โดยส่วนใหญ่ เรามักจะเขียนเรื่องการ haircut หนี้ อยู่บ่อย ๆ เพราะเป็นทางออกสำหรับลูกหนี้ ที่พยายามหมุนเงินจนบัตรทุกใบชนเพดาน กระทั่งไปต่อไม่ไหว... เพื่อนเราคนหนึ่ง อยากรู้ว่าจะได้ลดหนี้เท่าไร ทั้ง ๆ ที่ยังไม่พร้อมจ่าย แต่พอพร้อมจ่ายเจ้าหนี้ก็ไม่ลดให้อีกแล้ว ... เพราะอะไร? เราไปติดตามเรื่องราวพร้อม ๆ กันเลยค่ะความเป็นมา ไม่ต่างอะไรกับผู้ที่หมุนเงินจากบัตรเครดิตใบที่ 5 มาจ่ายบัตรที่ 1-4 มากนัก... เพื่อนเรารู้มาว่าหยุดจ่ายแล้วรอเวลาให้หนี้เสีย 3 เดือนเป็นต้นไป ก็จะสามารถคุยกับเจ้าหนี้ เพื่อขอส่วนลดหรือทำ haircut หนี้ได้ ซึ่งก่อนหน้านี้ ก็ได้ผ่านการถูกทวงหนี้มาอย่างโชกโชนกันเลยทีเดียว หนักสุดคือเจ้าหนี้ไปหาผู้ใหญ่บ้าน เพื่อนเราบอกว่าอับอายอยู่ไม่น้อย ตัวเองไม่เท่าไรเพราะไม่ค่อยได้ออกบ้านไปคุยกับเพื่อนบ้านมากนัก แต่สงสารแม่มากกว่า เพราะเป็นคนรับเรื่องจากผู้ใหญ่บ้านให้ จึงต้องสารภาพเรื่องหนี้สินกันไปตามระเบียบ … ไปดูเรื่องการเจรจาต่อรองกันต่อเลยค่ะหลังจากหมดระยะเวลาทวงหนี้แบบถี่ยิบในช่วงแรกแล้ว เพื่อนเล่าให้ฟังว่า ประมาณเดือนที่ 5 ก็จะเบา ๆ ลงไป แต่ก็จะมีโทรมาทวงอยู่เรื่อย ๆ ก่อนหน้านี้ไม่เคยขอส่วนลดใด ๆ บอกอย่างเดียวว่ายังไม่มีจ่าย ซึ่งไม่มีจ่ายจริง ๆ นั่นแหละ อีกอย่างอยากให้เจ้าหนี้เสนอมาก่อน เพราะคิดว่าใครพูดก่อนเสียเปรียบ เพื่อนเราเลยงดเว้นไม่ยอมขอส่วนลดมาตลอดแต่แล้วก็อดทนไม่ไหว ประกอบกับความอยากรู้ ประมาณเดือนที่ 6 จึงเอ่ยปากถามถึงส่วนลด พนักงานทวงหนี้รับเรื่องเอาไว้ก่อน และโทรติดต่อมาทีหลัง โดยให้ส่วนลดมา 35% จากยอดหนี้ 50,000 บาท ก็เหลือ 32,500 บาท โดยให้จ่ายครั้งเดียวและต้องจ่ายสิ้นเดือนนั้นเลย ซึ่งเพื่อนเราไม่จ่าย เพราะแค่อยากรู้ยอดเท่านั้น!! และคิดเอง เออเอง ว่ายังได้ส่วนลดนี้อยู่ ... แล้วเกิดอะไรขึ้น ... ไปอ่านกันต่อเลยค่ะหลังจากรู้ยอดส่วนลดแล้ว เพื่อนเราก็ตั้งใจว่า จะเริ่มเก็บเงินเพื่อไปสะสางหนี้สินก้อนนี้ ระหว่างนี้เจ้าหนี้ก็ยังไม่ส่งฟ้อง เพราะยังไม่มีหมายศาลมาที่บ้าน พอเก็บเงินได้ครบ เพื่อนเราไม่รอช้า โทรหาเจ้าหนี้ทันที แต่ต้องตกใจเพราะเจ้าหนี้แจ้งมาว่า ตอนนี้ไม่มีการให้ส่วนลดอีกแล้ว หากจะจ่ายก็ต้องจ่ายยอดเต็มบวกดอกเบี้ย ซึ่งตอนนี้ยอดเดินไปที่เกือบ 60,000 บาทแล้ว หรือไม่ก็รอหมายฟ้องอีกครั้ง ซึ่งไม่บอกว่าเมื่อไหร่ซะด้วยสิ!เหตุการณ์นี้ เพื่อนมาปรึกษาเราด้วยเช่นกัน ซึ่งคำตอบเดาได้ไม่ยาก เพราะเป็นเรื่องของการผิดนัดซ้ำแล้วซ้ำเล่า จะว่าไปแล้วก็เหมือนโปรโมชั่น ที่มีเรื่องเวลาเข้ามากำหนด เพื่อให้ลูกค้ารีบตัดสินใจ กระทั่งหมดโปร ลูกค้าก็จะไปเรียกร้องอะไรไม่ได้อีกแล้ว และเจ้าหนี้เค้าทำงานกันเป็นระบบ พนักงานทวงหนี้ติดต่อลูกหนี้แล้ว ได้ความว่าอย่างไร เค้าก็จะบันทึกไปตามนั้นส่วนยอดลดที่เจ้าหนี้เคาะตัวเลขมาให้ จะต้องผ่านการอนุมัติหลายขั้นตอน และเค้าก็หวังว่าเราจะจ่ายหนี้ด้วย เมื่อไม่เป็นไปตามที่ตกลงกันไว้ เค้าก็มีสิทธิที่จะไม่ยอมลดให้เราอีกต่อไป สาเหตุหลักก็คงเป็นเพราะ เจ้าหนี้เค้าไม่เชื่อใจเราอีกแล้วนั่นเองก่อนแยกย้ายกับเพื่อน เราแนะนำเพิ่มเติมไปว่า จริง ๆ เราขอส่วนลดเพิ่มได้อีก ตั้งแต่เจ้าหนี้แจ้งลดมาที่ 35% ให้พูดขอไปก่อน เค้าจะให้หรือไม่ก็ต้องรอ เพราะเจ้าหนี้บางราย เค้าก็นำคำขอเราไปพิจารณาให้ใหม่ และลดเพิ่มให้เราจริง ๆ แต่อาจมีเงื่อนไขให้จ่ายแบบด่วนที่สุด ภายใน 3 วัน และเราอาจเป็นลูกหนี้ผู้โชคดีคนนั้นก็ได้ แต่การที่เราไปผิดนัดเค้าแบบนี้ เค้าก็ย่อมเข็ดหลาบเป็นธรรมดาดังนั้น การเจรจาต่อรองเราต้องจริงจังและทำได้จริง เพราะเจ้าหนี้บางราย ไม่รับพิจารณาส่วนลดให้เลยด้วยซ้ำไป ใจดีหน่อยก็ลดให้เฉพาะดอกเบี้ยเท่านั้น เพราะรู้ว่าศาลท่านจะต้องพิจารณาลดเรื่องดอกเบี้ยที่คิดเกินเอาไว้ หากลดให้แล้วลูกหนี้ไม่ยอมจ่าย ก็ต้องไปจบที่ศาล อายัดเงินเดือนหรือยึดทรัพย์กันต่อไปกดที่รูปโปรไฟล์ แล้วกด “ติดตาม” เอาไว้นะคะ เรามีประสบการณ์เรื่องการจัดการหนี้สินและการเงินมาแชร์อีกเยอะเลยค่ะ บทความน่าอ่าน :- ไม่อยากติดเครดิตบูโร อยากขอ Haircut หนี้ (ก่อน) ได้หรือไม่?- ลูกหนี้ต้องอ่าน!! เจรจาต่อรองลดหนี้ จนกว่าจะพอใจได้หรือไม่?- เตือนลูกหนี้!! อย่าจ่ายเงินปิดหนี้ก่อนได้รับใบลดหนี้เด็ดขาด (พร้อมแชร์ประสบการณ์เจรจาต่อรองหนี้)เครดิตภาพ pixabay : ภาพปก Alexas_Fotos / ภาพที่ 1 stevepb / ภาพที่ 2 Free-Photos / ภาพที่ 3 1588877 / ภาพที่ 4 StockSnap / ภาพที่ marcisim