หุ้น ทางเลือกหนึ่งในการลงทุนเพื่อสร้างความมั่งคั่งที่ใครๆก็สามารถเข้าร่วมได้ และหุ้นก็ทำให้หลายคนสร้างตัวได้จากเงินปันผลและทำกำไรส่วนต่างได้หลายคน ขณะเดียวกันก็มีหลายคนเสียหายขาดทุนจากหุ้นไปก็มีไม่น้อย ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร ได้เขียนบทความโดยชี้ให้เห็นว่าการลงทุนเพื่อชีวิตควรมีนิยามอย่างไร เพื่อที่ว่าหุ้นที่เราลงทุนนั้นมีความหมายที่ดีกับชีวิตของเรามากขึ้น โดยบทความนั้นเขียนขึ้นช่วงปี พ.ศ. 2550 (ค.ศ. 2007) ซึ่งสอดคล้องกับบริบทของผู้คนในสังคมไทยสมัยนั้น เนื้อหาภายในเล่มเกิดเป็น Value Investorแก่นของ VIหมู่เฮาชาว VIVI กำสรวลValue เปลี่ยนสี ? บิลล์ มิลเลอร์อาวุธนักลงทุนการลงทุนเพื่อชีวิตความยืดหยุ่นในการลงทุนคาถาลงทุนผลตอบแทนที่คาดหวังพอร์ตของความมั่งคั่งถาด 3 ใบบทเรียน 3 ข้อของชาร์ลีบทเรียนจาก แอนโทนี่ โบลตันการวิเคราะห์ทางเทคนิคStay Hungry, Stay Foolishกระ(ทิง)เทียมตลาดมะนาวนักบริหาร VS นักลงทุนคนรวย VS คนชั้นกลางGreat Companyทำอย่างไรเมื่อหุ้นตกความลำเอียงคนตายไม่ได้พูดความฝัน-ความจริงโฆษณาหุ้นเจ้าสัวเยสเตอร์เดย์ภาพใหญ่-ภาพเล็กมือที่มองไม่เห็นมูลค่าในจินตนาการเลขในใจเร่งความรวยสิบปีหลังวิกฤตหุ้นนางฟ้าเหนือฟ้ายังมีฟ้าจิตมนุษย์นั้นไซร้ประสิทธิภาพผอม-รวย-มีความสุขพนัน-เก็งกำไร-ลงทุนวัดผลการลงทุน ความรู้ความประทับใจจากครีเอเตอร์ ได้เรียนรู้ว่าแก่นของ VI จากปรมาจารย์ต้นฉบับ เบนจามิน เกรแฮม ให้นิยามไว้ว่า1.ลงทุนซื้อหุ้นให้เหมือนกับว่าเราลงทุนเป็นเจ้าของธุรกิจ เป็นหุ้นส่วนกับเขา แล้วเราจะมีแก่ใจวิเคราะห์ต่อว่าธุรกิจของเขาทำอะไร สินค้าเป็นอย่างไร ยอดขายเท่าไหร่ ฐานะการเงินมีหนี้สินมากน้อยแค่ไหน เติบโตได้หรือไม่ เติบโตได้อีกนานแค่ไหน แล้วผู้บริหารมีความน่าเชื่อถือหรือเปล่า โดยความเป็นไปของธุรกิจสำคัญกว่าราคาที่ขึ้นลง2.หามูลค่าที่แท้จริง (Intrinsic Value) ของหุ้นตัวนั้น หาได้จากการคิดส่วนลดเงินสดที่เราจะได้รับในอนาคต นี่คือการหามูลค่าทางทฤษฎี ซึ่งยุ่งยากมาก เราจึงนิยมใช้ค่า PE ราคาต่อกำไรต่อหุ้น หรือค่า PB กำไรต่อมูลค่าหุ้นทางบัญชี มาวัดว่าหุ้นแพงหรือถูก ราคาเหมาะสมแล้วหรือยัง3.ซื้อหรือขายหุ้นต่อเมื่อมีส่วนต่างระหว่างมูลค่าที่แท้จริงกับราคาหุ้นในตลาด ถ้าราคาต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงมาก เราซื้อตอนนั้นโอกาสขาดทุนจะน้อย เพราะโดยธรรมชาติราคาหุ้นจะวิ่งไปหามูลค่าที่แท้จริงไม่วันใดก็วันหนึ่ง เรียกว่ามีการเผื่อความปลอดภัย หรือ Margin of safety4.ตลาดหุ้นเป็นที่ที่จะรับใช้เรา ไม่ใช่คนที่จะสั่งเราว่าจะต้องทำอะไร การที่เราค้นหาหุ้นราคาถูกกว่ามูลค่า ซื้อแล้วเก็บไว้ รอราคาสะท้อนมูลค่าที่แท้จริงก่อนแล้วค่อยขาย คือแนวคิดว่าตลาดเป็นผู้รับใช้ ส่วนการที่ตลาดสั่งเรานั้นเกิดจากเราเฝ้าติดตามการขึ้นลงของราคา โดยไม่ได้คำนึงถึงพื้นฐานของกิจการเลย ได้เรียนรู้ว่าอาวุธของนักลงทุนหุ้น ได้แก่1.ข้อมูลของบริษัทหรือหุ้นที่เราจะลงทุน ส่วนใหญ่คนภายในจะรู้เรื่องมากกว่า2.การวิเคราะห์ คืออาวุธที่ใช้ในการตีความข้อมูลที่ได้รับมา3.ความรู้เกี่ยวกับการลงทุน เป็นอาวุธที่ใช้เพื่อวางกลยุทธ์ ทั้งการกระจายความเสี่ยง สถิติผลตอบแทนของตลาด จิตวิทยาของผู้คน เศรษฐกิจและสังคมที่ประวัติศาสตร์มักซ้ำรอยเป็นประจำ เน้นความรอบรู้เป็นหลักเพื่อประยุกต์ใช้กับสถานการณ์ต่างๆได้ทันท่วงที4.พฤติกรรมของอารมณ์ของเราเอง นี่คืออาวุธที่ใช้ประโยชน์หรือเป็นโทษกับเราเองก็ได้ เพราะบางคนรอบรู้เท่ากัน แต่อีกคนสามารถลงทุนได้ดีกว่าเพราะเรื่องของอารมณ์และจิตใจ ได้เรียนรู้หลักการลงทุนเพื่อชีวิต เพื่อมีรายได้ประจำอย่างยั่งยืนราวกับมีชีวิตเราเดิมพันอยู่ในนั้น1.เราทำมันอย่างมีสำนึกที่ดีกับการลงทุนซื้อขายหุ้น ไม่ทำเหมือนเป็นการพนัน2.ลงทุนอย่างจริงจัง ไม่ซื้อหุ้นแบบฉาบฉวย3.ลงทุนในหุ้นมีสัดส่วนที่มีนัยสำคัญสูง เมื่อเทียบกับทรัพย์สินที่มีสภาพคล่องสูงที่เรามีอยู่4.ลงทุนอย่างต่อเนื่องยาวนาน5.เราลงทุนเพื่อชีวิตในวันข้างหน้า โดยเฉพาะเมื่อเราเกษียณแล้ว6.หุ้นทุกตัวที่ซื้อลงทุนจะต้องมีส่วนเผื่อความปลอดภัยป้องกันการขาดทุนได้ เรียกว่าหุ้นมี Margin of safety พอ7.ลงทุนเพื่อชีวิตจะประสบความสำเร็จ เมื่อเงินปันผลที่ได้จากหุ้นเพียงพอต่อการใช้จ่ายประจำปีของเราได้แล้ว ได้เรียนรู้ว่าคาถาลงทุนของ ดร.นิเวศน์เพื่อป้องกันไม่ให้เราผิดพลาดและเกิดความเสียหายเอาได้1.การซื้อหุ้นคือการลงทุนทำธุรกิจ2.มีเหตุผล อย่าลำเอียงจากเหตุที่เราถือหุ้นนั้นๆอยู่3.อย่าเก็งกำไร เราไม่มีทางคาดเดาตลาดได้แม่นยำ4.อย่าตกใจไปกับวิกฤติเศรษฐกิจ การเมือง และสังคม5.ต้องเผื่อ Margin of Safety เสมอ ได้เรียนรู้หลักการของความแตกต่างระหว่างคนรวยกับคนชั้นกลาง ซึ่งได้แก่1.เศรษฐีมองการณ์ไกล คนชั้นกลางแค่มองการหาเช้ากินค่ำรอรับเงินเดือน2.