การลงทุนในหุ้นไทยช่วงนี้ต้องยอมรับว่า ผลตอบแทนไม่อาจดีได้เหมือนอย่างก่อนอีกแล้วทางเลือกของนักลงทุนรายย่อย คือ การเทรดแบบเก็งกำไร ซึ่งเป็นทางที่ ดร.นิเวศน์ ไม่ถนัด จึงเลือกใช้กลยุทธ์แบบลงทุนในประเทศที่กำลังเติบโต อย่างประเทศเวียดนามแทนการลงทุนในหุ้นไทย พ.ศ.2565 ที่ผ่านมา ดร.นิเวศน์ก็ยังลงทุนต่อไป ด้วยเหตุผลที่ว่าเรารู้จักกิจการเหล่านั้นและเข้าใจความเป็นไปของประเทศได้ดีอยู่ ดังนั้น หุ้นไทยจึงไม่ถึงกับทอดทิ้งขายหมดไปจากพอร์ตแต่อย่างใด แต่สิ่งหนึ่งที่เห็นในตลาดหุ้นไทย คือ การเก็งกำไรแบบ Corner หรือต้อนราคาหุ้นจนเข้ามุม และเมื่อถึงจุด Corner แตก ก็จะมีนักลงทุนที่เทขายไม่ทัน เสียหายอย่างหนักปรากฏให้เห็น และนี่คือสิ่งที่ ดร.นิเวศน์ อยากให้เราตระหนักถึงความเสี่ยงมากกว่าผลตอบแทนที่จะได้รับ เนื้อหาภายในเล่มชีวิต ความฝัน และการลงทุนเส้นทางชีวิตก่อนเป็นนักลงทุนเต็มตัวถ้าย้อนอายุกลับไปที่ประมาณ 25 ปีได้ ในวันนี้ ผมจะลงทุนอย่างไร ?คำทำนายดัชนีหุ้นปีหน้านิสัยของ VI ผู้มุ่งมั่นNoise หรือ Information เล่นสั้นหรือยาวมรสุมตลาดหุ้นตลาดหุ้น SET-MAI-BBเทศกาลปั่นหุ้นอวสานของหุ้นสตอรี่ ?หุ้นยักษ์ใน Cornerวัน Corner แตกทรงอย่างแบด-วัน Corner แตกลงทุนในหุ้น Deep Valueลงทุนแบบวี-ไอน์สไตน์หมีเมกามาแว้วหุ้นปั่น VS แชร์ลูกโซ่ เหยื่อ VS นักล่าอวสานของหุ้นเทคโนโลยี ?บทเรียนตลาดหุ้นฟื้นหลังวิกฤติบทเรียนจากตลาดหุ้นจีนและหุ้น BABAบทเรียนจากดีล SCB-Bitkubเหรียญทุกชนิดคือชิปคาสิโนอวสานของเหรียญคริปโทเคอร์เรนซีบัฟเฟตต์เปลี่ยนไป ?แผนการเงินตลอดชีวิตของคนเจน Zความมั่งคั่งในตลาดหุ้น(อาจ)เป็นภาพลวงตาจากรางน้ำถึงสยามสแควร์ดีเลิศหรือเลวร้าย ต่างก็เป็นเรื่องชั่วคราวเติบโตอย่างรุ่งเรืองด้วยการควบรวมทำไมประเทศถึงล้มละลายเผาหลอก-เผาจริงBattle for Bangkok : แสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์กับการลงทุนเงินเฟ้อ-เศรษฐกิจฟุบ-หุ้นฝืดชะตากรรมของหุ้นเล็กแสนล้านดอกเบี้ย-เงินเฟ้อ-ค่าเงินบาท และตลาดหุ้นเดจาวู World War Twoตลาดหุ้นในยุคสงครามเย็น-รอบ 2สงครามยุคใหม่ รัสเซีย-ยูเครนใครจะชนะ ?วัฏจักรชีวิตของตลาดหุ้นโตเร็วเวลาช้อนหุ้นยิ่งใหญ่ตลาดหุ้นเวียดนามถล่ม : วิกฤติหรือโอกาสวิกฤติตลาดหุ้นเวียดนาม : ภัยคุกคามหรือโอกาส ?อนาคตของประเทศไทย VS เวียดนามเชือดโรงกลั่น : ได้ไม่คุ้มเสีย ? แนวคิดที่ได้จากมุมมองของครีเอเตอร์ได้เรียนรู้ว่าถ้า ดร.นิเวศน์ มีอายุ 25 ปีในปัจจุบันจะลงทุนแบบ VI ในตลาดหุ้นเวียดนาม เพราะมีการเติบโตเร็วคล้าย ๆ กับประเทศไทยเมื่อซัก 15-20 ปีก่อน โดยจะลงทุนในหุ้น “ซุปเปอร์สต็อก”แล้วก็ถือยาวเป็นอย่างน้อย 10 ปีขึ้นไปแล้วรอให้หุ้นเหล่านั้นโตขึ้นเรื่อย ๆ จนกลายเป็นหุ้นใหญ่หรือหุ้นยักษ์อย่างที่เกิดขึ้นในตลาดหุ้นไทย ได้เรียนรู้ว่าการลงทุนเวียดนามในอนาคตอาจจะไม่เป็นอย่างที่เราคาดหวังก็ได้ ตั้งแต่เรื่องการปกครองของประเทศ นโยบายการปกครอง การคอร์รัปชันของทางการ เป็นต้น ดังนั้น เราต้องพร้อมรับมือกับสิ่งที่ไม่คาดคิดกับการลงทุนเสมอ ได้เรียนรู้ว่าต่อให้ได้ไปลงทุนในตลาดหุ้นเวียดนาม โอกาสจะรวยแบบในตลาดหุ้นไทยในอีก 10-20 ปีข้างหน้าก็น้อยมาก เพราะความสำเร็จที่เคยทำได้ในหุ้นไทยตอนนั้น โชคมีส่วน 60-70% ขึ้นไป โชคที่ว่าคือเราเริ่มลงทุนในช่วงเวลาที่เป็น “ยุคทอง” ของการลงทุนแบบ VI ในตลาดหุ้นไทย ถ้าหุ้นไม่ได้แย่เกินไป ยังไงก็รวย ฝีมืออาจจะเป็นส่วนประกอบเท่านั้น และต่อจากนี้จะทำไม่ได้อีกแล้ว นี่คือครั้งแรกที่ ดร.นิเวศน์ ยอมรับเรื่องของโชคสูงมาก ซึ่งครีเอเตอร์ก็เห็นด้วยอย่างยิ่ง ได้เรียนรู้ว่าการทำ Corner หุ้นตัวเล็กนั้นต้องมีคุณสมบัติที่เอื้ออำนวยให้ดันราคาขึ้นได้ดังนี้1.หุ้นที่หมุนเวียนในตลาดจะต้องมีสัดส่วนน้อย เช่น 25-30% ของหุ้นทั้งหมด คิดเป็นเงินไม่มาก เช่น ไม่เกิน 300 ล้านบาท จาก Market Cap. 1,000 ล้านบาท โดยอาจมีการตกลงกันก่อนว่าจะไม่ขายอย่างน้อยในช่วงเวลาหนึ่ง2.เป็นบริษัทที่อยู่ในธุรกิจหรือผู้บริหารเข้าไปทำธุรกิจ “แห่งอนาคต” ที่จะสามารถทำกำไรแบบ “มโหฬาร” ได้ แต่จะทำได้จริงหรือไม่ ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ3.การ Execute หรือการลงมือปฏิบัติต้องทำเป็นกลุ่มที่เส้นทางการเงินเป็นของใครของมัน ไม่มีการใช้ Nominee หรือตัวแทนในการซื้อขาย4.การทำ Maintenance หรือคอยประคองราคาและปริมาณการซื้อขายต่อเนื่องเพื่อที่จะค่อย ๆ “ออกของ” หรือทยอยขายหุ้นในราคาที่สูงที่สุดเท่าที่จะทำได้สุดท้ายแล้วหุ้นที่ถูก Corner นานหลายปี เดี๋ยวราคาก็จะตกลงมาและหมดอนาคต ไม่มีใครไปเล่นหุ้นนั้นอีกนาน นักลงทุนรายย่อยอย่างครีเอเตอร์จึงต้องระวังให้มาก ได้เรียนรู้ว่าวันที่ Corner หุ้นจะแตก มักเป็นวันที่มีเหตุการณ์ ดังนี้1.วันประกาศผลประกอบการโดยเฉพาะประจำปีของบริษัท ถ้ากำไรไม่เป็นไปตามคาด คนก็จะหมดความเชื่อมั่นในหุ้นตัวนั้น2.วันที่มีการเปิดเผยว่ามี “Fraud” หรือการโกงในบริษัทที่ทำโดยผู้บริหารหรือผู้ถือหุ้นใหญ่ก็ทำให้ Corner หุ้นแตกได้เช่นกัน3.วันที่เกิดวิกฤติการเงินเศรษฐกิจและตลาดหุ้น โดยมักเกิดขึ้น 10 ปีต่อครั้ง4.วันที่คนทำ Corner เองตัดสินใจที่จะขายหุ้นทำกำไรอย่างรวดเร็วเกินไปจนราคาหุ้น “ถล่ม”ได้เรียนรู้ว่า คนเจน Z ที่มีสถานะครอบครัวระดับกลาง ความสามารถระดับกลาง และจบการศึกษาในระดับปริญญาตรีหรืออาชีวศึกษาจะวางแผนการเงินอย่างไรเพื่อที่จะสามารถใช้ชีวิตอย่างมีความสุขและไม่ต้องพึ่งพาคนอื่นตลอดชีวิต ดร.นิเวศน์ให้แนวทางว่า...1.เก็บออมเงิน 15% ของรายได้ไม่ว่าจะเป็นเงินเดือน โบนัส หรือรายได้อื่น ๆ ทุกเดือนแล้วนำมาลงทุนในหุ้นของตลาดหุ้นของประเทศที่มีการเติบโตดีและจะต่อเนื่องไปในระยะยาวอย่างน้อย 10 ปีขึ้นไป2.ไม่สนใจในเรื่องของภาวะตลาดหุ้นว่าช่วงที่เราจะลงทุนนั้นดัชนีหุ้นตกลงมาหรือขึ้นไป เราจะลงทุนคล้าย ๆ แบบ DCA หรือ “Dollar Cost Average”3.เงินที่เราจะถอนเอามาใช้ได้ในเดือนแรก เราจะถอนเมื่อหลังจากอายุ 60 ปีที่เราเกษียณที่เราไม่มีรายได้แล้วเท่านั้น ทั้งหมดนี้คือเนื้อหาบางส่วนที่น่าสนใจเกี่ยวกับการลงทุนหุ้นแบบ VI ในยุคสมัยปัจจุบันที่ต้องมีการปรับตัวไปตามสภาวะสังคมและก็ต้องยอมรับว่ามันเป็นการลงทุนที่หวังผลในระยะยาวจริงๆ ทุกอย่างอาจเกิดขึ้นได้หมดทั้งที่เป็นไปตามแผนและไม่เป็นไปอย่างที่หวัง แต่อย่างน้อยการได้รับผลตอบแทนโดยที่ไม่ได้แบกรับความเสี่ยงที่มากจนเกินไปนั้นย่อมทำให้การลงทุนของเราสบายใจในยามเกษียณได้ แม้จะไม่ได้ร่ำรวยในช่วงวัยทำงานก็ตาม เครดิตภาพภาพปก โดย jruiz1708 จาก freepik.comภาพที่ 1 และ 2 โดยผู้เขียนภาพที่ 3 โดย rawpixel.com จาก freepik.comภาพที่ 4 โดย freepik จาก freepik.comบทความอื่นๆที่น่าสนใจรีวิวหนังสือ เด็กวัดดอน ชีวิต ความฝัน และการลงทุน โดย ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากรรีวิวหนังสือ ตีแตก กลยุทธ์การเล่นหุ้นในภาวะวิกฤติรีวิวหนังสือ Super Stock ในตลาดหุ้นเวียดนามรีวิวหนังสือ ลงทุนหุ้นท่ามกลางวิกฤติ โดย ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากรรีวิวหนังสือ ลงทุนแบบ เบน เกรแฮม โดย ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากรเปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !