เราทุกคนต่างก็รู้ดีว่าการออกกำลังกายนั้นมีข้อดีต่อร่างกายของเราอย่างไร ทั้งทำให้ร่างกายแข็งแรง ป้องกันโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ และยังมีส่วนช่วยชะลอความเสื่อมของสมอง แต่เพราะอะไรกันนะ เราถึงไม่สามารถออกกำลังกายได้สม่ำเสมอทุกวัน แม้ว่าเราจะรู้ว่ามันเป็นเรื่องที่ดีก็ตาม จิราจอมเป็นคนหนึ่งที่เคยประสบปัญหานั้น เมื่อพูดถึงเรื่องออกกำลังกายก็จะอิดออดขี้เกียจ เหนื่อย นอนดีกว่าและผัดวันประกันพรุ่งตลอด แต่ในที่สุดผมก็มาเริ่มจริงจังในการออกกำลังกายวิ่งเพื่อตัวเองทุกวันแล้ว แม้จะมีบางวันที่ทำไม่ได้ก็ตาม แต่ก็พยายามอย่างสุดกำลังครับ รูปภาพจาก pexels.com เรื่องมันเป็นอย่างนี้ครับ ที่ผมออกกำลังกายได้อย่างสม่ำเสมอและตั้งเป้าหมายไว้เป็นภารกิจหนึ่งที่สำคัญมากในชีวิต ก็เพราะว่าคุณแม่ของผมป่วยนี่แหละครับ (ขอบคุณคุณแม่ด้วยที่ป่วยครับ เอ่อ เดี๋ยวก่อนนะ… มันไม่ใช่ละ ฮ่าฮ่า) คือคนเราเวลาไม่เห็นอะไรกับตาตัวเอง ก็จะไม่รู้สึกว่ามันสำคัญอะไรหรอกครับ ใช่เลย อย่างที่โบราณเคยว่าไว้ ไม่เห็นโลงศพ ไม่หลั่งน้ำตานั่นเอง! ถ้าผมไม่ใช่วัยรุ่นที่ยังมีกำลังวังชาอยู่ ป่านนี้ผมคงป่วยเข้าโรงพยาบาลไปแล้วครับ เนื่องจากผมใช้ชีวิตโดยไม่คิดรักษาสุขภาพเลย เล่นใช้เวลานอนทีละ 12 ชั่วโมง และตื่นนานสองวันติดกันแบบข้ามคืนรวมทั้งสิ้น 36 ชั่วโมง แถมผมยังไม่ออกกำลังกายอีก คุณคิดดูว่ามันแปลกขนาดไหน ดวงตาของผมเริ่มดำเป็นหมีแพนด้า ช่างน่ากลัวยิ่งนัก! จริง ๆ ผมก็เคยคิดเปลี่ยนตัวเองมาตั้งนานแล้วล่ะครับ แต่อย่างที่เคยกล่าวไป ว่าเคยประสบปัญหาออกกำลังกายนิด ๆ ออกหน่อย ๆ สักสองอาทิตย์ แล้วก็เลิกออกกำลังกายยาวไปเลยก็มี คือเรารู้ความสำคัญของมัน แต่เราบังคับตัวเราเองไม่เคยจะได้เลย จนเราได้มาเห็นกับตาตัวเองครับ ขนาดคุณแม่ที่ใช้ชีวิตแบบปกติยังเป็นเสียขนาดนั้น แล้วผมตอนอายุเท่าท่านล่ะจะขนาดไหน!? ผมต้องเป็นภาระคนอื่นแน่ ๆ ถ้าผมเจ็บป่วย เป็นอะไรขึ้นมา เท่านั้นแหละครับผมจึงออกกำลังกายทุกวัน ดูแลตัวเองให้ดี ผมว่าความสำคัญที่แท้จริงของการคิดจะออกกำลังกายให้ได้ทุกวัน นั่นคือเราตั้งคำถามหรือยัง ว่าเราจะออกกำลังกายไปทำไม เพื่ออะไร เพื่อใคร ทำอะไร ทำอย่างไร ทำตอนไหน แล้วจะได้อะไร ผมตอบคำถามพวกนี้ได้และผมเห็นว่าสิ่งที่เสียเหงื่อไปมันมีคุณประโยชน์และคุ้มค่ายิ่งกว่าคุ้ม สุขภาพดีมีค่ากว่าเงินอีกนะครับ มันทำให้เราตายยากขึ้นล่ะ! ถ้าเรามีชีวิตอยู่อย่างแข็งแรงในคราวที่อายุเยอะ ๆ ได้ ก็ยังสามารถทำประโยชน์ให้ใครอื่นได้ตั้งมากมาย รูปภาพจาก pexels.com รู้แบบนั้นผมก็รีบหยิบรองเท้าออกไปวิ่งสิครับ คุ้มเกินคุ้มเสียเวลาแค่วันละสิบ สิบห้านาทีแลกกับการที่ชีวิตนี้มีความเจ็บป่วยลดลง สมองดีขึ้น มีหรือที่คนอย่างผมจะไม่ทำ