ใน Facebook เรามักจะเห็นการเขียนโพสทวงเงินลอย ๆ อยู่บ่อย ๆ และหนึ่งในนั้นก็คือเพื่อนคนหนึ่ง ที่เราสนิทด้วย พอโพสต์บ่อยเข้า ต่อมอยากรู้อยากเห็นก็ทำงาน จึงสายตรงไปถามว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะปกติเพื่อนไม่ใช่คนแบบนี้ ดังนั้นต้องมีต้นสายปลายเหตุแน่ ๆ ... ตามไปดูกันค่ะเครดิตภาพ : geraltเรื่องของเรื่องก็คือ มีญาติที่ทำงานอยู่ต่างจังหวัด ทักไลน์มายืมเงินประมาณ 2 เดือนได้แล้ว (หลายหมื่น) จริง ๆ ตกลงกันว่ายืมช่วงต้นเดือน สิ้นเดือนจะคืนให้ แต่พอถึงเวลาก็ไม่เป็นไปตามที่คุยกันไว้ ทวงหนี้ทุกวิถีทางแล้ว รวมถึงโทรไปคุยเองด้วย แต่ก็ยังไม่โอนมาคืน ก็เลยโพสต์ลอย ๆ ต่อว่าผ่าน social ไป ทางสุดท้ายคงต้องกลับไปบอกพ่อแม่คนยืม เพราะเป็นญาติกันและรู้จักกันดี ฐานะทางบ้านก็ไม่ขี้เหร่อะไรแต่ถามว่าอีกฝั่งสะทกสะท้านหรือไม่ ก็บอกเลยว่า “ไม่” และจากการโพสต์ลอย ๆ ก็มีผู้หวังดีทักมาบอกว่า คนนี้เค้าเป็นหนี้หลายคนในที่ทำงาน แต่ก็ยังทำงานประจำอยู่ และคงไม่ออกงานง่าย ๆ เพราะทำงานที่บริษัทมานานกว่า 10 ปีแล้ว ยังไงหากมีหลักฐานก็ลองทำตามวิธีทางกฎหมายดู ...จึงมีคำถามว่า แล้วต้องทำยังไงบ้าง?เครดิตภาพ : Free-Photosต้องมีหลักฐาน:หากยืมเกินเงิน 2,000 บาท และมีหลักฐาน จะสามารถฟ้องร้องตามกฎหมายได้ กรณีเพื่อนเราเป็นเงินหลายหมื่นบาท แถมเป็นการโอนเงิน ย่อมผ่านเงื่อนไขนี้ เพราะมีหลักฐานแน่นอน เราบอกเพื่อนให้ปริ้นท์ออกมาให้หมดทุกช่องทาง เรียงเอกสารไปตามไทม์ไลน์ ไม่ใช่แค่เฉพาะช่วงยืมเงินนะ เอามาให้หมดตั้งแต่เริ่มต้นคุยเรื่องเงิน โอนเงิน และการติดตามทวงถาม หากคุยไว้หลายทาง ก็ต้องเอาออกมาให้หมด ไม่ว่าจะเป็น Line / Facebook / Twitter / Instagram เพราะเป็นช่องทางที่ใช้กันทั่วไป มีความน่าเชื่อถืออยู่แล้วเครดิตภาพ : niekverlaanรายละเอียดต้องครบ:ในที่นี้หมายถึง วันที่ยืมและจำนวนเงินต้องชัดเจน ดังนั้นการโอนเงินจะไม่ค่อยห่วงเท่าไร เพราะในสลิปจะมีบอกเอาไว้ชัดเจน แต่ปัญหาอาจเกิดขึ้นได้ก็ตรงที่ ไม่ได้โอนเงินไปในบัญชีของลูกหนี้โดยตรง ดังนั้นให้แก้ไขด้วยการให้ทางฝั่งลูกหนี้ เขียนยืนยันมาว่าบัญชีที่โอนเป็นของใคร และมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องเป็นอะไรกันเอาไว้ด้วย ซึ่งส่วนนี้เพื่อนเราผ่านหมด เพราะโอนไปบัญชีของลูกหนี้โดยตรงเครดิตภาพ : nattanan23คิดดอกเบี้ยได้หรือไม่?:ส่วนนี้เป็นคำถามที่เพื่อนไม่ได้ถาม แต่เราไปหาความรู้มาแล้ว จึงอยากเขียนแชร์เอาไว้ เรื่องมีอยู่ว่า หากการยืมเงินไม่ได้พูดคุยเรื่องดอกเบี้ยเอาไว้ตั้งแต่แรก ก็จะคิดดอกเบี้ยย้อนหลังไม่ได้ แต่หากเริ่มผิดนัดชำระสามารถคิดดอกเบี้ยเงินกู้ได้ตามกฎหมายไม่เกิน 15%ต่อปี หากคิดเกินกว่านี้ศาลจะตัดสินให้เป็นโมฆะ และจะปรับดอกเบี้ยลงมาให้เหลือ 7.5% ต่อปีเท่านั้น เราเรียกกันว่า "เบี้ยปรับ" ดังนั้นเราจึงบอกเพื่อนไปว่า ตั้งแต่เริ่มผิดนัดชำระ ก็คำนวนดอกเบี้ยที่ 15% เอาไว้ก่อนเลย รวมถึงบอกลูกหนี้เอาไว้ด้วยก็ได้ เผื่อต้องฟ้องศาลกันเครดิตภาพ : qimonoอายุความเงินกู้กี่ปี:ประเด็นนี้น่าสนใจมาก เพราะหากเราคิดว่าจะต้องใช้กฎหมายเข้าช่วย ก็ต้องรู้ในเรื่องอายุความด้วย กรณีนี้มีอายุความถึง 10 ปี เพราะถือเป็นการกู้ยืมเงิน ที่ตกลงกันเอาไว้ว่าจะคืนครั้งเดียวเป็นก้อน ดังนั้นหากทวงถามแล้วยังดื้อไม่ยอมคืนเงิน ก็ให้วางแผนเข้าสู่วิธีทางกฎหมายเอาไว้ได้เลย เพิ่มเติมตรงนี้ว่า หากการกู้ยืมเงิน ได้มีการระบุเอาไว้ว่าจะจ่ายคืนกันเป็นงวด ๆ ก็จะมีอายุความที่ 5 ปีเท่านั้น (เหมือนบัตรกดเงินสด)เครดิตภาพ : StockSnapเราทิ้งท้ายเอาไว้ว่า ในฐานะที่เป็นญาติกัน ก็ให้คุยกันดี ๆ ไปก่อน หรือไม่ก็ไปคุยกับพ่อแม่เค้า ถ้าไม่ไหวจริง ๆ ก็ต้องดำเนินการตามกฎหมายเป็นขั้นเป็นตอนไป ที่สำคัญต้องติดตามญาติคนนี้เอาไว้อยู่เสมอ เพราะเราอาจต้องสืบทรัพย์บังคับคดีกับเค้า เห็นชัด ๆ ก็คือการอายัดเงินเดือน เพราะเห็นว่ายังทำงานอยู่ และอีกอย่างอายุมากแล้ว น่าจะพอมีทรัพย์สินอยู่บ้าง ระหว่างที่ลูกหนี้ไม่จ่าย ดอกเบี้ยก็เดินไปเรื่อย ๆ ด้วยเราบอกเพื่อนไปว่า อาจจะดูโหดและยุ่งยากหน่อยนะ แต่ก็เป็นวิธีทางกฎหมายที่ถูกต้อง ส่วนเรื่องเอกสารการยื่นฟ้องศาลคงต้องปรึกษาทนายที่มีความรู้อีกที ซึ่งเราสามารถปรึกษาทนายอาสาในพื้นที่ได้ฟรี ยังไงเพื่อนต้องศึกษาเรื่องกฎหมายพวกนี้เอาไว้ด้วยกดที่รูปโปรไฟล์ แล้วกด “ติดตาม” เอาไว้นะคะ เรามีประสบการณ์เรื่องการจัดการหนี้สินมาแชร์อีกเยอะเลยค่ะ เครดิตภาพปก : PhotoMIX-Companyบทความน่าอ่าน :- ลูกหนี้ต้องรู้!! 3 ข้อ รับมือกับหมายศาล สินเชื่อส่วนบุคคลที่หมดอายุความ- เคล็ดลับขั้นสุด เอาชนะหนี้บัตรขาดอายุความง่าย ๆ ที่คุณต้องอ่าน- จ่ายหนี้ไม่ไหว ต้องอ่าน 3 ข้อต่อไปนี้ (ห้ามทยอยจ่ายชำระหนี้เด็ดขาด!!)