนรู้ ไม่ใช่ทำงานเพื่อเงินบทที่ 4 ใช้เงินทำงานแทนตัวเราบทที่ 5 พิม์เงินใช้เองบทที่ 6 สร้างกระแสเงินสดบทที่ 7 เล่นเกมเพื่อเรียนรู้บทที่ 8 โอกาสของวัยรุ่นบทที่ 9 บริหารทรัพย์สินของคุณบทที่ 10 บริหารหนี้สินของคุณ แนวคิดที่ได้ในมุมมองของผู้เขียนรายได้จากการทำงาน (Ordinary Earned Income) เกิดจากการลงมือทำงานก่อนแล้วถึงจะได้เงิน ด้วยการลงแรง หรือลงความคิดในการทำงาน เงินที่ได้จะเป็นทั้งเงินเดือนหรือเงินรายวันก็ได้ การที่เราถูกสอนให้หางานที่ดีทำ ก็หมายถึงรายได้ในความหมายแบบนี้ รายได้จากทรัพย์สิน (Passive Income)เป็นรายได้จากค่าเช่าจากการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ หรือรายได้จากการทำธุรกิจที่วางระบบขึ้น ค่าลิขสิทธิ์ก็เป็นรายได้ในส่วนนี้เช่นกัน ซึ่งเราทำงานในส่วนนี้สำเร็จก็จะได้ผลตอบแทนต่อเนื่องระยะยาวโดยไม่ต้องออกไปทำงานทุกวัน แค่ดูแลว่าสิ่งที่เราลงทุนต้องปรับปรุงในส่วนไหนบ้าง ตามกาลเวลาที่เปลี่ยนไป รายได้จากพอร์ตการลงทุน (Portfolio Income) ถ้าเราลงทุนในตราสารทางการเงินอย่างหุ้น พันธบัตร กองทุนรวม รายได้จะมาในรูปของเงินปันผลซึ่งคล้ายกับรายได้จากทรัพย์สิน คือ เงินของเรายังคงทำงานให้อยู่ แม้เราจะหลับอยู่ก็ตาม กุญแจสู่ความร่ำรวย คือความสามารถในการเปลี่ยนรายได้จากการทำงานให้เป็นรายได้จากทรัพย์สินหรือรายได้จากพอร์ตการลงทุน รายได้จากการทำงานจะเสียภาษีมากที่สุด ในขณะที่รายได้จากทรัพย์สินจะเสียภาษีน้อยที่สุด ประเภทของรายได้ที่ดีที่สุดคือรายได้ที่เงินทำงานหนักให้กับเรา นั่นคือ รายได้จากพอร์ตการลงทุน และ รายได้จากทรัพย์สิน จงเลือกคบเพื่อนและที่ปรึกษาให้ดี ระวังคำแนะนำจากคนอื่น หากคุณต้องการจะไปที่ใด วิธีที่ดีที่สุดคือ เลือกคนที่ได้ไปถึงจุดนั้นมาแล้ว มืออาชีพทุกคนมีโค้ช แต่มือสมัครเล่นไม่มี นักลงทุนหรือผู้ประกอบการก็เช่นกัน มักมีโค้ชหรือที่ปรึกษาที่สามารถพูดคุยกันได้เสมอ อย่างน้อยสิ่งหนึ่งที่เราทำได้คือการเลือกคบเพื่อนที่ดี อนาคตของเราถูกกำหนดโดยคนที่เราใช้เวลาอยู่ด้วยมากที่สุด ลองเขียนรายชื่อคน 6 คนที่ใช้เวลาอยู่ด้วยกันมากที่สุด เกณฑ์ในการพิจารณาก็คือ รายชื่อคนที่ใช้เวลาอยู่ด้วยมากที่สุด โดยไม่คำนึงถึงความสัมพันธ์ จะเป็นใครก็ได้ ลองเขียนแบบไม่มีอคติ เขียนตามความเป็นจริง เพื่อจะได้รู้ว่ารายชื่อเหล่านั้นจะส่งผลโดยตรงต่อปัจจุบันและอนาคตของเรา ยิ่งให้มากเท่าไร ก็ยิ่งได้รับมากเท่านั้น การเป็นคนเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่เป็นจุดสำคัญหนึ่งของการเป็นคนที่รวยขึ้น Balance Sheet หรือ งบดุล คือสิ่งที่แสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน และแสดงภาพรวมทางการเงินของเราในช่วงเวลาหนึ่ง Cash Flow (กระแสเงินสด) คือ เงินที่ไหลเข้าเป็นรายรับ และเงินที่ไหลออกเป็นรายจ่าย โดยกระแสเงินสดจะแสดงทิศทางการไหลของเงินที่สัมพันธ์กับทรัพย์สินและหนี้สิน Down Payment (เงินดาวน์) คือ เงินส่วนหนึ่งที่นักลงทุนใช้เพื่อซื้อการลงทุน เงินส่วนที่เหลือมาจากช่องทางอื่น เช่น การกู้เงิน Mortgage (จำนอง) ยกตัวอย่างให้เห็นภาพ สมมติว่าเราต้องการกู้เงินเพื่อซื้ออสังหาริมทรัพย์ ก็สามารถใช้อสังหาริมทรัพย์ชิ้นนั้นเป็นหลักประกันกับธนาคารเพื่อขอกู้เงินได้ การจำนองเป็นเอกสารค้ำประกันการกู้ยืม ROI (Return On Investment) คือ ผลตอบแทนจากการลงทุน คิดเป็นรายปี และเทียบเป็นเปอร์เซ็นต์ของเงินลงทุน เช่นซื้อคอนโดห้องหนึ่งราคา 500,000 บาท จ่ายเงินดาวน์ 100,000 บาท ที่เหลือใช้วิธีการกู้ โดยใช้การจดจำนองตัวมันเองเพื่อเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน ในแต่ละเดือนจะได้กำไร 2,000 บาทROI คือ 2,000 × 12 (เดือน) ซึ่งเท่ากับ 24,000 บาทต่อปี นำไปหารด้วยเงินลงทุนคือ 100,000 บาท จะได้เท่ากับ 24 % (พูดง่ายๆก็คือ สมการของ ROI คือรายรับ - รายจ่าย × 12 หารด้วยเงินลงทุน) ประโยคที่ว่า ฉันไม่มีเงินพอจะซื้อมันหรอก ลองเปลี่ยนเป็น ทำอย่างไรฉันถึงจะมีเงินพอที่จะซื้อมันได้ เพื่อเปิดใจที่ต้องการแก้ปัญหาเรื่องเงินอย่างจริงจัง และได้ในสิ่งที่เราต้องการ วิธีพัฒนาความรู้ด้านการเงินตามแบบฉบับพ่อรวย1.พูดคุยเรื่องเงิน เพื่อพัฒนาความฉลาดด้านภาษาและด้านการเข้าสังคม2.อ่านเรื่องเงิน เพื่อเรียนรู้วิธีบริหารจัดการเงินของมืออาชีพ เป็นการพัฒนาความฉลาดด้านภาษาและตรรกะตัวเลข ซึ่งเกิดประโยชน์กว่าการนั่งแก้โจทย์คณิตศาสตร์3.เขียนเรื่องเงิน เป็นการวิเคราะห์ว่าเงินมีบทบาทต่อชีวิตของเราในปัจจุบันและในอนาคตอย่างไร เป็นการพัฒนาความฉลาดด้านภาษา รู้จักตนเอง และด้านวิสัยทัศน์4.บริหารเงินให้ดี ถ้าเราได้เงินค่าขนม ให้คิดเหมือนกับว่ามันเป็นเงินเดือน บริหารให้ดีว่าจะนำไปใช้จ่าย เก็บออม หรือลงทุน อย่าไปคิดว่ามันเป็นเงินฟรีขอจากพ่อแม่ เป็นการพัฒนาความฉลาดด้านตรรกะตัวเลข และด้านการเข้าสังคม5.ตรวจบัญชีด้วยตัวเอง ทำงบรายรับรายจ่ายของตัวเองทุกวัน แล้วตรวจสอบทุกสัปดาห์ว่าเราหมดเงินไปกับอะไรบ้าง ทั้งนี้เพื่อพัฒนาความฉลาดด้านตรรกะตัวเลข6.รับผิดชอบตัวเอง สร้างทัศนคติที่ดีกับเงิน มองและวางแผนอนาคตสำหรับตัวเราเอง เพื่อพัฒนาความฉลาดด้านการรู้จักตัวเอง และด้านวิสัยทัศน์ ต้องบอกก่อนว่าความรู้ทางการเงินจากหนังสือเล่มนี้เป็นเพียงแนวทางเท่านั้น ไม่ใช่ฮาวทูลอกเลียนทำตามได้เลย สิ่งที่เราต้องถามตัวเองก็คือต้องทำอย่างไรให้เกิดการสร้างกระแสเงินสดให้เป็นบวก และมีเงินไหลเข้ามาเป็นรายได้ของเราให้มากกว่ารายจ่าย พื้นฐานตรงนี้ถ้าเราทำได้ และทำได้ดีมากขึ้นทุกวัน รายได้เราก็จะมากขึ้น ความร่ำรวยที่เราต้องการก็จะอยู่ไม่ไกล อยู่ที่ว่าเราอยากรวยไปถึงระดับไหน ถ้าเราอยากมีฐานะมากขึ้น เราก็แค่สร้างกระแสเงินสดให้มันใหญ่ขึ้นเท่านั้นเอง เครดิตภาพภาพปก โดย irshiny จาก freepik.com ภาพที่ 1 2 3 และ 4 โดยผู้เขียนบทความอื่นๆที่น่าสนใจรีวิวหนังสือ พ่อรวยสอนลูกรีวิวหนังสือ พ่อรวยสอนลูก เงินสี่ด้านรีวิวหนังสือ WHY THE RICH ARE GETTING RICHER (ทำไมคนรวยยิ่งรวยขึ้น)รีวิวหนังสือ โรงเรียนสอนธุรกิจ สำหรับคนที่ชอบช่วยเหลือผู้อื่น (The Business School for people who like helping people)รีวิวหนังสือ SECOND CHANGE โอกาสอีกครั้ง มั่งคั่งอีกหนเปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !