เรื่องมีอยู่ว่า น้องที่รู้จักกันออกรถจักรยานยนต์มา 1 คัน ราคารถเงินสด 64,000 บาท มีดอกเบี้ย 50,000 บาท รวมเงินที่ต้องจ่ายทั้งสิ้น 114,000 บาท จ่ายค่างวดไปได้เพียง 1 งวด แล้วเกิดอุบัติเหตุ ทำให้รถเสียหายพอสมควร และไม่อยากได้รถคันนี้อีกแล้ว จึงมีความคิดว่าจะซ่อมแล้วปล่อยให้ไฟแนนซ์ยึดไปเลย จะทำได้หรือไม่? ตอบตรงนี้เลยว่า “ได้” แต่... ต้องเคลียร์ปัญหาที่ตามมาให้หมดจดด้วย ซึ่งมีอะไรบ้าง เราไปดูกันเลยเครดิตภาพ : byrevก่อนอื่นให้ไปดูก่อนว่า ได้ทำประกันเอาไว้หรือไม่ ให้ทางประกันช่วยทำเคลมให้มากที่สุด เท่าที่จะทำได้ก่อน หากไม่มีคงก็ต้องซ่อมเอง ดูจากสภาพแล้วค่าซ่อมน่าจะหลักหมื่น ในเรื่องของการคืนรถ ทำได้อยู่แล้ว แต่ไม่ได้หมายความว่าหนี้สินจะหมดไปด้วย เพราะไฟแนนซ์เค้าไม่ได้ต้องการยึดรถจักรยานยนต์เรา เค้าเอาเงินก้อนไปซื้อรถมาให้เราผ่อน เค้าก็ต้องการได้ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยคืน ซึ่งในที่นี้เรียกว่า “สัญญาเช่าซื้อ” ส่วนนี้แหละ ที่บอกไปแต่แรกว่าคืนได้ แต่ต้องเคลียร์ให้จบเครดิตภาพ : geraltอธิบายกันต่ออีกนิด ปัจจุบันจะมีการออกโปรโมชั่น “ฟรีดาวน์” ออกมาเยอะมาก แต่หากมองให้ลึกลงไปจริง ๆ ก็คือช่องทางการโขกดอกเบี้ย เพราะไม่ว่าจะเป็นไฟแนนซ์ที่ไหนก็ตาม การคิดดอกเบี้ยสำหรับรถจักรยานยนต์ จะอยู่ที่ 1-2% เดือน ซึ่งจะว่าไปแล้ว ก็ใกล้เคียงกับบัตรกดเงินสดที่ 28% ด้วยเหมือนกัน จึงทำให้มีดอกเบี้ยสูงอย่างมาก หากเราปล่อยให้ไฟแนนซ์ยึดรถ เค้าก็จะเอาไปขายทอดตลาด ซึ่งราคาจะต่ำมาก แถมยังตามมาด้วยค่าดำเนินการต่าง ๆ อีก ซึ่งไฟแนนซ์จะยกภาระพวกนี้ให้กับลูกหนี้ทั้งหมด สุดท้ายจะมียอดหนี้คงค้างแจ้งมาให้เราทราบ และก็ต้องจ่ายหนี้ก้อนนี้ต่อไปให้จบด้วยเครดิตภาพ : Aymanejedต่อมา คนที่จะเดือดร้อนไปด้วยก็คือคนค้ำประกัน หากลูกหนี้ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย ไฟแนนซ์จะวิ่งไปหาผู้ค้ำทันที แต่กฎหมายใหม่จะให้ทวงถามลูกหนี้ตัวจริงจนสุดทางก่อน จึงมาเอาเรื่องคนค้ำประกันได้ แต่จะมีความหมายอะไร หากลูกหนี้ไม่ยอมจ่าย ไม่มีเงินเดือนให้อายัด ไม่มีทรัพย์สินให้ยึด สุดท้ายคนค้ำประกันก็เดือดร้อนอยู่ดี แต่หากลูกหนี้รับผิดชอบแต่โดยดี ผู้ค้ำประกันก็รอดเครดิตภาพ : Free-Photosดังนั้นในส่วนนี้ จะตัดสินใจยังไง ก็ต้องคิดไตร่ตรองให้รอบคอบ หากไม่อยากได้รถแล้วจริง ๆ ก็ให้ไปเจรจาเรื่องยอดปิดจบกับไฟแนนซ์ แล้วเอาตัวเลขมาคำนวณเพื่อวางแผนการจ่ายชำระ อย่าไปทำให้คนค้ำประกันต้องเดือดร้อน เค้าจะให้ศีลให้พรในทางเสียหายเอาได้ ดังนั้นแนะนำให้ซ่อมรถแล้วเก็บไว้ใช้เหมือนเดิมไปก่อน ค่อย ๆ ผ่อนไปตามงวดในสัญญา อย่างน้อยเราก็ยังมีรถใช้ในชีวิตประจำวัน และให้คิดถึงคนค้ำประกันให้มาก ๆ ด้วย อย่าไปทำให้เค้าเดือดร้อนกดที่รูปโปรไฟล์ แล้วกด “ติดตาม” เอาไว้นะคะ เรามีประสบการณ์เรื่องการจัดการหนี้สินมาแชร์อีกเยอะเลยค่ะ เครดิตภาพปก : Free-Photosบทความน่าอ่าน :- ไม่อยากจ่ายหนี้แทนผู้อื่นต้องอ่าน !! 5 ข้อสร้างภูมิคุ้มกันการเป็นหนี้ไม่รู้ตัว- ทำความเข้าใจเรื่องระยะเวลาของการบังคับคดียึดทรัพย์- ผู้ค้ำประกันหนี้ กยศ.ต้องอ่าน!! เมื่อถูกฟ้องบังคับคดี (ยึดทรัพย์)