เนื่องจากผู้เขียนมีความรัก ความชอบในการสัก (Tattoo) และการเจาะ (Piercing) วันนี้ผู้เขียนจึงมาแนะนำการเจาะในส่วนต่าง ๆ ของร่างกายที่มีมากกว่าการเจาะหู เจาะสะดือกันค่ะ ซึ่งมีบางจุดที่ผู้เขียนเคยผ่านประสบการณ์การเจาะบริเวณนั้นมาแล้วด้วย รับรองบอกหมดไม่มีกั๊กแน่นอนค่ะ 1. จุดเชื่อมระหว่างเหงือกกับด้านในริมฝีปาก ภาพประกอบบทความจากผู้เขียน หลายคนอาจจะมองว่า จุดนี้น่ากลัวและน่าหวาดเสียวที่สุด เจ็บที่สุด แต่สำหรับผู้เขียนแล้ว จุดนี้เจ็บน้อยที่สุดค่ะเพราะแทบไม่รู้สึกอะไรเลย สำหรับบริเวณที่เจาะจะเป็นบริเวณส่วนที่เชื่อมกันระหว่างเหงือกและด้านในริมฝีปากค่ะ ภาพประกอบบทความจากผู้เขียน วิธีการดูแลรักษาก็ไม่ยากค่ะเพียงแค่บ้วนปากให้มากขึ้นด้วยน้ำยาบ้วนปาก 3 เวลาหลังอาหาร ช่วงแรกของการเจาะให้รับประทานอาหารเหลวเพื่อไม่ให้แผลกระทบกระเทือน แต่สิ่งที่ต้องทำใจคือ คราบน้ำลาย คราบพลัคจะมาเกาะที่จิล (เครื่องประดับที่เจาะบริเวณนั้น) ของเรา พอนานวันเข้าจิลก็เริ่มขุ่น จึงขอแนะนำให้ถอดออกมาแปรงด้วยยาสีฟัน แปรงสีฟันต่างหากเพิ่มค่ะ 2. ติ่งหูแนวขวาง ขอบคุณภาพประกอบบทความจาก blogspot บริเวณนี้เราอาจจะไม่ค่อยได้พบเห็นมากนัก แต่ก็เป็นจุดที่ดูสวยในสายตาผู้เขียนไม่ใช่น้อย ขอแนะนำว่า ให้ไปเจาะกับร้านที่ช่างมีความชำนาญในระดับหนึ่งดีกว่าค่ะ เพราะช่างเจาะบางคนก็ไม่เข้าใจตำแหน่ง อีกทั้งบริเวณนี้ค่อนข้างเจ็บและดูแลยากค่ะ เจาะได้ไม่กี่วันก็ต้องเอาออกเพราะทนกับอาการปวด บวมของแผลไม่ไหวรวมถึงผมยาวสลวยที่มักจะเกี่ยวจิลทำให้แผลได้รับความกระทบกระเทือนจนน้ำตาร่วงเป็นประจำ ผู้เขียนหาภาพตนเองตอนที่เจาะไม่พบค่ะ ขออภัยในความไม่สะดวกมา ณ ที่นี้ 3. โหนกแก้มหรือนิ้วมือ ขอบคุณภาพประกอบบทความจาก tattoo-journal ขอบคุณภาพประกอบบทความจาก community.qvc บริเวณนี้ผู้เขียนไม่เคยผ่านประสบการณ์การเจาะมาค่ะ แต่หลายท่านอาจสงสัยว่า จิลเข้าไปใต้ผิวหนังด้วยวิธีใดเพราะหากเจาะเข้าไปตามปกติก็มีโอกาสสูงมากที่จะเลื่อนหลุด หรือถ้าเจาะเข้าไปเพื่อทะลุออกอีกด้านแบบคิ้วหรือสะดือก็เป็นไปได้ยากเพราะจิลที่โผล่พ้นผิวหนังมามีเพียงอันเดียว ปกติแล้วจิลที่เราคุ้นเคยในการเจาะจะเป็นแบบตุ้มหูแบบแป้น (Earring) หรือแบบตรงที่มีปลายทั้งสองข้างสามารถหมุนหรือถอดออกได้ (Instud Barbell) ซึ่งผู้เขียนขอแนะนำจิลอีกรูปแบบหนึ่งให้ผู้อ่านได้รู้จักกันค่ะ นั่นคือ.. จิลแบบฝังหรือ Micro-Dermal นั่นเอง ลักษณะจะเป็นดังภาพ ขอบคุณภาพประกอบบทความจาก Amazon โดยช่างจะใช้หมุดเจาะผิวหนัง (Biopsy punch) ซึ่งเป็นเครื่องมือทางการแพทย์เจาะลงไปบนผิวและทำการฝังจิลลงไป ต้องกระทำโดยช่างที่เชี่ยวชาญเท่านั้นเพราะมีความเสี่ยงในเรื่องของระบบประสาทค่ะ ขอบคุณภาพประกอบบทความจาก Amazon ที่สำคัญคือ จิลชนิดนี้ไม่สามารถเอาออกได้ด้วยตัวเองนะคะ 4. ร่องปากบนหรือมุมปากขวา ซ้าย ภาพประกอบบทความจากผู้เขียน ไหนสาว ๆ คนไหนอยากดูแซบ ดูเปรี้ยวขึ้นบ้าง!!! ขอแนะนำการเจาะตำแหน่งนี้เลยค่ะเพราะเป็นจุดที่สร้างเสน่ห์ได้ดีอีกจุดหนึ่ง (ในความเห็นของผู้เขียน) เนื่องจากจุดนี้ไม่จำเป็นต้องฝังเหมือนนิ้วมือหรือโหนกแก้มจึงไม่ยุ่งยาก เพราะใช้จิลที่มีลักษณะแป้นกลมแบน หมุนออกได้เฉพาะบริเวณหัวจิล ลักษณะการดูแลจะใช้ยาป้ายแก้ปากเปื่อยป้ายบริเวณด้านในปาก ส่วนนอกปากใช้ครีม Bepenthen รุ่น First Aid ทาเฉพาะก่อนนอน ไม่ทาเช้า-เย็นเพราะกันแผลแฉะค่ะ หมั่นเอาคัตตอนบัตซับน้ำบริเวณรอบแผลด้วยนะคะ ผู้เขียนเจาะมุมปากขวาบน (Madonna Piercing ) ค่ะ ขอบคุณข้อมูลจาก http://www.eardots.com https://tha.our-happy-life.com/how-to-insert-microdermal-anchor-4699