สวัสดีท่านผู้อ่านที่น่ารักทุกท่าน วันนี้ผู้เขียนอยากคุยเกี่ยวกับเรื่องหนังสือกันบ้าง ผู้เขียนมั่นใจว่าผู้อ่านที่ชื่นชอบอ่านบทความ คงเป็นหนอนหนังสือแน่ ๆ เลยมั่นใจว่าใครรักการอ่านจะช่วยทำให้ชีวิตดีขึ้น เพราะการอ่านทำให้เรามองเห็นโลกกว้างขึ้น ช่วยให้เรียนรู้เรื่องใหม่ ๆ เพราะหนังสือมีหลากหลายแนวให้เราเลือก อ่านเพื่อเอามาปรับใช้ในชีวิต เมื่อเราอ่านมาก ๆ เราก็จะสะสมคลังความคิดในสมอง และช่วยในการแก้ปัญหา หรือช่วยในการตัดสินใจต่าง ๆ ได้ดีขึ้น มาดูหนังสือที่ผู้อ่านชอบหยิบมาอ่านบ่อย ๆเล่มแรกให้ทั้งสาระเรื่องการออมและการลงทุน และยังให้ความสนุกสนาน 1. หมาน้อยสอนรวยหนังสือเรื่องนี้คือหนังสือเล่มโปรดเกี่ยวกับเรื่องการเงินการลงทุน ที่ฟังดูแสนจะน่าเบื่อสำหรับใครหลาย ๆ คน ผู้แต่งคือ โบโด เชฟเฟอร์ ชาวเยอรมัน เขียนออกมาเป็นเรื่องสั้นสนุก ๆ โดยใช้กุศโลบายของเจ้าหมาพันธ์ุลาบราดอร์ ให้สามารถพูดได้ กับเด็กหญิงชื่อคีราเป็นตัวดำเนินเรื่อง ในเรื่องก็สอดแสรกแนวคิดว่าอยากได้อะไรก็ต้องมีเป้าหมายให้ชัดเจน โดยเริ่มจากการเขียนสิ่งต่างๆลงบนกระดาษ แล้วให้เลือกสิ่งที่อยากได้ที่สุดออกมาหลังจากนั้นก็ทำการเก็บออมเงินโดยเอารูปสิ่งที่อยากได้แปะไว้ที่กระปุกออมสิน และยังสอนเรื่องการหารายได้แบบที่เด็ก ๆ ทำได้ และมีวิธีสร้างเครือข่ายหารายได้เพิ่มอีกด้วย หลังจากนั้นก็เอาเงินออมไปเริ่มลงทุน จนวันหนึ่งคีรามีเงินในกองทุนมากพอที่ ช่วยพ่อกับแม่จ่ายค่าบ้านสำเร็จ แต่ในเรื่องดำเนินไปอย่างสนุกสนานและตื่นเต้น มีดราม่านิดหน่อย แนะนำเล่มนี้ควรมีเล่มนี้ติดบ้าน อยากให้คุณพ่อคุณแม่และลูกอ่านไปด้วยกันเลยเรื่องนี้ทำให้ผู้เขียนมีแรงบันดาลใจในการออมเงิน และทยอยออมอย่างสม่ำเสมอทุก ๆ เดือนเพราะเชื่อในพลังของดอกเบี้ยทบต้น เวลาที่ยาวนานกับเงินต้นที่ลงทุน และยังคอยชักชวนคนรอบกายให้หันมาสนใจเรื่องการออมและการลงทุน เพื่อจะได้จะได้สร้างความมั่งคั่งให้ตัวเราเอง หนังสือเล่มที่ 2 ช่วยสร้างแรงบันดาลใจ ไม่มีขา ใช่ว่าไม่มีลมหายใจเรื่องราวชีวิตจริงของเด็กชายต่วนอัมรัน กูโซะ ชาวนราธิวาส เป็นเด็กที่อยู่กับพ่อและแม่เลี้ยง อาศัยในเพลิงทั้งหมด 7 คนรวมทั้งย่าด้วย พ่อทำอาชีพรับเหมาก่อสร้าง ต้องย้ายบ้านไปเรื่อย ๆ พ่อเป็นคนเข้มงวดมาก ต่วนไม่เคยเจอหน้าแม่เลย พ่อกับต่วนพูดคุยกันน้อยมาก ความรักเดียวที่ต่วนมีคือย่า ความรักจากย่าที่มอบให้ บางครั้งต่วนไม่รู้ว่าชีวิตจะอยู่เพื่ออะไรเรื่องราวการต่อสู้ชีวิตของเด็กชายต่วน ค่อนข้างรันทด ผู้เขียนอ่านไปยังน้ำตาซึม ต่วนบรรยายเรื่องบ้านได้เห็นภาพ อยากให้ผู้อ่านลองไปหาอ่านดูจะมีกำลังใจการต่อสู้ชีวิต เหมือนชีวิตจะเริ่มดีขึ้น มีโอกาสได้ไปเป็นทหาร แต่แล้วโชคชะตาก็ไม่เข้าข้าง วันหนึ่งที่ต้องออกราดตระเวนก็ไปเจอกับระเบิด? ต้องไปตามอ่านต่อนะ แต่ก็เป็นหนังสือที่ทำให้เราไม่ยอมแพ้ มีกำลังใจสู้ ให้ดูต่วนเป็นตัวอย่างเมื่อผู้เขียนอ่านหนังสือเล่มนี้จบ มันทำให้รู้ว่าปัญหาของเราที่พบเจอในแต่ละวันมันช่างเล็กน้อยนัก อย่างน้อยเรายังมีบ้าน มีอาหาร มีคนที่รัก ส่วนต่วน บ้านก็ไม่เหมือนบ้าน เรียกว่าเพลิง ความรักมีเพียงจากย่าเท่านั้น ที่เป็นน้ำหล่อเลี้ยงทางใจให่โตมาได้ มีพ่อก็เหมือนไม่มี อ่านแล้วเราก็ต้องสู้กับทุกปัญหาที่ผ่านเข้ามาในชีวิตให้ได้ ไม่ยอมแพ้ คนอื่นที่พบเจอวิกฤติในช่ในช่วงนี้ อย่ายอมแพ้ ไม่ท้อถอย และไม่คิดสั้น เพราะชีวิตทุกคนมีคุณค่าหนังสือเล่มที่ 3 อ่านแล้วให้ความสนุกเพลิดเพลิน และมีความคิดสร้างสรรค์ โต๊ะโตะจังเรื่องราวความน่ารักน่าชังของเด็กหญิงโต๊ะโตะจัง ที่มีจินตนาการไม่เหมือนใครโต๊ะโตะเคยโดนไล่ออกจากโรงเรียนเก่า จนคุณแม่ต้องหาโรงเรียนใหม่ให้ มาเจอโรงเรียนโทโมเอ โชคดีที่ครูใหญ่ที่นี่เข้าใจธรรมชาติของเด็ก คุณครูใหญ่ชื่อคุณครูโคบายาชิ มีวิธีการเรียนการสอนที่ไม่เหมือนโรงเรียนปกติทั่วไป อย่างห้องเรียนก็เป็นรถไฟเก่าเด็ก ๆ เด็กได้ทำกิจกรรมจริง ๆ วิชาวิทยาศาสตร์ ก็ได้จับแมลง เดินดูดอกไม้ อ่านแล้วทั้งสนุกทั้งขำในหลาย ๆ ตอน เรื่องราวในหนังสือเป็นเรื่องจริงของนักเขียนและนักแสดง คือ คุโรยานางิ เท็ตสึโกะ ที่ประสบความสำเร็จในญี่ปุ่น ใครยังไม่ได้อ่านไปหาอ่านนะสนุกมาก ผู้อ่านได้ข้อคิดจากเล่มนี้ว่า เด็กแต่ละคนมีความสามารถไม่เท่ากัน เราอย่านำเด็กไปเปรียบเทียบกัน เพราะแต่ละคนมีความชอบและความถนัดไม่เหมือนกัน ควรมองหาจุดเด่นของเค้าแล้วก็พัฒนาต่อยอดในด้านที่เด็กสนใจ จะทำให้เด็กๆเติบโตขึ้นมาอย่างมีความสุข และโตขึ้นอยากประกอบอาชีพอะไร ไม่ไม่ใช่เรียนตาม ๆ กันเหมือนทุกวันนี้ในสังคมไทย พอต่อมาก็ไม่รู้ว่าตัวเองชอบอะไรต้องการอะไร หนังสือเล่มที่ 4 ธรรมะดี ๆ ทำให้จิตใจสงบผ่อนคลายความกังวลใด ๆ กลับบ้านที่แท้จริง กับ ติช นัท ฮันห์หลวงปู่นักบวชชาวเวียดนาม เล่มนี้หยิบอ่านก่อนนอนแล้วทำให้รู้สึกผ่อนคลาย หยุดความฟุ้งซ่านในหัวที่คิดร้อยแปดพันประการ สอนให้อยู่กับปัจจุบัน อดีตไม่สามารถไปแก้ไข อนาคตยังมาไม่ถึงอย่าไปกังวล ท่านสอนแค่เรื่องง่าย ๆ คือเรื่องปัจจุบันขณะ คือชีวิตที่เป็นจริง อย่างตอนล้างจานใจก็จดจ่อกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า เป็นการฝึกสมาธิจากสิ่งที่ทำ มีสติทุกก้าวย่าง ท่านใช้เสียงระฆัง ในการเรียกสติ ให้หยุดพูด หยุดคิด กลับมาดูลมหายใจตัวเอง อ่านแล้วทำให้จิตใจสงบนอนหลับสบายอ่านแล้วประทับใจมาก คือการที่เราเป็นหนึ่งเดียวกันของกายและใจ แต่มันก็ต้องคอย ๆ ฝึกหมั่นดูลมหายใจเราบ่อย ๆ เมื่อกายและใจอยู่พร้อมกันอย่างแท้จริง เราจะค้นพบและสัมผัสกับความมหัศจรรย์ของชีวิตที่อยู่ตรงนั้น เขาอยู่เพื่อเราอยู่แล้ว เขารอให้เราเห็น เขารอสัมผัสกับสิ่งนั้นหวังว่าผู้อ่านจะได้แรงบันดาลใจในการอ่านหนังสือสักเล่ม จะเรื่องอะไรก็ได้ลองไปหยิบจับมาสักเล่ม แล้วเริ่มอ่านกันเลย^.<เรื่องและภาพนิ้วเราไม่เท่ากัน