เชื่อว่าคนที่เรียนภาษาหลายคน อยากเรียนภาษาเพื่อนำไปใช้ในด้านต่าง ๆ อยากมีความรู้ อยากใช้เป็น คล่องแคล่วให้ได้เหมือนเจ้าของภาษาแต่ยังรู้สึกเข้าถึงไม่มากพอใช่ไหมคะ วันนี้ทางผู้เขียนขอนำเสนอทริคเล็ก ๆ น้อย ๆ ในการเข้าถึงและพัฒนาภาษาให้ดียิ่งขึ้นมาฝากทุกคนกันค่ะ 1. เปิดใจและคิดบวกการเปิดใจเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับคนที่อยากเริ่มต้นทำอะไรสักอย่าง หลายคนชอบอคติไปก่อนว่าสิ่งนี้เราทำไม่ได้หรอก อันนี้ยากเกินไปไม่ทำดีกว่า แต่หยุดก่อน! การอคติหรือตัดพ้อตั้งแต่แรกนั้นทำให้เราไม่กล้าที่จะเผชิญกับสิ่งที่ยังมาไม่ถึง ดังนั้น เราจึงต้องเปิดใจและคิดบวกว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้าหรือสิ่งที่เราจะทำนั้น ‘เราทำได้’ อย่าสนใจเสียงรอบข้าง ให้เชื่อในตัวเองว่าเราพัฒนาได้และไม่ต้องรีบร้อนกับมันจนเกินไปแล้วการเปิดใจทำยังไงล่ะ? สิ่งแรกที่ควรทำคือ เอาความคิดด้านลบออกไปให้หมด คิดบวกให้มากขึ้น การเรียนภาษาถ้าเรามัวแต่คิดว่ามันยากเกินไป เราก็จะทำไม่ได้เหมือนที่เราคิด แต่ถ้าเราลองเปิดใจให้กำลังใจในการเรียนภาษาเป็นการคิดบวก คุณก็จะอยากรู้อยากลองว่าการเรียนต่อไปจะเป็นอย่างไร สมองก็จะบอกเราว่าควรทำอย่างไรต่อไป ยิ่งการเรียนภาษาเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลา ผลลัพธ์ที่เราหวังคงไม่ส่งผลในวันสองวันนี้แน่ ๆ ดังนั้น การเปิดใจและการคิดบวกจึงเป็นสิ่งที่จะพาเราไปในขั้นตอนต่อ ๆ ไปของการเรียนภาษาได้ 2. วางแผน เมื่อเรารู้แล้วว่าอยากเรียนภาษาให้ดีขึ้น ก็จัดการวางแผนเลยค่ะว่าจะทำอะไรบ้างและนั่นก็อยู่ที่จุดประสงค์ของทุกคนด้วยนะคะว่าจะทำไปเพื่ออะไร บางคนเรียนเพิ่มเพื่อไปต่อยอดในการเรียน บางคนเรียนไปใช้ในการสอบหรือบางคนอาจอยากฝึกเพื่อได้สกิลที่เพิ่มขึ้นก็มี หากต้องการเรียนไว้สำหรับการเรียนและการสอบ การวางแผนเป็นเรื่องที่สำคัญอันดับต้น ๆ เลยค่ะ เพราะการเรียนการสอบมีเวลากำหนด เราจะต้องวางแผนให้ดีและให้ทันเวลา ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเสียทีเดียว เพราะมีทั้งความเครียด ความกดดัน ไหนจะเนื้อหา ความจำของเราอีก ถ้าวางแผนไม่ดี เวลาที่เสียไปก็อาจจะเปล่าประโยชน์ได้แล้ววางแผนอย่างไรถึงจะดีล่ะ? สิ่งแรกคือเราต้องรู้เดตไลน์และมองว่าเราเหลือเวลาอีกเท่าไร จะทำอะไรได้บ้าง หากเหลือเวลามากก็ฝึก ติวเข้มอย่างเต็มที่ให้ครอบคลุมเนื้อหาไปเลย แต่ถ้าหากเหลือเวลาน้อยก็ให้เราโฟกัสว่าสิ่งไหนจำเป็น สิ่งไหนที่สมควรผ่านไปได้ นั่นจะไม่ทำให้เราเสียเวลาเปล่า แต่ไม่จำเป็นว่าเราต้องฝึกทั้งวันติวทั้งวันนะคะ ในระหว่างวันให้ตัวเองและสมองได้พักบ้าง ถึงแม้จะเหลือเวลาน้อยแต่ถ้าเรากดดันจนเกินไป สมองไม่ได้พักเลย สิ่งที่อ่านมาก็คงจะไม่เข้าสมองอยู่ดี การวางแผนจึงเป็นสิ่งที่สำคัญอีกอย่างที่ผู้เรียนอย่างเราต้องคิดก่อนที่จะเริ่มลงมือทำเสมอ 3. ปรับสภาพแวดล้อมให้เป็นภาษาที่เราเรียนหลายคนอาจมองข้ามเรื่องสภาพแวดล้อมรอบตัวไป คิดว่าคงไม่สำคัญหรอก แต่อันที่จริงสภาพแวดล้อมเป็นที่เรื่องสำคัญมาก ๆ สำหรับคนที่เรียนภาษา เหมือนกับผู้เขียนเองที่เรียนภาษาในห้องเรียน รู้จากในห้องเรียน แต่พอออกมาข้างนอกเราแทบไม่รู้อะไรเลย ดังนั้น หากสภาพแวดล้อมถูกปรับเปลี่ยนให้เป็นภาษาที่คุณเรียน คุณจะถูกกระตุ้นและคุ้นเคยกับมันมากขึ้นแล้วจะปรับสภาพแวดล้อมอย่างไรล่ะ? มีหลายวิธีที่จะทำให้เราเข้าถึงภาษานั้น ๆ จากการปรับเปลี่ยนแวดล้อมรอบตัวได้มากยิ่งขึ้น อย่างเช่น ปรับเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ที่คุณใช้ให้เป็นภาษาที่คุณเรียน เขียนคำศัพท์ที่คุณไม่รู้ใส่โพสอิทแล้วแปะกับสิ่งของที่ตรงกับคำศัพท์นั้น ๆ หรือแปะตรงไหนก็ได้ที่คุณจะเห็นมันบ่อย ๆ หรือหากคุณดูซีรีส์ ภาพยนตร์ รายการวาไรตี้ หากเคยดูพากษ์ไทยก็ให้เปลี่ยนโหมดเป็นซับไทย ฟังเสียงเจ้าของภาษาดีกว่าหรือหากดูหลายรอบแล้วก็ปรับซับให้เป็นภาษาที่คุณเรียนเพื่อจะได้รู้ว่าที่คุณฟังเสียงนั้นจะถูกต้องตามที่คุณคิดไหม หากปรับสภาพแวดล้อมรอบตัวให้เป็นภาษาที่คุณเรียนแบบนี้ไปนาน ๆ คุณจะชินกับมันไปเอง อย่างบางคำที่คุณไม่เคยได้ยิน คุณก็จะรู้และเข้าใจ ถึงแม้ว่าผู้เรียนภาษาหลายคนจะไม่ได้มีโอกาสไปใช้ชีวิตในต่างประเทศ แต่ในปัจจุบันเรามีเทคโนโลยี สื่อต่าง ๆ ที่ทำให้เราเข้าถึงมากขึ้นจึงเป็นเรื่องไม่ยากเลยค่ะที่เราจะมีหนทางในการพัฒนาภาษาให้ดีกว่าเดิม 4. ฝึกบ่อย ๆ ทำซ้ำ ๆ วนไปการเรียนรู้เพียงครั้งเดียว ไม่ได้ซึ่งการจำไปตลอดชีวิต อย่างที่บอกไปไม่มีใครจำอะไรได้ในครั้งเดียวหากไม่มีการฝึกหรือทำบ่อย ๆ การเรียนภาษาก็เช่นกัน หากทำเพียงครั้งเดียว มันก็เหมือนผ่านไป ไม่ได้รับประโยชน์ในการนำไปใช้ต่อเลย การฝึกบ่อย ๆ ซ้ำ ๆ ต่างหากที่จะทำให้เราจำได้นานสามารถนำไปใช้ต่อได้ หากนำไปใช้แล้วไม่ถูกต้องก็จะถูกแก้ไขให้ถูกต้อง การใช้ภาษาของเราในครั้งต่อ ๆ ไปก็จะดีและพัฒนามากกว่าเดิมแล้วจะฝึกอย่างไรดีล่ะ? อยู่ที่จุดประสงค์ของเราด้วยค่ะว่าจะทำอะไร หากเรากำลังท่องคำศัพท์ ให้ท่องวันละน้อยแต่หมั่นท่องบ่อย ๆ หากกำลังจะสอบก็ให้ฝึกทำข้อสอบเก่าของสนามที่กำลังจะไปสอบซ้ำ ๆ เมื่อฝึกทำบ่อย ๆ แล้ว เราจะรู้แนวทางของข้อสอบ รู้แนวการตอบของเขาว่าทำไมถึงต้องตอบข้อนี้ นอกจากจะท่องคำศัพท์ ทำข้อสอบแล้ว การทำความเข้าใจเกี่ยวกับคำศัพท์และโครงสร้างต่าง ๆ ก็สำคัญ หากเราเคยท่อง เคยเห็น แต่ใช้ไม่เป็นก็เปล่าประโยชน์ การที่เรารู้ว่าคำศัพท์ประเภทนี้เป็นคำประเภทไหน ใช้ยังไง สังเกตอย่างไรถึงจะรู้ว่าเป็นคำชนิดนี้ จะทำให้การเรียนภาษาของคุณง่ายและจับจุดได้ดียิ่งขึ้น ฉะนั้น การฝึกบ่อย ๆ ทำซ้ำ ๆ วนไปก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ดีมาก ๆ นอกจากจะฝึกซ้อมไปในตัวแล้ว ยังช่วยเตือนความจำให้กับผู้เรียนอีกด้วย หากวันไหนที่รู้สึกเบื่อ ไม่อยากทำแล้ว ขอให้ทุกคนจำไว้ว่า ไม่มีสิ่งไหนที่ได้มาโดยไร้การฝึกซ้อม จบกันไปแล้วค่ะกับทริคเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ช่วยให้ทุกคนเข้าถึงและพัฒนาภาษามากขึ้น อาจจะช่วยไม่ได้เต็มร้อยแต่ก็ดีกว่ายังไม่ทำอะไรเลย จริงไหมคะ? ภาษาต่างประเทศที่พวกเราเรียนไม่ว่าจะภาษาอะไรก็ตาม จะไม่ใช่เรื่องยากเลยถ้าเรามีสภาพแวดล้อมรอบตัวที่จำเป็นต้องพูดและฟัง แต่หลาย ๆ คนรวมทั้งผู้เขียนเองอาจไม่ได้มีโอกาสไปสัมผัสบรรยากาศเช่นนั้น จึงต้องพยายามหาวิธีต่าง ๆ นา ๆ เพื่อฝึกฝนให้ได้มาซึ่งสกิลที่เพิ่มขึ้น แต่ก็อย่าท้อใจไปนะคะ ถึงแม้จะยังไม่มีโอกาสแต่เราก็สามารถฝึกฝนจากสื่อออนไลน์จากแพลตฟอร์มต่าง ๆ ก่อนได้ บางทีการเรียนภาษาก็ไม่ได้ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมเสมอไป มันขึ้นอยู่กับตัวเราว่าจะลงมือทำไหม จะขวนขวาย พยายามมากขึ้นหรือเปล่า สุดท้ายนี้ ทางผู้เขียนขอเป็นกำลังใจให้กับผู้ที่เรียนภาษา ผู้ที่สนใจและกำลังจะเริ่มเรียนภาษาทุกคน ถึงแม้ภาษาจะไม่ใช่เรื่องง่ายแต่ก็ขอให้ทุกคนพยายามเข้าไว้ อย่าเครียดกับมันจนเกินไป ไม่แน่ว่าวันหนึ่งอาจจะเป็นวันของคุณดังเช่นที่คุณหวังก็ได้ค่ะ เครดิตภาพหน้าปกโดยผู้เขียน / canva.comภาพที่ 1 โดย Pexels / Pixabayภาพที่ 2 โดย cottonbro / Pexels.comภาพที่ 3 โดย Pexels / Pixabayภาพที่ 4 โดย Studio 7042 / stocksnap.ioภาพที่ 5 โดย Mary Taylor / Pexels.comเปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !