ปัญหาเรื่องหนี้บัตรเครดิตก็ดี หนี้บัตรกดเงินสดก็ดี หรือเงินกู้อื่น ๆ ก็ดี เชื่อว่าเหล่าลูกหนี้แต่ละคน ย่อมมีวิธีการจัดการตัวเองที่แตกต่างกันออกไป ผู้ที่ศึกษาวิธีการแก้ปัญหามาดี ก็จะจบปัญหาไปได้อย่างมีสติ แต่เชื่อว่าไม่ง่ายอย่างแน่นอน สถานการณ์นี้จะว่าไปแล้ว เหมือนจะเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ วัดกันที่ความพร้อมของแต่ละคนจริง ๆเครดิตภาพ : TheDigitalWayและแล้วเรื่องไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เป็นเรื่องของคนใกล้ตัว ที่ปล่อยให้ตัวเองถูกฟ้องหนี้บัตร และหลังจากทำสัญญาประนอมยอมความจ่ายเป็นรายเดือนแล้ว ก็ไม่ได้จ่ายหนี้ตามสัญญาอีกเลย สาเหตุก็คือไม่มีเงินพอที่จะจ่ายชำระ จนกระทั่งถูกบังคับคดีในเวลาต่อมาเรื่องที่น่าตกใจก็คือ มีความคิดที่จะโยกย้ายทรัพย์สิน ย้ำว่า!! คิดจะโยกย้ายทั้ง ๆ ที่มีหมายบังคับคดีแล้วด้วย แต่จะโยกไปหรือยัง อันนี้ไม่ทราบได้ เพราะก็ไม่อยากคาดคั้นอะไร อีกอย่างเรามีหน้าที่เพียงรับฟัง และให้ข้อมูลที่ถูกต้องเท่านั้นเครดิตภาพ : Mdesignsถามว่าเจ้าหนี้จะอายัดเงินเดือนก่อน หรือจะยึดทรัพย์สินก่อนกัน? อันนี้ไม่มีคำตอบที่แน่นอน เพราะอยู่ในอำนาจของเจ้าหนี้ที่จะสืบทรัพย์เรา และเจ้าหน้าที่สามารถทำอย่างไหนก่อนก็ได้ เพราะกฎหมายไม่ได้บอกว่าต้องทำสิ่งใดก่อนหลังเพื่อนเราถามต่อไปว่า มีเงินฝากธนาคารอยู่นิดหน่อย ถ้าจะปิดบัญชีเลยได้ไหม? ทางเจ้าหนี้จะแจ้งข้อหายักยอกทรัพย์เราหรือเปล่า? งานนี้เราถึงกับกลั้นขำแบบเอ็นดูเพื่อน กับความไม่รู้ของเค้า เพราะข้อหายักยอกทรัพย์มันรุนแรงมากนะ เป็นคดีอาญาด้วย เราเลยบอกไปว่า เงินในบัญชีเงินฝากเป็นชื่อของเรา การถอนเงินก็ย่อมเป็นสิทธิของเรา ไม่ถือว่ายักยอกทรัพย์หรอก เพื่อนถอนออกมาให้หมดเลยก็ได้เครดิตภาพ : lenalindell20ทีนี้เราถามกลับไปบ้างว่า... แล้วมีทรัพย์สินอื่น ๆ อีกบ้างไหม เช่น บ้าน รถยนต์ ที่ดิน ที่เป็นชื่อของเราเป็นเจ้าของ ซึ่งเราไม่อยากคาดคั้นเอาคำตอบอะไรอีกนั่นแหละ!!... เพราะเราไม่ใช่เจ้าหนี้ และไม่อยากให้เพื่อนเครียดเกินไป บางเรื่องคนเราย่อมอยากให้เป็นเรื่องส่วนตัว ... แต่ก็ได้ให้ข้อมูลเอาไว้ให้คิด เผื่อว่าลงมือทำอะไรไปแล้ว ทีนี้แหละจะเป็นคดีอาญาทันที ... อ่านต่อค่ะ เรื่องเล่ายังไม่จบ ...เครดิตภาพ : succoมีลูกหนี้จำนวนมาก ที่พอรู้ว่าถูกฟ้องศาล แล้วก็รีบโอนย้ายทรัพย์สินทันที เพราะห่วงเรื่องถูกอายัดทรัพย์ แต่ไม่ได้ศึกษากฎหมายส่วนนี้เอาไว้ ทีนี้แหละเสี่ยงโดนคดีอาญาแน่นอน เพราะเข้าข่ายโยกย้ายทรัพย์สินไปแล้ว และไม่ผิดคนเดียวซะด้วยสิ!! ผู้ที่รับโอนไปก็จะมีความผิดด้วย ดังนั้นเจ้าหนี้อาจฟ้องอาญาได้ เพราะจะถือว่าสมรู้ร่วมคิดเครดิตภาพ : HeungSoonเพื่อนถามต่อไปว่า กรณีที่เราทำเรื่องขายทรัพย์สิน ในระหว่างที่ถูกฟ้อง หรือถูกบังคับคดี โดยไม่มีเจตนาในเรื่องของการย้ายหนี แต่ขายเพื่อหาเงินมาใช้หนี้จริง ๆ แบบนี้จะเรียกว่าขายหนีการบังคับคดีหรือไม่? …เรื่องนี้ถือว่าไม่เข้าข่าย แต่เราก็ต้องมีเจตนาเพื่อการชำระหนี้จริง ๆ คือต้องเอาเงินไปจ่ายหนี้ด้วย(ประมาณนั้น) หากมีเจ้าหนี้ที่ฟ้องหลายเจ้า แต่เราคืนเงินได้เพียง 1-2 เจ้า ก็ให้เป็นไปตามนั้น และควรเก็บเอกสารต่าง ๆ เอาไว้ด้วย เผื่อเจ้าหนี้รายอื่นมีปัญหา จะได้ชี้แจงได้ว่าเราไม่มีทรัพย์ให้ยึดจริง ๆ (ขายใช้หนี้ไปหมดแล้ว)เครดิตภาพ : skeezeเราแนะนำเพื่อนเพิ่มเติมไปว่า จริง ๆ แล้ว มันมีวิธีป้องกันและแก้ไขได้ แต่ไม่ใช่เวลาที่หมายบังคับคดีมาถึงบ้านแล้ว และในเวลานี้แลดูว่าเพื่อนจะเครียดเล็กน้อย เราจึงไม่ย้อนกลับไปพูดถึงมันอีก เพราะจะถูกเข้าใจผิดว่าไปซ้ำเติม จึงได้แต่แนะนำในเรื่องที่คาดว่าเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ไปก่อน เพราะห่วงว่าเพื่อนจะเผลอไปทำผิดใด ๆ เข้า จะทำให้มีความผิดในทางอาญาเอาได้ ...ก่อนแยกย้ายกัน เราบอกเพื่อนไปว่า ตราบใดที่เรายังทำงานหาเงินได้ ก็อย่าไปหวงทรัพย์สินเอาไว้เลย หากจำเป็นต้องเสียมันไปจริง ๆ เชื่อว่าวันหนึ่งข้างหน้า เพื่อนต้องหาใหม่ได้แน่นอน ... "เพื่อนต้องสู้ต่อไปนะ" ...เครดิตภาพปก : cocoparisienne