คนรวยพูดถึงเรื่องไอเดียธุรกิจหรือการลงทุน คนชั้นกลางพูดเกี่ยวกับสิ่งของ คนจนชอบพูดถึงคนอื่น (นินทา)3.คนรวยยอมรับการเปลี่ยนแปลง คนชั้นกลางไม่ยอมรับ ปรับตัวไม่ได้4.คนรวยกล้ายอมรับความเสี่ยงที่พิจารณามาดีแล้ว คนชั้นกลางไม่อาจยอมรับ5.คนรวยเรียนรู้และเติบโตตลอดชีวิต คนชั้นกลางจบการเรียนรู้ที่โรงเรียน6.คนรวยทำงานเพื่อกำไร คนชั้นกลางทำงานเพื่อค่าจ้าง/เงินเดือน7.คนรวยเชื่อว่าตนต้องใจบุญ คนชั้นกลางคิดว่าตนทำบุญไม่ไหว8.คนรวยมีรายได้หลายช่องทาง คนชั้นกลางมีรายได้ 1-2 แหล่ง9.คนรวยเน้นการเพิ่มความมั่งคั่งของตนเอง คนชั้นกลางเน้นขึ้นเงินเดือน10.คนรวยชอบตั้งคำถามเป็นบวกและสร้างกำลังใจ คนชั้นกลางนั้นตรงกันข้ามแม้จะทำตามได้ทุกข้อก็ไม่อาจรับประกันได้ว่าเราจะรวยได้ทันที แต่เป็นการเพิ่มแนวโน้มของความร่ำรวย เพิ่มคุณภาพชีวิตทางการเงินมากขึ้นได้ ซึ่งทำให้เราตั้งต้นสร้างตัวให้ประสบความสำเร็จได้ไม่ช้าก็เร็ว ทั้งหมดนี้ทำให้ครีเอเตอร์เรียนรู้วิถีชีวิตของคนรวยมากขึ้น รวมถึงการลงทุนหุ้นระยะยาวเพื่อลดความเสี่ยง เพิ่มความอยู่รอด และหวังผลตอบแทนอย่างงดงาม แม้ครีเอเตอร์จะมีวิสัยทัศน์ที่ไม่ดีเท่าคนที่รวยแล้ว แต่ถ้าเราปรับปรุงตัวทันก็ไม่แน่ว่าเราก็อาจจะมีชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้นได้ พฤติกรรมและมุมมองทางความคิดของคนรวยแม้จะยังทำตามไม่ได้ทั้ง 100% เนื่องจากความจำเป็นบีบคั้นจากเรื่องที่ต้องเผชิญร้อยแปด แต่ถ้าเราปรับแนวคิดให้เข้ากับชีวิตของเราได้ ก็ไม่แน่ว่าเราอาจมีคุณภาพชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้นได้ครับ เครดิตภาพภาพปก โดย wirestock จาก freepik.comภาพที่ 1 และ 2 โดยผู้เขียนภาพที่ 3 โดย mamewmy จาก freepik.com ภาพที่ 4 โดย freepik จาก freepik.com บทความอื่นๆที่น่าสนใจรีวิวหนังสือ เด็กวัดดอน ชีวิต ความฝัน และการลงทุน โดย ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากรรีวิวหนังสือ Super Stock ในตลาดหุ้นเวียดนามรีวิวหนังสือ SUPER STOCK มหัศจรรย์ของหุ้น VI โดย ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากรรีวิวหนังสือ ลงทุนหุ้นอย่างสบายใจ โดย ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากรรีวิวหนังสือ รู้เขารู้เรา เล่นหุ้น 100 ครั้ง ชนะ 70 ครั้ง โดย ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !