“คนรวย รวยเพราะรับดอกผล คนจน จนเพราะจ่ายดอกเบี้ย” เคยได้ยินคำกล่าวนี้มานาน ตั้งแต่สมัยเริ่มเป็นวัยรุ่น แต่ก็แค่ฟัง ไม่ได้คิด มันก็เลย ไม่ได้เกิดผลอะไร กับชีวิต จนมาถึงวัยทำงาน เป็น พนักงานบริษัทเอกชนอยู่หลายปี เริ่มเห็นความไม่แน่นอน ของเงินเดือน ขึ้นบ้าง ไม่ขึ้นบ้าง โบนัสจากเคยมี ก็ไม่มี เนื่องจากฉัน เป็นมนุษย์เงินเดือน แบบเต็มเวลา ทำงานสัปดาห์ละ 6 วัน เข้างาน 9 โมงเช้า เลิก 6 โมงเย็น แทบเป็นไปไม่ได้เลย ที่จะหารายได้เสริม แบบขายของตลาดนัด ขายหมูปิ้งตอนเช้า หรือรับงานมาทำที่บ้าน เพราะบริษัท มีการจัดประชุมในวันอาทิตย์ อยู่บ่อยๆ จากข้อจำกัดที่พูดมา ความคิดที่จะหารายได้เสริม ด้วยวิธีการลงทุน พร้อมกับลงแรงไปด้วยนั้น เป็นต้องเก็บไป จึงลองทบทวน ประโยคข้างบนนี้ อีกครั้ง บวกกับคำพูด ให้เงินทำงาน ที่ได้ยินบ่อยขึ้น ในระยะหลังๆ แต่เมื่อนึกถึงเงินออม อันน้อยนิด ที่อยู่ในบัญชีธนาคารขึ้นมา ก็เป็นเหตุ ให้นึกท้อใจ เพราะคิดว่า การที่จะให้เงินทำงาน ต้องใช้เงินจำนวนที่มาก พอควร ภายหลัง ฉันจึงรู้ว่า ความคิดนี้ เป็นความคิด ที่ผิด จนท้ายที่สุด เมื่อเงินออมของฉัน ไม่เพิ่มขึ้นสักที ฉันเลยลองนั่งคิด และ ขีดๆ เขียนๆ ว่า ดอกผล ที่คนรวยได้รับนั้น มาจากไหนได้บ้าง 1. ดอกเบี้ยรับ มาจากเงินฝากธนาคาร จากสลากออมทรัพย์ ทั้งสลากออมสิน และ สลากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร จากหุ้นกู้ จากการรับจำนอง จำนำ และขายฝากที่ดินฯ 2. เงินปันผล มาจากส่วนแบ่งกำไร ที่บริษัทจ่ายให้กับผู้ถือหุ้น ตามสัดส่วนของหุ้น ที่ถือครอง 3. ค่าเช่า มาจากการ เป็นเจ้าของสินทรัพย์ เช่น มีบ้าน มีห้องแถว มีคอนโด มีที่ดิน หรือ มีรถตู้ ปล่อยให้เช่า 4. ผลกำไร ที่ได้จากการลงทุน ด้วยการสร้างธุรกิจ เปิดร้านค้า เปิดบริษัท จะทำเอง หรือร่วมลงทุน ก็ได้ หลังจากเขียนออกมาได้ตามนี้ ฉันก็นึกถึงเงินออม แค่หลักหมื่นที่มี ในตอนนั้น ถ้ายังฝากธนาคารต่อไป ดอกเบี้ยที่ได้อย่างมาก ก็แค่หลักร้อยบาท (คิดแล้วท้อ มาก) ส่วนเรื่องจะได้รับดอกผล จากค่าเช่า หรือด้วยการลงทุน เปิดร้าน สร้างธุรกิจนั้น ฉันไม่มีทั้งเวลา และเงินทุน ที่จะสร้าง จะทำ จึงต้องตัดทางเลือก เหล่านี้ออกไป คงเหลือแค่ “เงินปันผล” เท่านั้น เมื่อเหลือแค่ คำตอบเดียว ฉันจึงมุ่งเน้นไปที่ การลงทุนในหุ้น เพื่อสร้างรายได้ เป็นเงินปันผล ฉันเลือกดูแต่หุ้นที่มีนโยบาย จ่ายปันผลไม่ต่ำกว่า 40 เปอร์เซ็นต์ ของกำไรสุทธิ ทีมีการจ่ายอย่างต่อเนื่อง และสม่ำเสมอ ฉันพบว่า การหาหุ้นลักษณะแบบนี้ ไม่ยากเลย ในเบื้องต้น ฉันจะดูข้อมูลจาก SET High Dividend) ซึ่งเป็นดัชนี ที่ทางตลาดหลักทรัพย์ ได้รวบรวมหุ้นที่จ่ายปันผลสูงสุด 30 หุ้น โดยจะมีคัดเลือกหุ้น เข้า SETHD (ดัชนีหุ้นปันผลสูง) ปีละ 2 ครั้ง ในช่วงเดือน มิถุนายน และธันวาคม ของทุกปีค่ะ อาจจะเป็นเพราะประโยค หรือคำเตือน "การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูล ก่อนลงทุน" นี้ ทำให้ฉันพิถีพิถัน ในการเลือกหุ้นมากขึ้น โดยจะเลือกหุ้นที่โดดเด่น และมีแบรนด์ที่แข็งแรง อันดับหนึ่ง สอง และสาม ของแต่ละหมวดอุตสาหกรรม แล้วค่อยดูงบการเงิน ของแต่ละบริษัท ควบคู่ไปด้วย โดยฉันจะเลือกแค่หนึ่งหุ้น จากหนึ่งหมวด และต้องมีลักษณะธุรกิจ ที่ไม่ซับซ้อน สามารถทำความเข้าใจได้ ถึงแม้ว่า ฉันจะพิถีพิถันกับการเลือกหุ้นแล้ว ฉันก็จะไม่ทุ่มสุดตัว กับหุ้นตัวใด ตัวหนึ่ง หรือหมวดอุตสาหกรรมใด อุตสาหกรรมหนึ่ง เพราะฉันยังไม่กล้า ที่จะเก็บไข่ทั้งหมดของฉัน ไว้ในตะกร้าใบเดียวค่ะ หลังจากนั้น ฉันจะรอเวลา ดูผลประกอบการของบริษัทนั้น ต่ออีกสักไตรมาส สองไตรมาส แล้วค่อยซื้อเพิ่มค่ะ มีงาน และรายได้ อีกหลายทาง ที่เราสามารถ ให้เงินทำงาน แทนได้และการลงทุนในหุ้น เพื่อรับเงินปันผลนั้น ก็เป็นอีกแนวทาง ที่น่าสนใจ แต่สำหรับการลงทุนแล้ว คงไม่มีวิธีไหน ที่ดีที่สุด เราต้องเลือกให้เหมาะสม กับความรู้ ความสามารถ ของตัวเอง และกับจำนวนเงินออม ที่เรามีค่ะ ภาพปก และภาพประกอบบทความ โดย ผู้เขียนบทความ โดย Be A Boss! เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !