สวัสดีค่ะ วันนี้ เราจะมาพูดถึงเรื่องการสื่อสารกับผู้อื่นทางด้านการจูงใจและเจรจาให้คล้อยตามโดยที่การเจรจาต่อรองนั้นเริ่มแรก เราต้องรู้จักการประเมินคู่สนทนาเพื่อการเจรจาต่อรองก่อน ว่ามีเรื่องใดบ้าง โดยมุ่งหาประโยชน์ของการเจรจา เพื่อการแก้ปัญหาและสร้างมิตรภาพที่ดีต่อกันทั้งสองฝ่าย และต้องมีข้อยุติที่ไม่มีฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดเสียเปรียบต่อกันและกัน ซึ่งการเจรจาที่ดีนั้น คือ การนำศาสตร์ศิลป์มารวมกับหลักเหตุผลโดยเริ่มจากการสร้างความคิดแบบเหตุการณ์เสมือนจริงล่วงหน้าในใจ ว่าเรื่องจะเกิดออกมาในรูปแบบไหน ผนวกกับการวางแผนในการเจรจา ว่าต้องเตรียมพร้อมทางข้อมูลขนาดไหน จากนั้น จึงนำประสบการณ์ที่สั่งสม และกลยุทธ์ที่เคยเรียนรู้มาใช้เพื่อการเจรจามาในครั้งนี้ โดยในทุกครั้งที่มีการเปิดโต๊ะเจรจา ขอให้ทุกคนพึงจำสิบแนวความคิดสำคัญ แบบ Growth Mindset หรือทัศนคติและแนวคิดแบบยืดหยุ่นเพื่อการพัฒนาต่อไปข้างหน้า ที่จะช่วยให้การเจรจาทุกครั้งนั้นสำเร็จค่ะโดยวันนี้จะมาเล่า เกี่ยวกับ 10 Growth Mindset ที่ดีอันได้แก่ในการเจรจา ถ้าคุณไม่เอ่ยปากขอสิ่งที่คุณอยากได้ ฝั่งตรงข้ามก็จะไม่รู้และคุณก็จะไม่ได้สิ่งที่ต้องการ ดังนั้น อยากได้อะไรก็ขอเขาเลยค่ะ จงอย่าคิดว่าฝั่งตรงข้ามจะรู้ว่าเราอยากได้อะไรทุกอย่างในโลกเป็นไปได้หมด ขอแค่เพียงคุณต้องมีศรัทธาว่ามันจะเกิดขึ้นจริง เริ่มจากเชื่อในตัวเอง และสื่อสารออกมาด้วยความมั่นใจ แค่นี้ก็มีชัยไปกว่าครึ่งค่ะโลกของเราไม่เคยมีกฎตายตัวในเรื่องไหนก็ตาม ดังนั้นทุกสิ่งเกิดขึ้นได้ ดังนั้น ทำอย่างไรก็ได้ ที่ไม่ขัดต่อหลักศีลธรรมหรือจริยธรรมในการก่อให้เกิดความสำเร็จในการเจรจาเวลาที่เริ่มเจรจา ให้สื่อสารเข้าไปถึงจิตใต้สำนึกของเขา ไม่ใช่แค่พูดคุยกับเขาแต่เพียงผิวเผินเรื่องธุรกิจเราต้องมีความเชื่อว่าเราเหนือกว่าเขา ทุกครั้งที่ไปเริ่มเจรจา เราต้องมีความเชื่อที่ว่าเขาต้องพึ่งพาเรา และเราถือไพ่ที่เหนือกว่า ซึ่งจะสร้างความมั่นใจให้เรา ว่าเราสามารถที่เจรจาได้สำเร็จนั้นเอง 6. ในการเจรจาเราต้องคิดว่า ทั้งสองฝ่ายต้องได้ผลประโยชน์ร่วมกัน ไม่ใช่คิดจะได้แต่ประโยชน์ฝ่ายเดียว โดยที่ต้องหาข้อสรุปตรงกลางที่ได้ผลประโยชน์ทั้งสองฝ่าย หรือที่เรียกว่า Win-Win Situation 7. ในการเจรจานั้น ต่อให้เราตื่นเต้นแค่ไหน ก็ต้องมีความนิ่งสงบความเคลื่อนไหวไว้ก่อน มันคงจะดูไม่เป็นมืออาชีพเท่าไร ถ้าเราเข้าไปเร่ิมเจรจาด้วยน้ำเสียงสั่นเทา หรือกัดเล็บไปมาระหว่างการเจรจาในเรื่องที่เราต้องการ เคล็ดลับง่ายๆ ที่ช่วยลดความประหม่า คือ หายใจเข้าลึกๆ สามครั้ง และบอกว่าเราสามารถทำได้ และให้คิดว่าฝั่งตรงข้ามเป็นเพื่อนที่เรารู้จัก ก็จะช่วยลดความประหม่าลงไปได้ค่ะ 8. เราต้องจำให้ขึ้นใจว่า “ชีวิตของเรานั้นจะเป็นรูปแบบไหน ขึ้นอยู่กับการเจรจาต่อรองของเราเอง ตัวอย่างเช่น การอยากได้เงินเดือนขึ้นเพื่อให้เหมาะกับงานที่เราทำในปัจจุบัน เราก็ต้องรู้ว่าเราต้องยกเหตุผลแบบไหน เพื่อให้ผู้บังคับบัญชาคล้อยตามและเห็นด้วยนั้นเอง 9. อำนาจที่สูงสุดของการเจรจา คือ เราต้องไม่ให้ใครมาถือไพ่เหนือเรา เราต้องสามารถแก้เกมส์ได้ในทุกสถานการณ์ และเราควรเป็นผู้ที่สร้างประโยชน์ให้กับคนอื่นเอาไว้เยอะๆ เพื่อที่วันหนึ่งเขาต้องยอมเราในการเจรจาบางเรื่อง 10. การยอมเจรจาต่อรองกับใครก็ตามไม่ใช่ว่าเราอ่อนแอ แต่แสดงให้เห็นว่าเรามีอำนาจที่จะยอม ลดหรือเพิ่มตามข้อเสนอต่างหาก ไม่คำว่าแพ้ หรือชนะในการเจรจา มีแต่เพียงการหาทางออกในการแก้ปัญหาร่วมกันเท่านั้นค่ะโดยการเจรจาทุกเรื่องนั้นขอให้อยู่บนหลักของIntegrative นั้นก็คือ ได้รับความร่วมมือทั้งสองฝ่าย เพื่อผลที่ออกมา ที่ทั้งสองฝ่ายนั้น ชนะ เพราะจะก่อให้เกิดความสัมพันธ์ที่ดีในระยะยาว เพราะมีการเจรจาที่สร้างสรรค์ ซึ่งในครั้งต่อไปเมื่อเกิดการเจรจาในเรื่องใดก็ตามทั้งสองฝ่ายก็จะไม่มีอคติต่อกัน และนี้ก็คือ เทคนิคการเจรจาต่อรองที่มีผลลัพธ์ที่ดีนะคะ ขอให้เพื่อนๆ นำไปฝึกตามและโชคดีมีความสุขทุกคนค่ะ ไว้เจอกันใหม่ในบทความหน้าค่ะCredit picture Intro :Designed at Canva by authorCredit picture no1 : Freepik & design on CanvaCredit picture no2 : FreepikCredit picture no3: FreepikCredit picture no4: FreepikCredit picture no5: FreepikCredit picture no6: FreepikCredit picture no7 : FreepikCredit picture no8: FreepikCredit picture no9: FreepikCredit picture no10: FreepikCredit picture no11: Freepik