[อัลไซเมอร์] กับการเปลี่ยนวิธีใช้ชีวิต ประเทศไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์แล้ว คือมีประชากรที่อายุ 60 ปีขึ้นไป ร้อยละ 20 หรืออายุ 65 ปีขึ้นไป ร้อยละ 14 ตามนิยามขององค์การสหประชาชาติ นี่หมายความด้วยภาษาง่าย ๆ ว่าคนไทยอายุยืนขึ้นแล้วอะไรที่ทำให้คนไทยอายุยืนขึ้น อาจพูดรวม ๆ ได้ว่าเพราะการดูแลรักษาสุขภาพที่ไม่ได้เป็นแค่เรื่องที่ดี แต่เรื่องดี ๆ เรื่องหนึ่งของชีวิตที่ควรทำก็คือการดูแลสุขภาพเช่นกัน และตอนนี้การดูแลสุขภาพทุกรูปแบบก็กลายเป็นกระแสดี ๆ ในสังคมเรียบร้อยแล้วแต่ถึงอย่างนั้นวัยที่สูงขึ้นก็หนีไม่พ้นโรคภัยบางอย่างที่เป็นโรคเฉพาะของผู้สูงวัย หนึ่งในนั้นก็คือโรคอัลไซเมอร์ ที่ไม่ได้หมายความผู้สูงอายุทุกคนต้องเป็น แต่โรคนี้มักเป็นกับผู้สูงอายุวันก่อนผมหยิบหนังสือ All Magazine ฉบับเดือนกุมภาพันธ์ 2020 ที่รับฟรีจากร้าน 7-11 มาพลิก ๆ ดูก็เจอเรื่องที่เกี่ยวกับ [โรคอัลไซเมอร์] ในคอลัมน์สุขภาพ ที่เขียนโดย นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์ มีพาดหัวตัวโตว่า [ข่าวดีสำหรับคนขี้หลงลืม] อ่านแล้วก็นึกถึงตัวเองที่หลงลืมบ่อยขึ้น คือบางทีเรื่องง่าย ๆ ก็ลืม เช่น คิดว่าจะเดินไปที่ตู้เย็น แต่พอเดินไปเปิดก็ลืมว่าจะเอาอะไร ต้องกลับไปนั่งที่เดิมแล้วคิด พอนึกออกจึงเดินไปอีกครั้งเพื่อหยิบผลไม้ที่วางอยู่หลังตู้เย็นเนื้อหาในคอลัมน์ นพ.สันต์เขียนถึงงานวิจัยที่ระดมผู้สูงอายุ 1,260 คน ที่มีคุณสมบัติครบสามข้อคือ...[1] มีปัจจัยเสี่ยงต่อโรคหัวใจหลอดเลือด[2] อายุเกิน 60 ปี[3] เป็นคนขี้หลงขี้ลืม สอบสมองเสื่อม DRS 6 คะแนนขึ้นไปแล้วให้จับฉลากแบ่งเป็น 2 กลุ่ม ผมอ่านมาถึงตรงนี้ก็ยิ่งสนใจว่าจะเป็นยังไงต่อไป ความจริงผมเคยอ่านคอลัมน์นี้แล้ว และก็ลืมหมดแล้วด้วยกลุ่ม 1 ให้เปลี่ยนวิธีใช้ชีวิต 3 ประเด็น คือ[1] กินอาหารพืชเป็นหลักแบบไขมันต่ำ[2] ออกกำลังกายทุกวัน ทั้งแบบแอโรบิก และเล่มกล้ามควบคู่กัน[3] ทำกิจกรรมท้าทายสมองทุกวันอ่านไปก็นึกภาพไปว่างานวิจัยชิ้นนี้จะได้ผลลัพธ์ยังไงกลุ่ม 2 ให้ใช้ชีวิตแบบที่เคยใช้นพ.สันต์ เขียนต่อว่างานวิจัยใช้เวลา 2 ปี แล้ววัดผลด้วยคะแนนวัดความเสื่อมของสมองทั้งหกด้าน คือ สติ, ความจำ, การคิดวินิจฉัย, การเคลื่อนไหว, ภาษา, การสังคม เปรียบเทียบก่อนและหลัง จึงพบว่า...อ่านถึงตรงนี้ผมคิดว่าเราทุกคนกำลังคิดตรงกันจึงพบว่า กลุ่มที่เปลี่ยนวิธีใช้ชีวิตมีการทำงานของสมองทั้งหกด้านดีกว่ากลุ่มที่ใช้ชีวิตแบบที่เคยใช้นพ. สันต์ยังบอกด้วยว่านี่เป็นหลักฐานวิทยาศาสตร์ระดับสูงชิ้นแรกที่ได้จากวิจัยกับคนจำนวนมากด้วยวิธีสุ่มตัวอย่างแบ่งกลุ่มเปรียบเทียบ และยืนยันด้วยว่า [โรคอัลไซเมอร์ ป้องกันหรือชะลอได้ด้วยการเปลี่ยนวิธีใช้ชีวิต]ผมเผลอเป่าปากพรวด คล้ายจะบอกตัวเองว่า [มีทางรอดแล้วเรา]ตอนท้าย นพ.สันต์ สรุปว่า การป้องกันและการพลิกผันโรคอัลไซเมอร์ จะต้องเปลี่ยนวิธีใช้ชีวิตให้ครอบคลุม 5 ประเด็น คือ...[1] กินพืชเป็นหลักในรูปแบบใกล้เคียงธรรมชาติและมีไขมันต่ำ[2] ออกกำลังกายทั้งแบบแอโรบิก เล่นกล้าม และฝึกการทรงตัว ควบคู่กัน[3] จัดการความเครียดด้วยการทำสมาธิ โยคะ หรือรำมวยจีน[4] นอนหลับอย่างมีคุณภาพ[5] ทำกิจกรรมที่กระตุ้นท้าทายสมองสม่ำเสมอนี่คือสิ่งที่ นพ.สันต์ แนะนำไว้จากการรวบรวมจากแหล่งต่าง ๆ แน่นอนว่าเราผู้อ่านคงต้องนำไปประยุกต์ให้เข้ากับตัวเอง โดยเฉพาะผู้อ่านที่สูงวัยหรือกำลังจะสูงวัย แต่ถึงอย่างนั้นผู้อ่านวัยใด ๆ ก็สามารถนำประโยชน์จากเนื้อหาทั้งหมดนี้ไปแนะนำต่อได้ ทั้งกับครอบครัวตัวเอง และครอบครัวของบุคคลที่รักขอบคุณรูปจาก Pixabayรูปปก / รูป 1 / รูป 4[รูป 2 รูป 3 โดย f i l e b y N o r]บทความอื่นของ f i l e b y N o r