ขอบคุณรูปภาพจาก spencerbdavis1 / Pixabay ในขณะนี้ สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศไทยกำลังเข้าขั้นวิกฤต หลายๆคนที่ติดตามข่าวสารจะเห็นได้ว่ามียอดผู้ติดเชื้อทะลุ 7 พันราย และยอดผู้เสียชีวิตทะลุ 70 รายแล้ว เกรงว่าประเทศไทยอาจรับมือไม่อยู่เหมือน 'อินเดีย' ที่มีคลัสเตอร์ของเชื้อสายพันธุ์ 'เดลต้า' ซึ่งตอนนี้กำลังคืบคลานมายังประเทศไทยแล้ว! โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ก็เป็นอีกโรงพยาบาลหนึ่งที่มีบทบาทสำคัญในการคัดกรองผู้ติดเชื้อโควิด-19 และจัดสรรวัคซีนป้องกันโควิด-19 โรงพยาบาลจุฬาฯ ให้การรักษาพยาบาลผู้ป่วยโดยไม่เลือกเชื้อชาติ ชนชั้นวรรณะ หรือทัศนคติทางการเมือง สนับสนุนการวิจัยค้นคว้า บริหารจัดการองค์กรให้มีความคล่องตัว ทั้งยังมีบุคลากรทางการแพทย์ที่เชี่ยวชาญและเครื่องมือที่ทันสมัย เรียกได้ว่าเป็นศูนย์ที่มีความเป็นเลิศทางการแพทย์เลยทีเดียว ก่อนหน้าที่โรงพยาบาลจุฬาฯ ได้จัดสรรวัคซีนป้องกันโควิด-19 และเปิดรับลงทะเบียน วันที่ 14 มิ.ย. โรงพยาบาลจุฬาฯ และศูนย์วิจัยวัคซีน คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ทำการทดสอบประสิทธิภาพและความปลอดภัยของวัคซีน "ChulaCov19" ในอาสาสมัครวันแรก ภายใต้ความดูแลของทีมแพทย์และบุคลากร จึงได้รับการตอบรับที่ดีจากอาสาสมัครสุขภาพดี (Clinical trial phase 1)* ทั้งระยะที่ 1 (ผู้สูงอายุ 65-75 ปี) และระยะที่ 2 (อายุ 18-55 ปี) โดย ChulaCov19 เป็นวัคซีนที่พัฒนาโดยศูนย์วิจัยวัคซีน คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ โดยใช้เทคโนโลยี mRNA ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ทันสมัยในการผลิตวัคซีนอย่าง "ไฟเซอร์" และ "โมเดอร์นา" จะเห็นได้ว่าโรงพยาบาลจุฬาฯ ให้ความสำคัญกับการวิจัยและพัฒนายาเป็นอย่างมาก *เมื่อมียาใหม่เกิดขึ้น ต้องทำการศึกษาประสิทธิภาพและความปลอดภัยของยาในมนุษย์ ซึ่งมีทั้งหมด 4 phase ได้แก่ Clinical trial phase 1 : ทดสอบในอาสาสมัครสุขภาพดี Clinical trial phase 2 : ทดสอบในกลุ่มผู้ป่วยขนาดเล็ก Clinical trial phase 3 : ทดสอบในกลุ่มผู้ป่วยขนาดใหญ่ขึ้น scale ประมาณพันคน Clinical trial phase 4 : ประชาชนทั่วไปสามารถใช้ยาและเข้าถึงยาได้ตามท้องตลาด ศาสตราจารย์นายแพทย์เกียรติ รักษ์รุ่งธรรม ผู้อำนวยการบริหารโครงการพัฒนาวัคซีนโควิด-19 ศูนย์วิจัยวัคซีน คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ (Chula VRC) กล่าวว่า เราหวังไกลถึงวัคซีนอื่นที่ไม่ใช่วัคซีนโควิด-19 เราจะมีที่ยืนในตลาดโลก อาจจับมือกับบริษัทข้ามชาติ กับไบโอเน็ตที่มีลู่ทางในเอเชีย เราต้องเป็นส่วนหนึ่งของการผลิตวัคซีน เราอยากเห็นประเทศไทยพัฒนาเทคโนโลยีชีวภาพ เทคโนโลยีการแพทย์ เราต้องคิดไปถึงว่า เราจะทดแทนการนำเข้าให้ไทยมีของดีระดับโลก ซึ่งขณะนี้ทางองค์การเภสัชกรรมยังไม่ได้เซ็นสัญญากับซิลลิค ฟาร์มา ตัวแทนผู้นำเข้าโมเดอร์นา เนื่องจากโมเดอร์นาเป็นวัคซีนทางเลือกที่มีราคาแพง ต้องรอให้ทางโรงพยาบาลเอกชนนำงบประมาณมาให้องค์การเภสัชกรรมก่อนจึงจะสามารถเซ็นสัญญาได้ กว่า ChulaCov19 จะทดสอบประสิทธิภาพและความปลอดภัยในมนุษย์สมบูรณ์ (Clinical trial phase 4) นั้น ต้องใช้ระยะเวลานานอาจทำให้เกิดความล่าช้าและเกิดการแพร่ระบาดอย่างหนัก ระหว่างนี้ทุกโรงพยาบาลจึงต้องมีการจัดสรรวัคซีนที่มีในประเทศไปก่อนอย่าง "ซิโนแวค" และ "แอสตร้าเซนเนก้า" เพื่อไม่ให้เกิดคลัสเตอร์ใหม่ ยิ่งมีการแพร่ระบาดของสายพันธุ์เดลต้า จากประเทศอินเดีย ทั้งภาครัฐและเอกชนจึงต้องมีมาตรการควบคุมโรคอย่างเข้มงวด เมื่อวันที่ 1 ก.ค. 64 ศาสตราจารย์นายแพทย์สุทธิพงศ์ วัชรสินธุ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย จึงเชิญชวนประชาชนลงทะเบียนรับบริการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 รอบแรก สำหรับผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป หรือผู้ป่วย 7 กลุ่มโรคเสี่ยง ดังนี้ 1) โรคทางเดินหายใจเรื้อรัง 2) โรคหัวใจและหลอดเลือด 3) โรคไตวายเรื้อรัง 4) โรคหลอดเลือดสมอง 5) โรคมะเร็งทุกชนิด 6) โรคเบาหวาน 7) โรคอ้วน โปสเตอร์โดยเจ้าของบทความ ขอบคุณรูปภาพจาก โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย / Facebook โดยมีเงื่อนไขว่า เฉพาะผู้ที่ยังไม่ได้รับวัคซีนฯ เท่านั้น พร้อมให้สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อลงทะเบียนและเลือกวันเวลาเข้ารับการฉีดวัคซีนระหว่าง 5-31 ก.ค. ณ คลินิกบริการวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ชั้น 13 อาคารภูมิสิริมังคลานุสรณ์ โรงพยาบาลจุฬาฯ รับจำนวนจำกัด พบว่ามีผู้ลงทะเบียนเต็มจำนวนภายในวันที่ 2 ก.ค. เวลา 11.50 น. ทางเพจโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ประกาศแจ้งให้ทราบผ่านเฟซบุ๊กว่า "ขณะนี้ได้มีผู้ลงทะเบียนเข้ารับบริการวัคซีนเต็มจำนวน ตามที่ทางโรงพยาบาลฯ ได้จัดสรรแล้ว ต้องขอขอบคุณทุกท่านที่ได้ให้ความสนใจลงทะเบียนรับบริการวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 และทางโรงพยาบาลฯจะนำแจ้งข่าวสารการเปิดให้บริการวัคซีนต่อไป" ต่อมาเพจโรงพยาบาลฯ ได้ลงประกาศผ่านเฟซบุ๊ก เปิดรับลงทะเบียนฉีดวัคซีนป้องกันโควิดรอบที่สอง เมื่อ 5 ก.ค.ที่ผ่านมาสำหรับผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป หรือผู้ป่วย 7 กลุ่มโรคเสี่ยง โดยมีเงื่อนไขว่าต้องเป็นผู้ที่ยังไม่เคยลงทะเบียนและไม่เคยได้รับการฉีดวัคซีน พร้อมให้สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อลงทะเบียนและเลือกวันเวลาเข้ารับการฉีดวัคซีนระหว่าง 12-31 ก.ค. ณ คลินิกบริการวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ชั้น 13 อาคารภูมิสิริมังคลานุสรณ์ โรงพยาบาลจุฬาฯ รับจำนวนจำกัด และขอสงวนสิทธิ์สำหรับผู้ที่วอล์คอินและไม่ได้ลงทะเบียนผ่านระบบฯ ขอบคุณรูปภาพจาก โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย / Facebook เมื่อสแกนคิวอาร์โค้ด ระบบจะให้กรอกเลขบัตรประจำตัวประชาชน 13 หลัก เพื่อทำการจองวัคซีน รูปภาพโดยเจ้าของบทความ หมายเหตุ - สามารถลงทะเบียนขอรับบริการได้ที่ https://chulaprom.kcmh.or.th/ - กรุณามารับบริการฉีดวัคซีนตามวันและเวลาที่ลงทะเบียน เท่านั้น - ผู้ที่มีบัตรโรงพยาบาลจุฬาฯ สามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่น Chula care เพื่อตรวจสอบนัดหมาย วันและเวลา ในการรับการฉีดวัคซีนฯ ขอบคุณรูปภาพจาก โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย / Chulalongkornhospital แต่ล่าสุด วันที่ 5 ก.ค. เวลา 13.05 น. ทางเพจโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทยได้ประกาศผ่านเฟซบุ๊กว่ามีผู้ลงทะเบียนเข้ารับบริการฉีดวัคซีนเต็มจำนวนแล้ว ขอขอบคุณประชาชนที่ให้ความสนใจลงทะเบียนรับบริการฉีดวัคซีน ขอบคุณรูปภาพจาก โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย / Facebook สามารถติดตามข่าวสารการจองวัคซีนได้ที่ chulalongkornhospital หรือ ช่องทางเฟสบุ๊คของเพจ โรงพยาบาลจุฬาฯ สภากาชาดไทย นับว่าเป็นเรื่องที่สังคมให้ความสนใจอย่างมากสำหรับวัคซีนป้องกันโควิด-19 อย่างไรก็ตาม การฉีดวัคซีนสามารถลดโอกาสการติดเชื้อและลดความรุนแรงของอาการแสดงของโรคโควิด-19 ก็จริง แต่ก็ยังมีโอกาสที่จะติดเชื้อได้ ดังนั้น หากไม่จำเป็นต้องเดินทางก็ขอให้ทุกคนอาศัยอยู่ภายในบ้าน ล้างมือด้วยสบู่และน้ำสะอาดบ่อยๆ หากจำเป็นต้องออกไปข้างนอกให้สวมหน้ากากอนามัยอยู่เสมอและล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์หลังสัมผัสวัตถุข้างนอกทุกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นเก้าอี้ โต๊ะ ประตู หรือราวบันได หากเลี่ยงสัมผัสได้ก็ควรหลีกเลี่ยง ถ้าทุกคนร่วมมือกัน โอกาสที่จะเกิดคลัสเตอร์ใหม่ก็จะลดลง จำนวนผู้ติดเชื้อก็จะลดลง ก่อนที่ระบบสาธารณสุขไทยจะล่มสลาย! ขอให้ทุกคนระวังตัว การ์ดอย่าตก รักษาสุขภาพกันด้วยนะคะ เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !