อารมณ์เบื่อๆ อยากเที่ยวที่ไม่ต้องเสียเวลาเดินทาง อย่ามองข้าม "เกาะรัตนโกสินทร์" ล่ะ! บริเวณนี้มีสถานที่สำคัญหลายแห่ง เดินเล่น ถ่ายรูป กินกันจนฟิน ยิ่งเวลามีเพื่อนต่างชาติมากรุงเทพฯ เรามักจะพาเจ้าเพื่อนตัวดีทั้งหลายเดินลัดเลาะตามมุมต่างๆ พาเพื่อนต่างชาติเดินเที่ยวเส้นทางนี้ไปหลายครั้ง เหมาะกับคนที่ชอบเดินเที่ยวชมเมือง เดินจนเหงื่อแตกแต่ก็แฮปปี้มีความสุขกัน ไม่ว่าอากาศกรุงเทพฯจะร้อนเหงื่อแตกแค่ไหน พวกเราก็ไม่หวั่น เหนื่อยๆ ร้อนๆ ก็แค่หาน้ำหวานมาดื่มให้สดชื่นแล้วตะลุยต่อ เส้นทางเดินเที่ยวเกาะรัตนโกสินทร์นี้ เริ่มต้นและสิ้นสุดที่ถนนข้าวสาร ระยะทาง 6 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินเส้นอย่างน้อยชั่วโมงครึ่ง รวมกินเที่ยวด้วยก็ราว 7-8 ชั่วโมง เน้นเที่ยวที่หลักๆ อยู่สี่แห่ง นอกนั้นคือผ่านเอาบรรยากาศเมืองกรุง กินอาหารอร่อยๆ และนั่งเม้ามอย ตามมาดูกันเลยว่าจะพาไปที่ไหนบ้าง เที่ยวง่ายๆ งบส่วนใหญ่หมดไปกับของกิน ฮ่าๆ ยังไงอย่าลืมใส่รองเท้าที่เดินสบายๆ เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน! 01 ถนนข้าวสาร แหล่งรวมเหล่าแบ็คแพ็คเกอร์จากทั่วทุกมุมโลก ทุกอย่างที่นักท่องเที่ยวต้องการไม่ว่าจะเป็นที่พักหลากรูปแบบ ร้านอาหาร ของที่ระลึก ทุกสิ่งอย่างรวมไว้ที่นี่หมดแล้ว ตอนกลางวันบรรยากาศมันจะเงียบเหงาหน่อย พอมืดเท่านั่นแหละ แสงไฟและเสียงดนตรีเปิดกันให้ทั่ว ของกินมาเพียบแม้กระทั่งแมลงทอด! 02 อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เดินมาอีกหน่อยจากถนนข้าวสาร ก็ถึงอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยอันเป็นสัญลักษณ์แห่งการเปลี่ยนแปลงการปกครองของประเทศไทย โดยรอบอนุสาวรีย์แห่งนี้อุดมไปด้วยร้านอาหารขึ้นชื่อหลายต่อหลายแห่ง ใครยังไม่ได้กินมื้อเช้าก็ฝากท้องไว้ที่นี่ก่อนเลย 03 วัดราชนัดดารามวรวิหาร (โลหะปราสาท) เดินหนึ่งกิโลเมตรจากถนนข้าวสารก็ถึงวัดราชนัดดา เป็นโลหะปราสาทแห่งแรกของประเทศไทยและยังเป็นหนึ่งในจุดชมวิวของกรุงเทพมหานครด้วย เพื่อนต่างชาติถึงกับร้องว้าวเมื่อเห็นความสวยงามของโลหะปราสาท โลหะปราสาทแห่งนี้ถูกออกเป็น 3 ชั้น มี 37 ยอด ภายในโลหะปราสาทชั้นล่างสุดเป็นส่วนการจัดแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับประวัติของโลหะปราสาท ส่วนในชั้นถัดไปเป็นที่สำหรับนั่งกรรมฐานและมุมสำหรับอ่านหนังสือ เวลาเปิด : 8.00-17.00 (ทุกวัน) ค่าเข้าชม : ไม่เสียค่าเข้าชม 04 วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร (ภูเขาทอง) จากวัดราชนัดดาเดินผ่านป้อมมหากาฬที่อยู่ติดกัน ไม่นานนักก็ถึง วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร เป็นวัดที่อยู่คู่กับกรุงเทพมาเป็นเวลาช้านาน บรรยากาศภายในวัดร่มรื่นและเงียบสงบระหว่างทางเดินขึ้นภูเขาทองเพื่อไปนมัสการพระบรมสารีริกธาตุ มีต้นไม้โดยรอบและน้ำตกเล็กๆ ระหว่างทางเดินขึ้นไปบนยอดเจดีย์นั้น สามารถตีระฆัง และยังเห็นวิวระหว่างทางเดินขึ้นอีกด้วย สามารถเดินขึ้นไปด้านบนสุดเพื่อชมวิวของกรุงเทพมหานครแบบพาโนรามา สิ่งที่โดดเด่นที่สุดของวัดสระเกศราชวรมหาวิหารก็คงไม่พ้น บรมบรรพตหรือภูเขาทอง เป็นเจดีย์ที่สร้างขึ้นบนภูเขาจำลอง เวลาเปิด : 08.00-17.00 ค่าเข้าชม : คนไทยไม่เสียค่าเข้าชม ต่างชาติเสีย 50 บาท 05 วัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร วัดสุทัศน์เป็นพระอารามหลวงชั้นเอกชนิดราชวรมหาวิหาร ที่มีอยู่เพียงไม่กี่แห่งของประเทศไทย ไม่ไกลกันเป็นที่ตั้งของเสาชิงช้า เสาคู่สีแดงขนาดใหญ่ที่ตั้งตระหง่านเป็นเอกลักษณ์โดดเด่น เสียดายช่วงที่ไปกำลังบูรณะอยู่เลยได้แต่เดินผ่านไป ฝั่งตรงข้ามวัดสุทัศน์เป็นศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร เพื่อนต่างชาติเห็นชื่อเมืองหลวงของประเทศไทยอันแสนยาวถึงกับตกใจ 06 นายอ้วนเย็นตาโฟ ก่อนทัพต้องเดินด้วยท้อง ใช่ไหม?! ตอนเเรกอยากพาเพื่อนต่างชาติไปร้านเก่าแก่อย่างครัวอัปษร แต่คุณเพื่อนอยากกินอาหารไทยที่ไม่เคยกิน อาหารจานเดียวอะไรก็ได้ที่คนท้องถิ่นกิน ด้วยความที่เรามีร้านที่อยากกินอยู่ ฮ่าๆ เลยจะพาไปชิมบะหมี่ที่ตาชัยก๋วยเตี๋ยวสุโขทัยเเต่ร้านดันปิด เลยไปกินร้านนายอ้วนเย็นตาโฟที่อยู่ตรงข้ามแทน รสชาติเย็นตาโฟที่นี่กลมกล่อมแทบไม่ต้องปรุงอะไรเลย เครื่องก็ใส่มาแบบจัดเต็ม ที่นี่ใส่หมูบะเต็งลงไปด้วย ทำให้รสชาติน้ำซุปกลมกล่อม หมูบะเต็งรสออกหวานนิดๆ ส่วนราคา 60 บาทสำหรับธรรมดา 70 บาทสำหรับพิเศษ 07 เทียนซ้งเป็ดย่าง จบจากเย็นตาโฟจะพาเพื่อนไปต่อที่ของหวาน ระหว่างทางเดินผ่านเทียนซ้งเป็ดย่าง เนื่องจากท้องยังมีที่ว่างให้ของคาวอยู่เลยขอจัดอีกสักอย่างละกัน บรรยากาศภายในร้านตกแต่งอย่างเรียบง่าย เก่าแก่ กว้างขวาง เมนูมีหลายรายการ ขอจัดข้าวหน้าเป็ดสักจานละกัน เป็ดย่างอบน้ำผึ้ง หนังกรอบ เนื้อนุ่ม ราดด้วยน้ำราดเป็ดสูตรพิเศษที่ทางร้านคิดค้นขึ้นเอง ข้าวหน้าเป็ดอยู่ที่จานละ 40 บาท 08 มนต์นมสด กว่าจะถึงร้านของหวานมนต์นมสด! ไปถึงก่อนเวลาบ่ายสองสักสิบนาที คนยังไม่เยอะมาก เลือกที่นั่งได้ตามใจชอบ รีบไปสั่งก่อนที่คนจะต่อคิวกันจนร้านแทบแตก บรรยากาศในร้านดูดีเลยทีเดียว แสงสว่างกำลังดี แอร์เย็นสบายถูกใจเพื่อนต่างชาติและตัวเราเองด้วย ฮ่าๆ ภายในมีการจัดเป็นโซนแยกส่วนสำหรับสั่งขนมปังและเครื่องดื่ม เสียดายที่ที่นั่งน้อยไปหน่อยเพราะคนเข้าออกร้านกันตลอดจริงๆ จัดขนมปังปิ้งเนยสังขยา ขนมปังปิ้งเนยนมข้น ขนมปังปิ้งเนยช็อคโกแลต น้ำนมอัญชัน ยังไม่เคยลองกินครบทุกรสชาติเลย ราคาถือว่าแพงกว่าร้านทั่วไป แต่สุดท้ายก็คิดว่า...คราวหลังกลับมากินอีกดีกว่าาา 09 พระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) หลังเดินผ่านอากาศร้อนมาได้ก็ถึงวัดพระแก้ว เป็นวัดที่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพร้อมกับการสร้างกรุงรัตนโกสินทร์ เป็นวัดที่ตั้งอยู่ในพระบรมมหาราชวัง ภายในพระอุโบสถเป็นที่ประดิษฐาน พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร (พระแก้วมรกต) พระคู่บ้านคู่เมืองของไทย เป็นพระพุทธรูปปางสมาธิทำด้วยมณีสีเขียวเนื้อเดียวกันทั้งองค์ ประดิษฐานอยู่ในบุษบกทองคำ ไม่อยากจะบอกว่าคนมากมายมหาศาล จนบางทีนึกว่าอยู่เมืองจีนเพราะทัวร์มาลงเยอะจนวัดแทบแตก สำหรับคนไทยถ้าอยากมาแบบเงียบสงบมาตอนเช้าๆ จะดีกว่า เพื่อนต่างชาติส่วนใหญ่ไม่ค่อยอยากเข้าวัดพระแก้วกันเพราะคนเยอะมากกกก แถมราคาเข้าชมของชาวต่างชาติ 500 บาท 10 พระบรมมหาราชวัง เป็นที่ประทับและศูนย์กลางการปกครองของพระมหากษัตริย์มาจนถึงกลางสมัยรัชกาลที่ 5 จึงได้ย้ายไปประทับที่พระราชวังดุสิต ปัจจุบันใช้เป็นสถานที่ประกอบพระราชพิธีสำคัญต่างๆ ตามพระราชประเพณี และใช้เป็นที่รับแขกเมือง 11 วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์) วัดโพธิ์ เป็นวัดเก่าแก่ที่อยู่คู่บ้านคู่เมืองของกรุงรัตนโกสินทร์ เป็นวัดประจำรัชกาลที่ 1 ภายในวัดมีหลายสิ่งที่น่าสนใจ โดยเฉพาะ พระไสยาสน์ พระพุทธรูปขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศ ที่สร้างความตื่นตาตื่นใจให้ชาวต่างชาติอย่างมาก นอกจากนี้วัดโพธิ์เป็นวัดที่มีพระเจดีย์ที่มากที่สุดถึง 99 องค์ โดยถูกประดับประดาด้วยกระเบื้องเคลือบสีต่างกันไป เวลาเปิดปิด : 8.00-17.00 ค่าเข้าชม : คนไทยไม่เสียค่าเข้าชม ชาวต่างชาติ 100 บาท 12 วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร (วัดแจ้ง) เดินทางไปวัดอรุณจากวัดโพธิ์ง่ายแสนง่าน เดินไม่นานก็ถึงท่าเตียนเพื่อนั่งเรือข้ามฟากไปอีกฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ค่าเรือคนละ 4 บาทเท่านั้น สิ่งแรกที่สะดุดตาก่อนจนเพื่อนต่างชาติต้องหยุดถ่ายรูปคือ รูปปั้นยักษ์ยืนถือกระบอง 2 ตน ยักษ์สีเขียวคือทศกัณฑ์ ส่วนยักษ์สีขาวคือสหัสเดชะ จากเรื่องรามเกียรติ์ พระปรางค์วัดอรุณประดับประดาไปด้วยกระเบื้องเคลือบ ถ้วยชามแบบสมัยโบราณ สวยงามมากจนหลายคนประทับใจ เวลาเปิด : 08.30-17.30 ค่าเข้าชม : คนไทยไม่เสียค่าเข้าชม ต่างชาติเสีย 50 บาท 13 VIVI The Coffee Place หลังจากชมความสวยงามของวัดอรุณเสร็จ ก็นั่งเรือข้ามฟากกลับมาฝั่งเดิม จากท่าเรือท่าเตียนเดินมาอีก 550 เมตรก็ถึงจุดหมายสุดท้ายของวันที่ร้านกาแฟริมแม่น้ำเจ้าพระยา VIVI The Coffee Place บรรยากาศดีมากเลย มีหลายโซนให้เลือกนั่งชิลทั้งนอดร้านและในส่วน ที่นั่งภายในร้านจะแตกต่างกันไปตามมุมของร้าน มีทั้งที่นั่งตรงระเบียงติดแม่น้ำเจ้าพระยา หรือจะเป็นมุมกระจกติดกับทางเข้าที่จัดเป็นมุมโซฟาให้นั่งเพลินๆ นั่งเม้ามอยกับแก๊งเพื่อนๆกันชิวๆสบายขนมและเครื่องดื่มราคาไม่เเพงมาก ส่วนรสชาติค่อนข้างธรรมดา มานั่งดูบรรยากาศก็ถือว่าคุ้มมมมม ช่วงก่อนเย็นๆ แนะนำให้รีบไปนั่งโต๊ะริมน้ำก่อนที่จะเต็ม คนเยอะมากทั้งไทยและต่างชาติ สามารถเห็นวิวพระปรางค์วัดอรุณจากร้านเลย จะได้วิวพระอาทิตย์ตกในบรรยากาศฟินๆ หวังว่าเพื่อนๆ จะได้ไอเดียในการเดินเที่ยวรอบเกาะรัตนโกสินทร์กันนะคะ คราวนี้หลังเพื่อนต่างชาติแวะมาหาที่กรุงเทพก็ไม่ต้องปวดหัวอีกต่อไป เย้! ภาพปกและภาพประกอบ : ผู้เขียน (นามปากกา sabrina)