มีคำถามจากเพื่อนคนหนึ่งเกี่ยวกับการ Haircut หนี้... ท้าวความคือ เพื่อนหยุดจ่ายหนี้บัตร (เกือบ) ทั้งหมดแล้ว เหลือ 1 ใบ คือบัตรเครดิตเจ้าเดียวกับธนาคารที่เงินเดือนเข้า ใบนี้ใช้ปกติดี พยายามไม่ให้เกิดปัญหา อีก 3-4 ใบ หยุดจ่ายทั้งหมดแล้ว และตั้งใจอย่างมากที่จะทำ hair cut หนี้คำถามคือได้ส่วนลดมาแล้วจำนวนหนึ่ง แต่อยากขอต่อรองลงอีก จะหมดโปรฯ หรือไม่? เป็นคำถามที่น่าคิดมาก เพราะแท้จริงแล้ว ก็ไม่มีใครรู้ว่าเจ้าหนี้มีเงื่อนไขอย่างไรกันแน่ แต่ที่แน่ ๆ เค้าอาจไม่เอาดอกเบี้ยก็ได้สำหรับหนี้ก้อนนี้ (เพราะได้ไปเยอะแล้ว) แต่ขอให้ได้เงินต้นคืนมา ... เราไปดูกันว่า จากการไปค้นหาคำตอบ ได้ความว่ายังไงกันบ้าง?เครดิต : StockSnapก่อนอื่นเลย มาดูคุณสมบัติของลูกหนี้ (เพื่อนเรา) กันก่อน ... มีเงินเดือน 22,000 บาท เท่ากับเสี่ยงต่อการอายัดเงินเดือน มีรถยนต์ในชื่อของตัวเอง เท่ากับเสี่ยงต่อการโดนยึดรถ เราแอบแซวว่า ทำขายให้เราก่อนก็ได้นะ ปิดหนี้แล้วเดี๋ยวโอนคืนให้ เพื่อนบอกว่า.. ไม่เอาหรอก เดี๋ยวแกไม่โอนคืน (ฮา..ล้อเล่นกันไป)สำหรับเงินเดือน แม้จะเสี่ยงถูกอายัดเพียง 2,000 บาท (กฎหมายให้อายัดจำนวนที่เกิน 20,000 บาท) แต่หากปล่อยเรื่องเลยเถิดไปจนถึงการอายัด ก็จะหมดหนี้สินยาก แถมยังต้องเป็นหนี้ระยะยาวไปอีก ความตั้งใจตอนนี้คือ จะเจรจาต่อรองแล้วพยายามปิดให้ได้ ดังนั้นเป็นเวลามากกว่า 6 เดือนมาแล้ว ที่เก็บเงินก้อนเอาไว้เดือนละ 8,000-10,000 บาท จึงพร้อมที่จะจ่ายชำระพอสมควรเครดิต : Alexas_Fotosหนี้ก้อนนี้เป็นหนี้บัตรกดเงินสด (Um..นี่คือคำใบ้ “ง่าย ๆ ”) เงินต้นรวมดอกเบี้ยมียอดอยู่ที่ 58,000 บาท ฝ่าฟันมรสุมการทวงหนี้มาพอสมควร หลัง ๆ เพื่อนบอกว่า ก็รับสายบ้าง ไม่รับบ้าง และทุกครั้งก็จะขอยอดปิดเสมอ และครั้งนี้ได้ยอดเสนอมาที่ 40% จึงเป็นที่มาของคำถามที่ว่า “จะขอต่อรองเพิ่มอีกได้ไหม?”จากการตามอ่านจากประสบการณ์ของผู้อื่น พบว่าเจ้าหนี้ Non bank เจ้านี้ ค่อนข้างให้ส่วนลดเยอะ ยิ่งหากใช้บัตรมานานก็มีโอกาสที่จะขอลดหนี้ได้มากขึ้น แต่ปัญหาคือ ทุกอย่างคือประสบการณ์ของผู้อื่น ซึ่งจะเกิดขึ้นกับเพื่อนเราหรือเปล่า ไม่มีใครรู้ได้เลย เราจึงบอกเพื่อนไปว่า ลองขอไปอีกนิดหนึ่ง แล้วบอกเค้าว่า เรามีแค่นี้ จ่ายงวดเดียวจบได้เลย แล้วอย่าลืมถามด้วยว่า จะส่งฟ้องวันไหน ถ้ายังตกลงกันไม่ได้ ก่อนวันฟ้อง 1-2 วัน ให้รีบโทรไปปิดซะ เผื่อจะได้ยอดที่ดี เพราะเจ้าหนี้เค้าก็มีค่าใช้จ่ายในการยื่นฟ้องเหมือนกัน ได้แค่ไหนก็ให้รีบปิดไปเลย ... เพราะอะไร? อ่านกันต่อค่ะเครดิต : stevepbกรณีนี้เพื่อนเราได้ส่วนลดมาอยู่แล้ว 40% หากโชคดีอาจได้ลดเพิ่มอีก แต่หากไม่รับไว้ ปล่อยให้เจ้าหนี้ฟ้อง ทีนี้เรื่องมันจะยาวออกไป คนที่ปล่อยให้ฟ้อง เพราะเค้าไม่มีเงินก้อน ก็เลยต้องปล่อยให้เป็นไป ไปว่าเอาข้างหน้า แต่เพื่อนมีเงินในมือแล้ว จะเลือกหนทางฟ้องไปทำไม? การเจรจาต่อรองตอนที่ส่งฟ้องไปแล้ว แม้ว่าจะทำได้ แต่อาจจะไม่ได้ส่วนลดเท่าเดิมอีกแล้ว เพราะเค้าจะนำจำนวนยอดหนี้ทั้งหมดมาฟ้อง และยอมให้เราผ่อนจ่ายแบบรายเดือน หรือจะจ่ายก้อนเดียวก็ได้ โดยอาจมีดอกเบี้ยบวกเข้าไปด้วย สรุปว่าที่เคยได้ลดหนี้ 40% ก่อนหน้านี้ หลุดลอยไปแล้ว เครดิต : blickpixelจากนั้นไม่นาน เพื่อนส่งข่าวมาว่า ก่อนฟ้อง 1 วัน ได้คุยกันอีกรอบ สรุปปิดจบได้ที่ 75% ปิดกันที่ 14,500 บาท แบบจ่ายก้อนเดียวจบเลย แน่นอนว่าเพื่อนเราจ่ายได้ทันที เพราะเก็บออมมาประมาณหนึ่งแล้ว ส่วนเราย่อมดีใจกับเพื่อนแน่นอน เพราะโล่งอกไปแล้ว 1 ใบ แต่ว่าต่อไปนี้เพื่อนต้องเจองานหินแล้ว เพราะเจ้าอื่น ๆ เค้าว่ากันว่าคุยยากมาก บางเจ้าไม่ลดต้นให้เลย ลดให้เฉพาะดอกเบี้ย ดังนั้น ก็ต้องวางแผนการเจรจากันต่อไปเครดิต : StockSnapสรุปว่า ลูกหนี้สามารถเจรจาต่อรอง หรือ ทำ haircut หนี้ ได้ตลอดทุกกระบวนการ แต่จะได้ส่วนลดมากน้อย ก็ขึ้นอยู่กับเจ้าหนี้จะพิจารณาด้วย สำคัญกว่ายอดลดที่ได้มา ก็คือเรามีเงินก้อนพร้อมจ่ายหรือไม่ สำหรับเพื่อนเราวางแผนการหยุดจ่ายมาพอสมควร จึงทำให้เก็บเงินก้อนได้บ้าง แต่สำหรับบางคนก็น่าเสียดาย แม้ว่าเจ้าหนี้จะให้ส่วนลดมากแค่ไหนก็ตาม แต่ยังไม่สามารถปิดหนี้ให้จบไปได้ จึงต้องไปว่ากันที่การสืบทรัพย์บังคับคดีกันต่อไปกดที่รูปโปรไฟล์ แล้วกด “ติดตาม” เอาไว้นะคะ เรามีประสบการณ์เรื่องการจัดการหนี้สินมาแชร์อีกเยอะเลยค่ะ เครดิตภาพปก : TechPhotoGalบทความน่าอ่าน :- จ่ายชำระหนี้ขั้นต่ำไม่ไหว เก็บเงินก้อนไม่ได้ ทำยังไงดี?- ลูกหนี้ควรรู้ 5 ช่องทางการขอส่วนลดจากยอดหนี้ค้างชำระ (นาน)- ทำความเข้าใจเรื่องระยะเวลาของการบังคับคดียึดทรัพย์