สำหรับคนทำงานออฟฟิศที่ทำงานล่วงเวลาดึก ๆ ดื่น ๆ จำเป็นต้องมาทำความรู้จักกับโรคคาโรชิ ซินโดรม เพราะเป็นโรคที่สามารถทำให้เสียชีวิตได้ ภาพถ่ายโดย energepic.com จาก Pexels โรคคาโรชิ ซินโดรม มีที่มาจากประเทศญี่ปุ่น โดยเริ่มต้นขึ้นเมื่อปี 1970s เป็นยุคฟื้นฟูหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นโรคสำหรับคนบ้างาน เพราะสังคมญี่ปุ่นนั้นมีชื่อเสียงเรื่องการทำงานหนักเป็นอย่างมาก เป็นประเทศที่พนักงานทุ่มเทกับการทำงานให้แก่บริษัท มีการจริงจังกับการทำงานสูงสิ่งเหล่านี้อาจจะเป็นผลดีต่อบริษัทและเศรษฐกิจของประเทศอย่างมาก แต่สำหรับร่างกายของเหล่าพนักงานที่ทุ่มเทการทำงานมากมายขนาดนั้นมันอาจจะไม่คุ้มเลย และในญี่ปุ่นยังมีเหตุการเสียชีวิตที่เกิดจากการโหมงานหนักอยู่บ่อยครั้ง หรือเหตุการที่วัยทำงานในญี่ปุ่นที่อยู่ในบริษัทชั้นนำของประเทศได้ฆ่าตัวตายเป็นจำนวนหลายร้อยคน แม้ว่าเราทุกคนจะรู้ดีว่าการทำงานล่วงเวลานั้นสามารถเพิ่มรายได้ให้แก่เราได้ แต่สำหรับสุขภาพแล้วการทำงานมากเกินไปจนทำให้เกิดความเครียดสะสมเป็นภัยร้ายที่ส่งผลเสียต่อร่างกายอย่างร้ายแรง โรคคาโรชิ ซินโดรม ( Karochi Syndrom ) คือโรคที่มักจะเกิดขึ้นกับคนที่ขยันทำงานมากจนเกินไป ทำงานหนักจนเกินกำลัง หลายคนไม่รู้ว่าเป็นโรคนี้และยังโหมทำงานอย่างหนักจนไม่มีเวลาพักผ่อน และยิ่งเครียดพอความเครียดสะสมมาก ๆ จึงทำให้มีโรคอื่นตามมาอีกมากมาย ถ้าเป็นโรคคาโรชิ ซินโดรมแล้วรู้ตัวอาจจะไม่ทำให้ถึงตาย แต่เมื่อเป็นโรคนี้นาน ๆ ไปจนเกิดโรคอื่นแทรกซ้อนนั้นแหละทุกคนเป็นสาเหตุที่ทำให้ตายอย่างแท้จริง ภาพถ่ายโดย Burst จาก Pexels อาการทั่ว ๆ ไปของโรคคาโรชิ ซินโดรม ร่างกายของคุณจะเริ่มรู้สึกปวดเมื่อย เช่น ปวดหลัง ปวดไหล่ ปวดขา ปวดท้ายทอย ฯลฯ ซึ่งอาการต่าง ๆ ของโรคนี้จะคล้าย ๆ กับโรคออฟฟิศซินโดรม แต่อาการเหล่านี้จะนำมาซึ่งโรคร้ายแรงตามมา เช่น โรคหัวใจ โรคกระเพราะ โรคเบาหวาน ( โรคคาโรชิ ซินโดรมนี้เหมือนเป็นแค่ฉนวนที่จะนำมาซึ่งโรคร้ายแรงที่จะตามมาอีกมากมายนั้นเอง ) วิธีรับมือและแก้ปัญหากับโรคคาโรชิ ซินโดรม 1. สังสรรค์ผ่อนคลายกับเพื่อนร่วมงานบ้าง การทำงานในทุก ๆ วันนั้นคงทำให้หลายคนเหนื่อยล้า การที่เรานัดเพื่อนร่วมงานออกไปหากิจกรรมทำเพื่อผ่อนคลายจากการทำงานถือว่าเป็นสิ่งที่ดี เพราะนอกจากได้คลายเครียดจากงานแล้ว ยังได้มิตรภาพด้วย ภาพถ่ายโดย Satoshi Hirayama จาก Pexels 2. ชื่นชมผลงานของเพื่อนร่วมงานบ้าง การชื่นชมงานของเพื่อนร่วมงานก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ทำให้เรากับเพื่อนร่วมงานนั้นมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน และช่วยเหลือซึ่งกันและกันเมื่อเกิดปัญหา 3. หาเวลาพักผ่อน หรือลาพักผ่อนบ้าง การหาเวลาพักจากการทำงานพาร่างกายออกไปผ่อนคลายตามธรรมชาติเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในการแก้ไขปัญหาที่ทำให้เราเครียดจากการทำงาน สุดท้ายนี้ไม่ว่าการทำงานจะเครียดและกดดันมากเท่าไหร่ สุขภาพเป็นสิ่งที่สำคัญเราควรหมั่นดูแลสภาพร่างกายและสภาพจิตใจตัวเองให้ดี และการทำงานหนักแบบคนญี่ปุ่นมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ดังนั้นคุณควรจะเลือกพิจารณาสิ่งที่จะเป็นประโยชน์ในการทำงานมาปรับใช้ และบ้างสิ่งที่มากเกินไปก็ควรศึกษาไว้เพื่อเป็นข้อเตือนใจของตัวเอง ช่องทางติดตามบทความอื่น ๆ https://www.noozup.me/2263778/ https://www.blockdit.com/posts/5de1540c2b674a26cdbbed2a โดยบทความนักเขียนเป็นผู้เขียนเองทั้งหมดตามช่องทางต่าง ๆ นี้