สามเสนวิทยาลัย ม.ศ.รุ่นสุดท้าย (รุ่นที่27) เพื่อนกัน ฉันและเธอใครเคยเรียนโรงเรียนสามเสนวิทยาลัย อยู่ในช่วง ม.ศ.รุ่นสุดท้าย (รุ่นที่ 27) ยกมือขึ้นนางฟ้า เป็นหนึ่งในศิษย์เก่าโรงเรียนสามเสนวิทยาลัย ม.ศ.รุ่นสุดท้าย (รุ่นที่ 27 : คือ ผู้เรียน ปีการศึกษา 2521-2525)โรงเรียนสามเสนวิทยาลัย อยู่ริมคลองประปา ถนนพระรามหก ตอนเรียน ม.ศ.1 นางฟ้า อายุ 13 ปี นั่งรถเมล์สาย 44 จากตลาดหมอชิตเก่า ถนนพหลโยธิน ไปลงหน้าโรงเรียน เด็ก ๆ สมัยนั้นชอบนั่งรถเมล์ หรือ รถสองแถว พ่อแม่ผู้ปกครองไม่มีความจำเป็นต้องไปส่งลูกๆ ถึงหน้าโรงเรียน พวกเราถูกสอนให้นั่งรถเมล์ไปโรงเรียนกันถ้วนหน้าที่ป้ายรถเมล์ หน้าโรงเรียนสามเสนวิทยาลัย มีรถสาย 44 กับ 67 ผ่าน เด็กบางคนนั่งรถสองแถวสาย 1041 มาลงป้ายแฟลต ทบ. แล้วเดินมาโรงเรียนอีก 1 ป้าย เจ้าเพื่อนๆพวกเด็กนักเรียนชาย ไม่ยอมเข้าเรียนง่ายๆ ต้องนั่งอวดศักดาบารมี ทำตัวเป็นเจ้าที่ เป็นมดแดงเฝ้าพวงมะม่วง กลัวเด็กโรงเรียนอำนวยศิลป์ เด็กโรงเรียนรุจิเสรี จะมาเกาะแกะสาวๆ สามเสนฯ สุดสวยวันที่ไปโรงเรียน เช้าๆ เมื่อใดที่เพลง เด็กเอ๊ยเด็กดีต้องมีหน้าที่10อย่างด้วยกัน ... ดังขึ้น ... นั่นแปลว่า จะได้เวลารวมตัวเข้าแถวเคารพธงชาติ ใครทำอะไรอยู่ตรงไหน ต้องรีบวิ่งไปเข้าแถวที่สนามบอลกลางโรงเรียน ตอนอยู่ ม.ศ.1 ในปี พ.ศ.2521 สามเสนวิทยาลัยในสมัยนั้น ระบบการ เรียน การสอน จะเป็นแบบ 3 วันเรียนเช้า 3 วันเรียนบ่าย คือสลับกัน เรียน จันทร์ ถึง เสาร์ เลย ส่วนครูนั้น ก็สอนเต็มที่ตั้งแต่เช้าจรดเย็น สอนทั้ง 2 กลุ่ม ทุกวันทั้ง 6 วัน หยุดวันอาทิตย์วันเดียว อาจจะเป็นมีนักเรียนที่จบชั้น ป. 6 มาเข้าเรียนชั้น ม.1 เป็นรุ่นแรกของประเทศไทยด้วย จึงทำให้มีนักเรียนมากกว่าห้องเรียนและครูผู้สอนโรงเรียนสามเสนวิทยาลัย ใช้วิธีเดินเรียนเป็นที่แรกของระบบการศึกษาระดับโรงเรียน พวกเราไม่มีห้องประจำ เปลี่ยนห้องทุกคาบ ๆ ละ 50 นาที เรียนคละกันหมด เรียกว่า แบบยำรวมกันก็ว่าได้ เพราะตารางสอนของทุกคน แทบจะไม่เหมือนกันสักคน มี 12 ห้อง ตั้งแต่ ห้อง 1 ถึงห้อง 12 นางฟ้าอยู่ห้อง 1/4 เลขประจำตัว 15894ในจำนวน 12 ห้องไม่ได้เรียนห้องใครห้องมัน และพวกเราจะได้เรียนกับเพื่อนห้องเดียวกันน้อยมาก ตอนนั้นคิดนะว่า ครูมีความสามารถสูงพิเศษ ในการจัดตารางสอนมาก สามารถทำให้นักเรียนทั้ง 12 ห้อง ได้เรียนปนกัน ครบหมด ทำให้พวกเราทั้ง 12 ห้องได้มีโอกาสเรียนด้วยกัน คุยกัน รู้จักกัน ประหนึ่งว่าเป็นห้องเดียวกัน มีความสนิทสนมกันมาก ตามวัย ตามประสาเด็กสามเสนวิทยาลัย ในปี พศ.2521 นับว่าทันสมัยมาก สมุดพกแจ้งผลการเรียนเลิกใช้วิธีแบบเปอร์เซ็นต์ เริ่มเปลี่ยนมาเป็นเกรดเฉลี่ยเป็นโรงเรียน แรกๆ ของประเทศ เลยมั้ง และน่าจะเป็นการเริ่มต้นของ การไม่มีคำว่า "เรียนตก ซ้ำชั้น" อีกต่อไป ใครเรียนไม่ผ่านก็ ซ่อม เสริม ซึ่งสมัยก่อนหน้านั้น ยังมีการเรียก ตก ซ้ำชั้นกันอยู่สามเสนวิทยาลัย นักเรียนหญิงไว้ผมยาวได้ ซึ่ง ณ ในเวลา พ.ศ.นั้น โรงเรียนรัฐบาลทั้งประเทศ มีระเบียบให้เด็กหญิงไว้ผมสั้น นางฟ้าอย่างเรา รู้สึกดีมากเลยที่สอบเข้าเรียนโรงเรียนรัฐบาลแล้วไว้ผมยาวได้นอกจากวิชาสามัญทั่วไปอย่าง วิทย์ คณิต เรขาคณิต ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ สังคม หน้าที่พลเมือง ศีลธรรม ประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ แล้ว พวกเราทุกคน ยังได้เรียนวิชาชีพโดยไม่ได้แบ่งเพศ ทุกคนได้เรียน ช่างยนต์ ช่างไม้ ช่างเขียนแบบ ช่างปั้น ช่างก่อสร้าง พิมพ์ดีด วาดภาพ คหกรรม ทำอาหาร ตัดเย็บเสื้อผ้า และการเกษตรเพาะปลูก เรียกว่า ครบจบทุกกระบวนวิทยายุทธ์ ด้วยค่าเทอม 210 บาท/ภาคการศึกษาในวิชาพละ พวกเราทั้งชายหญิง ได้เรียนวิชา ฟุตบอล กรีฑา บาสเก็ตบอล แบดมินตัน เทนนิส ลีลาศ ยิมนาสติก ตอนนั้นไม่รู้เป็นไงไม่เข้าใจว่าทำไมไอ้พวกเด็กผู้ชายชอบเรียนชอบดูท่าสะพานโค้งมาก แต่ตอนนี้พอจะเริ่มเข้าใจแล้ว นึกแล้วยังขำไม่หาย คุณครูพละ ที่เป็นที่รู้จักในทุกรุ่น จนปัจจุบัน คือ "จารย์อดุลย์เดช" คุณครูที่หล่อ และสาวๆ กรี๊ด กันมากในสมัยนั้น "จารย์สรายุทธ" คุณครูปกครองสายโหดไร้เหตุผล ตีก่อนถามทีหลัง ก็ "จารย์ปลิว" กับ "จารย์ปรือ หรือจารย์ศักดา" ครูเลข จอมขว้างแปรงลบประดาน ก็ "จารย์สำรวย" คุณครูเรขาคณิต ที่น่ากลัวสุดๆ ก็"จารย์สมร" คุณครูที่ปรึกษาก็ "จารย์ขวัญเรือน" ผอ. คือ "จารย์เจือ" วิชาที่พวกเราชอบมากที่สุดคือ "ศ.อ. ศึกษาด้วยตนเอง" จะมีวิชานี้ อยู่ประมาณ 3-4 คาบ ใน1 สัปดาห์ คือนักเรียนจะไปเรียนรู้ ค้นคว้าหาความรู้ในส่วนไหนก็ได้ในโรงเรียนแบบไม่มีครู ชอบมากวิชานี้ เพลินๆ แพร่บเดียวหมดชั่วโมง เม้าท์กระจาย ส่วนมากเด็กผู้หญิงเราก็มานั่งจับกลุ่มใต้ถุนอาคาร3 หรือหน้าตึก2 ส่วนผู้ชายก็โน่น ถ้าไม่ไปแอบหัดสูบบุหรี่ในห้องน้ำ ก็ ริมทางเดิน เฝ้ามองรุ่นพี่สวยๆ บางทีก็ไปหัดกินเหล้าขาวผสมน้ำแดงที่โรงอาหาร ไม่ใช่เป็นเด็กเกเรอะไรนะ แค่อยู่ในวัยอยากรู้อยากลองที่โรงอาหาร มีอาหารหลากหลาย คนขายกับเด็กนักเรียนมีความซี้ ไม่มีตังค์ขอติดไว้ได้ ข้าวมันไก่ ข้าวหมูแดง 4 บาท ก๋วยเตี๋ยว ข้าวแกง 3-5 บาท น้ำโค้กน้ำอัดลมแบบกดแก้วละ1 บาท ที่โรงอาหารก็เป็นที่หนึ่งที่เวลาโดดเรียนแล้วเจออาจารย์ปกครองเด็กๆ จะบอกว่า วิชา ศ.อ. ครับจารย์พวกเด็กชายทุกคนได้เรียนลูกเสือ เด็กหญิงได้เลือก มีเนตรนารี ชุดเขียว กับ ยุวกาชาด ชุดสีฟ้า ตอนนั้นนางฟ้าเลือกเรียนเนตรนารี ในวิชาลูกเสือเนตรนารี เราได้ไปเข้าฝึกค่ายลูกเสือ ได้เดินทางไกลครั้งแรกจากโรงเรียนสามเสนฯไปอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ แล้วเดินเข้าซอยอารี กลับโรงเรียนตอน ม.ศ.1 พวกเราได้เข้าค่ายที่โรงเรียน 1 คืน สนุกมากๆ ได้เล่นฐานเดินบนเชือกข้ามบ่อบัวหน้าโรงเรียน ตอนค่ำสนามฟุตบอลที่พวกเราเข้าแถวในทุกเช้าดัดแปลงเป็นฐานขี้โคลนที่ครูฉีดน้ำไว้แล้วพวกเราก็ไปคลานรอดลวดหนามที่มีความสูงไม่ถึงเข่า เกลือกกลิ้งเล่นบนขี้โคลนตัวดำๆ สนุกๆเลอะๆ ตอนนั้นต้องอาบน้ำในห้องน้ำหญิงที่พวกเราไม่คิดว่าจะต้องอาบน้ำในห้องน้ำแบบนั้นได้ แต่มันก็ผ่านมาได้ อาบน้ำแล้วนอนที่ห้องเรียนบนตึก3 ของโรงเรียน เพื่อนร่วมห้องตัวดี เล่าเรื่องผีตึกนิเทศทั้งคืน โหย พากันนอนไม่หลับ เช้ามาขอบตาดำปลายๆ ม.ศ.1 เราได้ไปอบรมหลักสูตรลูกเสือก่อกองไฟและทำอาหารด้วยกระบอกไม้ไผ่ และเดินทางไกลประมาณ 10 กิโลเมตร ที่ค่ายลูกเสือชลบุรี คนสวยขาลากเลย หมดพลัง ก่อนจะอำลาวงการเนตรนารีของนางฟ้า ได้ไปเข้าพักแรมและ โดดหอสูงที่ค่ายวชิราวุธ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ได้ปีกมาติดที่อกชุดเนตรนารีด้วยสามเสนวิทยาลัย มีการแบ่งกลุ่มนักเรียนเป็น 5 สี 5 คณะ เชียงแสน สีม่วง สุโขทัย สีเหลือง อู่ทอง สีฟ้า อยุธยา สีแดง รัตนโกสินทร์ สีเขียว เมื่อถึงฤดูหนาว ราว ๆ เดือนธันวาคม จะมีการแข่งกีฬาสีแบ่งกลุ่มตามคณะที่ถูกจัดไว้ตั้งแต่แรกเข้าเรียน ทุกปีที่มีการจัดกีฬาสี พวกเรามีความสุขกับการไม่ต้องเรียน ได้สนุกสนานร่วมกัน มีสีสรรได้เห็น ทั้งเพลง ทั้งนักกีฬา ชุดสีสดใสคัลเลอร์ฟูลของเชียร์ลีดเดอร์ ดรัมเมเยอร์สวยๆ หล่อๆ และกองเชียร์ทรงพลังของสีเราเอง มันชุ่มฉ่ำใจและฮึกเหิมคึกคักเป็นพิเศษ และเพลงมาร์ชสามเสนก็เป็นเพลงหนึ่งในดวงใจของลูกชมพูเขียว ทุกคนสามารถร้องเพลงนี้ได้สมัยนั้นไพโรจน์ ลลนา กำลังดังมาก จากภาพยนตร์ "วัยอลวน" ต่อมามีการถ่ายทำหนังเรื่อง “รักอุตลุต” และ “ชื่นชุลมุน” ใช้สามเสนวิทยาลัย เป็น โลเคชั่นในการถ่ายทำ เด็กๆอย่างพวกเรากรี๊ดลลนามาก เพราะยุคนั้นยากที่จะได้เห็นดาราตัวเป็น ๆ มีนักเรียนในพวกเราบางคนได้เป็นเอ็กซ์ตร้าประกอบในเรื่อง ในเวลาต่อมามีการเปิดร้านอาหารแบบคาเฟ่ ที่มีไอศครีมน่ากิน ชื่อ "ปาป้าคาเฟ่" ที่ริมคลองประปา ใกล้โรงเรียนสามเสนวิทยาลัย เจ้าของคือ ลลนา สุลาวัลย์ ที่ร้านนั่นก็เลยเป็นจุดนัดพบนั่งกินไอติมของพวกเรา แต่จะไปกินในวันที่เราเก็บตังค์ได้ครบพอไปกินได้ เพราะมันแพงมากสำหรับเด็กนักเรียนร้านยอดนิยมนอกโรงเรียนของเด็กสามเสนวิทยาลัยในสมัย พ.ศ.2521-2323 คือร้านสวัสดิการกองทัพบก ที่แฟลต ทบ. กับร้านหลังโรงเรียนแถวสถานีรถไฟสามเสน จำได้เลยสมัยก่อนแถวสถานีรถไฟมีของขายเยอะ คนขายร้อง "จับ ไข่ แข็งปัง" อ๋อ กระจับ ไข่ต้ม น้ำแข็ง ขนมปัง ตอนนั้นสามเสนวิทยาลัยเรามีนักร้องประจำโรงเรียน ขวัญใจเพื่อนๆ ชื่อ แอ๋ว "อาภาภรณ์ ศิริเขตต์" แอ๋ว อยู่ ม.ศ.1/4 ห้องเดียวกับนางฟ้า ถ้าเป็นสมัยนี้ แอ๋วต้องเป็นเดอะว้อยซ์แน่ๆเพลงดังในยุคนั้น ถ้าเป็นเพลงไทย ก็เพลงของดอน สอนระเบียบ เพลง "เก้าล้านหยดน้ำตา" ชัยรัตน์ เทียบเทียม เพลง..."รักหนอรัก /สุขาอยู่หนใด /น่ารัก"ภูสมิง เพลง "บทเรียนสอนใจ" /ถ้าเป็นวง ก็ ชาตรี เพลง "แฟนฉัน" แกรนด์X เพลง "เชื่อฉัน" (ต่อมาเป็นตำนาน เดอะพาเลซ)ส่วนเพลงสากล Rolling Stones กำลังมาแรง เพลงร็อคเพลงดิสโก้เป็นที่นิยมมาก วง Queen /Bee Gee/ Boney M มีเพลงที่เชื่อว่าเด็กสามเสนวิทยาลัย รุ่นที่ 27 เกือบจะทุกคนร้องได้ ตอนที่พวกเราอยู่ ม.ศ.1 คือเพลง "More Than I can say" ของ Leo Sayer และเพลง "Go" ของ Tina Charles ซึ่งเพลง Go เป็นเพลงที่แอ๋ว อาภาภรณ์ร้องได้เพราะมากวีรกรรมหนึ่ง ที่คาดว่า เด็กหน้าห้องเด็กหลังห้องทุกคนได้สร้างไว้ทุกคน คือ การโดดเรียน แบบเบาๆ ก็โดดอยู่ในโรงเรียน แบบหนักๆ ก็ปีนกำแพงออกไป แบบหนักสุด ก็เดินออกทางประตูไม่รู้ไม่ชี้แบบไม่เกรงใจยาม ใครไม่เคยโดดเรียนบ้าง? ตอบเลย ...ไม่มี๊ ไม่เค๊ย ไม่เคยเวลาผ่านไปพวกเราเติบโต เรียนจบ ทำงาน มีอาชีพตามถนัด แต่งงาน และมีครอบครัวแล้ววันหนึ่งโลกออนไลน์ ได้นำพา เด็ก สามเสนวิทยาลัย ม.ศ.รุ่นสุดท้าย (รุ่นที่27) มาพบเจอกันอีกครั้ง และในรุ่นที่ 27 ของเรา "เอ็ดดี้" อรรถพล เจริญชันษา ม.ศ. 1/3 คณะ อู่ทอง สีฟ้า ได้ทำงานจนก้าวหน้า รับตำแหน่งหน้าที่อธิบดีกรมป่าไม้ ในช่วงปี พ.ศ. 2561 -2563 และอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2563 ถึงปัจจุบัน ยังความภูมิใจให้แก่ คณะครูโรงเรียนสามเสนวิทยาลัย จนมอบเกียรติคุณ ศิษย์เก่าดีเด่นให้ เอ็ดดี้ รวมทั้งทำให้เพื่อนๆ ในรุ่นปลื้มปิติยินดีและภูมิใจไปกับเพื่อนคนนี้ด้วย ซึ่งแน่นอนยังมีเพื่อนในรุ่นที่ 27 อีกมากมายที่ประสบความสำเร็จในชีวิต ร่ำรวยและมีชื่อเสียง แต่อาจกล่าวถึง ได้ไม่หมดแต่เชื่อไหมว่า มีอยู่เรื่องหนึ่งที่พวกเราเหมือนกันเกือบร้อยเปอร์เซนต์ คือ มีความดื้อเหมือนกัน เท่าๆ กับที่พวกมีความเป็น "คนดี" เหมือนกันทุกคน พวกเรามั่นใจว่า พวกเรา "เป็นคนดีของสังคม"พวกเรา สามเสนวิทยาลัย ม.ศ.รุ่นสุดท้าย (รุ่นที่27) จัดงานรุ่น เพื่อพบกันเสมอๆ ในทุกๆปี ในวันที่พวกเรามาพบกัน เสียงจะดังมาก พลังของป้าๆ ลุงๆ ไม่แพ้ผึ้งแตกรัง ความทรงจำวัยเด็กกลับมา คุยกันแต่เรื่องเดิมๆ ซ้ำแล้วซ้ำอีก ไม่รู้เบื่อ เป็นเพราะอะไรไม่รู้ รู้แต่พวกเรายัง "รักกันเสมอ" นี่เพราะเราได้เรียนโรงเรียนที่ดีที่สุด "สามเสนวิทยาลัย" #สามเสนวิทยาลัย #ม.ศ.รุ่นสุดท้าย(รุ่นที่27)ภาพถ่าย : ทุกภาพ เป็นภาพของผู้เขียนเอง