สถานการณ์โรคระบาดโคโรนาไวรัส (โควิด-19) ได้สร้างปรากฎการณ์ใหม่ทำให้ครอบครัว พ่อแม่พี่น้องเดินทางกลับมาอยู่รวมตัวกัน นอกเหนือจากวันสำคัญ วันหยุดเทศกาลตามปีปฏิทินของไทย ไม่เพียงแต่การเดินทางกลับของคนภายในประเทศเท่านั้นยังรวมไปถึงแรงงานหรือผู้ที่อยู่อาศัยใช้ชีวิตในต่างแดนต่างถิ่น ในต่างประเทศที่พยายามเดินทางกลับเข้ามาในประเทศไทยมากมาย แน่นอนว่าคงไม่เพียงแต่การเดินทางกลับตัวเปล่าเท่านั้น แต่ยังคงรวมถึงการขนทรัพย์สินเงินทองของมีค่ากลับเข้ามายังถิ่นที่อยู่ของตน และรวมถึงผู้ที่อาศัยอยู่ต่างประเทศซึ่งต้องนำทรัพย์สินกลับเข้ามายังประเทศไทยอย่างแน่นอน เนื่องจากสถานการณ์โรคระบาดดังกล่าวไม่เป็นที่ทราบแน่ชัดว่าจะจบลงเมื่อไหร่ คงจะต้องอาศัยอยู่ในประเทศไทยไปอีกยาวนานจนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น ประเด็นสำคัญอยู่ตรงที่เรื่องของการเสียภาษีตามกฏหมายไทย ใครบ้างที่เป็นผู้มีหน้าที่ต้องเสียภาษีตามประมวลรัษฎากร? ในกรณีของคนไทยซึ่งอาศัยอยู่ในประเทศไทยและทำงานมีรายได้ในประเทศไทย เป็นหน้าที่ของผู้มีเงินได้ทุกคนอยู่แล้วที่ต้องมีหน้าที่เสียภาษีตามมาตรา 41 แห่งประมวลรัษฎากร คือเงินได้ซึ่งเกิดจากการจ้างแรงงานจ้างทำของหรือเงินได้ประเภทอื่นๆซึ่งเกิดในประเทศไทย ตามมาตรา 40 แต่จะมีข้อสังเกตอยู่ที่ว่า แล้วบุคคลซึ่งเดินทางมาจากต่างประเทศ ทำงานมีเงินได้มีทรัพย์สินอยู่ที่ต่างประเทศและเดินทางเข้ามาในประเทศไทย กรณีนี้หากบุคคลดังกล่าวมิได้ขนเงินทรัพย์สินของมีค่าเข้ามาในประเทศไทยบุคคลนั้นก็ไม่ต้องเสียภาษีตามกฏหมายไทย แต่ถ้าสถานการณ์โรคระบาด(โควิด-19) ยังคงระบาดต่อเนื่องและไม่มีทีท่าว่าจะลดลงทำให้บุคคลดังกล่าวยังคงต้องอาศัยอยู่ในประเทศไทยประมวลรัษฎากรมาตรา 41 กำหนดให้ผู้ใดอยู่ในประเทศไทยรวมระยะเวลาถึง 180 วันในปีภาษีใด ซึ่งในกรณีนี้หมายถึงปีภาษี 2563 ให้ถือว่าผู้นั้นเป็นผู้อยู่ในประเทศไทยซึ่งต้องมีหน้าที่เสียภาษีให้กับประเทศไทย โดยการเสียภาษีในปี 2563 จะเริ่มเสียภาษีหรือเก็บภาษีในปี 2564 ดังนั้นบุคคลซึ่งเดินทางมาจากต่างประเทศ และมีการขนทรัพย์สินเข้ามาในประเทศไทย อยู่อาศัยเกิน 180 วันจึงมีหน้าที่เสียภาษีตามกฏหมายไทย ท้ายที่สุดนี้การเสียภาษีไม่ใช่เพียงแต่การเสียเปล่า เงินดังกล่าวจะถูกนำมาพัฒนาประเทศเพื่อความเป็นอยู่ของประชาชนในประเทศให้ที่ดียิ่งขึ้น ขอบคุณภาพประกอบจาก ภาพหน้าปก ภาพที่2 ภาพที่3 ภาพที่4 บทความโดย : ผู้เขียน Bachelor of laws ( 2nd class honors)