5 ข้อคิด ที่ซ่อนอยู่ในหนังสือฮารูกิ มูราคามิ ไปพบ ฮายาโอะ คาวาอิ Haruki Murakami Goes To Meet Hayao Kawai - Book Review หนังสือน่าอ่านเล่มนี้ว่าด้วยการสนทนาระหว่างบุคคลคุณภาพ 2 คน คนแรกชื่อ ฮารูกิ มูราคามิ นักเขียนชื่อดัง เดิมทีเล่าเรียนด้านศิลปะการละคร ต่อมาเปิดบาร์แจ๊ส ก่อนจะเริ่มเขียนนวนิยาย เรื่องสั้น ความเรียง สารคดี และอื่นๆ ต่อเนื่องจนมาถึงทุกวันนี้ คนที่สองชื่อ ฮายาโอะ คาวาอิ อาจารย์ด้านการบำบัดทางจิตวิทยาด้วยแนวทางคาร์ จุงในประเทศสวิตเซอร์แลน ได้ชื่อว่าเป็นผู้ว่างรากฐานการวิเคราะห์ทางจิตวิทยาในญี่ปุ่นเนื้อหาในเล่มพอสังเขป1. คืนที่ 1 คนเราเยียวยาอะไรด้วย 'เรื่องเล่า'2. คอมมิตเมนต์3. โศกนาฏกรรมแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ฮันชินกับบาดแผลในจิตใจ4. ตอบด้วย 'เหตุผล' หรือตอบด้วย 'ความเห็นใจ'5. สิ่งที่ตกใจเมื่อเป็นนักเขียนนวนิยาย6. 'ปัจเจก' แบบญี่ปุ่นกับเส้นด้ายแนวดิ่งที่เรียกว่าประวัติศาสตร์7. ระดับความลึกของ 'ความแตกต่างของภาษา' 5 ข้อคิด ที่ซ่อนอยู่ในหนังสือ ฮารูกิ มูราคามิ ไปพบ ฮายาโอะ คาวาอิ 1.Detachment การแยกตัวออกจากกลุ่ม แตกต่างจากพ่อแม่ และสังคมส่วนใหญ่ มูราคามิมักจะเล่าประเด็นของการแยกตัวออกจากครอบครัวในงานเขียนของเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในงานอย่าง Kafka on the Shore และ Norwegian Wood ตัวละครของเขามักจะมีปัญหาในการเชื่อมต่อกับครอบครัวหรือรู้สึกเหินห่าง ทำให้ต้องแยกตัวออกมาเพื่อค้นหาความหมายและหาส่วนเติมเต็มจากที่อื่นแทน อาจารย์คาวาอิคิดว่า นักอ่านหลายคนได้แนวคิดการแยกตัวมาจากนิยายของมูราคามิ ก็เลยอยากลองดีแทชจากครอบครัวตัวเองดูบ้าง อ่านถึงตรงนี้พอได้ยินคำว่าให้แยกออกจากครอบครัวอาจฟังดูสุดโต่ง แต่จริงๆ ใจความสำคัญคือการออกไปใช้ชีวิตของเราให้เต็มที่นั่นเอง อยากทำอะไรก็ให้รีบลองทำ เพราะชีวิตเราเกิดมาได้ครั้งเดียว และเวลาไม่เคยรอใคร (อยากทำอะไรก็รีบทำซะ โดยที่ไม่จำเป็นว่าจะต้องแยกจากครอบครัว) 2.Empathy เห็นอกเห็นใจ และความรู้สึกร่วม มูราคามิมักสร้างตัวละครที่เลือกใช้คำพูดและมีการกระทำเพื่อแสดงความรู้สึกเห็นอกเห็นใจและเข้าใจอย่างลึกซึ้งต่อเพื่อนมนุษย์ อาจารย์คาวาอิก็ใช้หลัก เห็นอกเห็นใจ และการหาความรู้สึกร่วมในการบำบัดผู้ป่วยของเขา ทั้งสองคนให้ความสำคัญต่อความซับซ้อนของจิตใจมนุษย์และเน้นการเห็นอกเห็นใจผู้อื่น อาจารย์จะนั่งฟังคนอื่นพูดโดยไม่ตัดสินใดๆ ทั้งสิ้น เพื่อทำความเข้าใจ เข้าร่วมในประสบการณ์ของคนไข้ และหาจุดที่จะรู้สึกแบบเดียวกับพวกเขา ตรงนี้ถ้านำมาปรับใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น เวลาที่ต้องรับฟังคนใกล้ตัวระบายปัญหา หรือรับฟังคนที่มีภาวะซึมเศร้า หากใช้วิธี การรับฟังโดยไม่ตัดสิน จะสามารถหาจุดที่จูนเข้ากับความรู้สึกของพวกเขาได้ 3.Burnout มูราคามิ หมดไฟ เบื่องานแปล เก็บกระเป๋ากลับญี่ปุ่น มูราคามิเล่าถึงประสบการณ์หมดไฟของตัวเอง โดยบรรยายถึงความอ่อนล้าและการขาดแรงบันดาลใจที่เขาเคยประสบในฐานะนักเขียนและนักแปล จู่ๆ เขาก็เบื่องานแปลขึ้นมา ซึ่งไม่ใช่เรื่องธรรมดาเพราะว่างานแปลเป็นงานที่เขารักพอๆ กับงานเขียน เขาเล่าว่าตอนนั้นการทำงานแปลที่เคยให้ความรู้สึกมีชีวิตชีวา กลับไม่ตื่นเต้น ความสนุกค่อยๆ หมดไป ในที่สุดก็ตัดสินใจบินกลับไปพักสมองที่ญี่ปุ่น อาจารย์คาวาอิ ก็ประสบปัญหากับอาการ หมดไฟ ความเหนื่อยหน่ายในการทำงานในฐานะนักจิตบำบัดที่ต้องรับฟังคนไข้ตลอดเวลา ทำให้บางครั้งรับเรื่องนั้นเข้ามาด้วย จนอาจารย์รับไม่ไหวต้องขอลาไปพักและต้องใช้เวลาพักฟื้นช่วงเลยทีเดียว หากเรานำความเข้าใจตรงนี้มาปรับใช้ในการทำงานของเราเอง เราจะสามารถบาลานซ์ชีวิตของตนเองได้ง่ายขึ้น 4.Transformation งานศิลปะต้องก้าวข้ามไปเรื่อยๆ มูราคามิพูดถึงงานเขียนและงานศิลปะเอาไว้อย่างน่าสนใจ โดยการมุ่งเน้นไปที่แนวคิดของการก้าวข้ามไปข้างหน้า ทั้งในแง่ของการเติบโตของ ตัวผลงาน และ ผู้สร้าง การเติบโตไปข้างหน้าหมายถึง การพัฒนาผลงานให้ออกมาอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ ในลักษณะการสั่งสมพลังทีละนิดๆ แล้วฝึกให้ชินก่อนสักพัก จากนั้นจึงทยอยเพิ่มปริมาณขึ้นไปช้าๆ ในหนังสืออาจารย์คาวาอิเล่าประสบการณ์การทำงานกับผู้ป่วยของเขาเอาไว้ว่า มีคนไข้บางส่วนที่ตกเป็นทาสผลงานตัวเอง เช่น ศิลปินที่ต้องหาพึ่งพาพลังการสร้างผลงานจากภายนอก ตรงนี้ถ้าไปเลือกพึ่งพาพลังงานที่เป็นพิษก็จะสร้างปัญหาให้กับตัวศิลปินอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ และพลังที่ยืมมาจะไม่ยั่งยืนเหมือนกับพลังที่เกิดจากการสั่งสมด้วยตนเอง หากนำเรื่องการก้าวข้ามไปข้างหน้ามาเปรียบเทียบกับการทำงานในชีวิตจริง เราจะเข้าใจทันทีว่า ถ้าเมื่อไหร่เราหยุดพัฒนาความรู้ให้ทันโลก เราก็จะถูกโลกทิ้งไว้ด้านหลังทันที ตัวอย่างเช่น ai ที่เข้ามามีส่วนร่วมพลิกโลกเทคโนโลยีในวงกว้าง 5.Superstition เปิดใจให้กับเรื่องเหนือธรรมชาติ ความเชื่อเกี่ยวกับเรื่องจิตวิญญาณและสิ่งเหนือธรรมชาติเป็นตำนานเล่าขานที่มีมานานมากแล้วมูราคามิกล่าวถึงเรื่องของความเชื่อ เช่นเรื่องโชคลาง เรื่องผี และจิตวิญญาณ ในวัฒนธรรมญี่ปุ่นมีความหลากหลายของความเชื่ออยู่มาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องเหนือธรรมชาติ มูราคามิมักจะหยิบจับสิ่งลึกลับพวกนี้มาใส่ไว้ในงานเขียนของเขาทุกเล่ม อาจารย์คาวาอิในฐานะนักจิตบำบัด ในขั้นตอนรับฟังคนไข้อาจารย์จะเปิดกว้างกับเรื่องความเชื่อพวกนี้มาก เพราะการที่คนไข้เล่าเรื่องความเชื่อมันมักจะสะท้อนถึงความคิดและประสบการณ์ของพวกเขาออกมา ทำให้อาจารย์เข้าใจความรู้สึกนึกคิดของคนไข้ได้ง่ายขึ้น ข้อคิดที่ได้จากบทนี้และนำมาปรับใช้กับชีวิตจริงได้ดีที่สุด คือประเด็นของการ ฝึกให้เราเปิดใจ และเปิดกว้างทางความคิด ไม่เป็นคนที่ยึดเอาไอเดียของตนเองเป็นศูนย์กลาง อย่างเช่น ในบ้านเราจะมีคนชอบพูดว่า ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ ความหมายจริงๆ คือว่า การฝึกให้วางตัวเป็นกลาง เปิดกว้าง ไม่ใช่ว่าพอไม่เชื่อแล้วไปก็ต่อต้านทำไมต้องอ่านหนังสือเล่มนี้ เนื้อหาในหนังสือเล่มนี้ คือ อาหารสมองชั้นเลิศ ประเด็นต่างๆ ที่ถูกยกขึ้นมาเป็นหัวข้อในการสนทนาล้วนแล้วแต่ลึกล้ำ ทันสมัย และน่าสนใจ ผู้อ่านจะสัมผัสได้ถึงความฉลาดลึกล้ำในการตั้งคำถามและการตอบคำถามผ่านทางบทสนทนาระหว่าง นักเขียน กับ นักจิตบำบัด ระดับโลกจุดแข็ง หนังสือเล่มนี้แปลโดย มุทิตา พานิช ซึ่งใช้ภาษาแปลได้สละสลวย ชวนติดตามตลอดทั้งเล่ม ผมยืนยันว่าเก่งและรู้จริงในเรื่องที่แปล (เธอมีผลงานแปลหลายเล่มแล้วครับ) นักเขียนส่วนใหญ่แนะนำให้อ่านหนังสือเล่มนี้ กลุ่มแฟนคลับของมูราคามิก็พูดถึงหนังสือเล่มนี้อยู่ตลอดครับ สิ่งสำคัญและความรู้จากการอ่านสามารถนำมาเป็นแง่คิดกับการใช้ชีวิตได้จริง คะแนน 5/5 ไม่ว่าผู้อ่านว่าจะชอบงานเขียนของ มูราคามิ กึ่งๆ ครึ่งๆ หรือคลั่งไคล้ ไม่ว่าจะรู้สึกอย่างไรต่อ ฮารูกิ มูราคามิ ความหมั่นไส้และอคติของคุณจะลดลงเมื่อได้รับทราบความมานะพยายามของมูราคามิที่ทุ่มเทเขียนหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาด้วยความละเมียดละไม หนังสือเล่มนี้เป็นหนึ่งในแรงบันดาลใจให้กับผู้อ่านหลายคนตัดสินใจออกไปใช้ชีวิต ลองอ่านเถอะครับแล้วคุณจะชอบราคาราคา 220 บาท (หาซื้อได้ที่ se-ed )ชื่อหนังสือ : ฮารูกิ มูราคามิ ไปพบ ฮายาโอะ คาวาอิ : Haruki Murakami Goes To Meet Hayao Kawaiผู้เขียน : Haruki Murakami (ฮารุกิ มูราคามิ) Hayao Kawai (ฮายาโอะ คาวาอิ)ผู้แปล : มุทิตา พานิชISBN : 9786167591766จำนวนหน้า : 154 หน้าภาษา : ภาษาไทยWriter : Charcoal ติดตามผลงานรีวิวหนังสือของชาร์โคลได้ที่Charcoal เครดิตและลิขสิทธิ์ทั้งหมด เนื้อหาในบทความเขียนโดยผู้เขียนเอง และรูปทั้งหมดเป็นรูปฟรีไม่ติดลิขสิทธิ์ครับรูปปก รูปหนังสือถ่ายโดยนักเขียน รูปหนังสือรูป 1 จัดอาร์ตโดยนักเขียน รูปพิมพ์ดีด รูป 2 จัดอาร์ตโดยนักเขียน รูปหนังสือรูป 3 จัดอาร์ตโดยนักเขียน รูปฟรีในแอป canvaรูป 4 จัดอาร์ตโดยนักเขียน รูปฟรีในแอป canvaเปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !