สวัสดีครับวันนี้ผมจะมาแนะนำเทคนิคในการเตรียมตัวสอบ ก.พ. ตามแบบฉบับคนขี้เกียจ ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าเทคนิคการเตรียมตัวที่ผมจะมานำเสนอวันนี้เหมาะกับผู้ที่มีพื้นฐานมาบ้างอยู่แล้ว แต่ไม่ค่อยมีเวลาในการเตรียมตัวหรือมีเวลาแต่ขี้เกียจอ่านเยอะๆ นาน ๆ ผมเลยจะมาแนะนำวิธีที่ผมใช้ในการเตรียมตัวสอบ โดยจะเริ่มตั้งแต่การทำความรู้จักว่า สอบ ก.พ. คืออะไร สอบวิชาไหนบ้าง สมัครสอบช่วงไหน และควรเน้นไปที่วิชาไหน เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาเราเริ่มเข้าสู่ขั้นตอนแรกได้เลย นั้นก็คือ สอบก.พ.คืออะไร? สอบ ก.พ. คือ การสอบความรู้ความสามารถทั่วไป(ภาค ก.) ของสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนหรือที่เราเรียกกันว่า ก.พ. เมื่อสอบ ก.พ. ผ่านแล้ว จะสามรถนำผลการสอบ ก.พ. ไปใช้ในการสมัครสอบ ภาคความรู้ความสามารถเฉพาะตำแหน่ง(ภาค ข. ) ของหน่วยงานรัฐที่เราสนใจได้ ในปัจจุบัน ผลสอบ ก.พ. สามารถไปยื่นใช้ในการสอบภาค ข. ของ ส่วนราชการส่วนกลาง(กระทรวง ทบวง กรม) ส่วนภูมิภาค (อำเภอ จังหวัด) และการสอบข้าราชการกรุงเทพมหานคร แต่ ข้าราชการท้องถิ่น ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ในปัจจุบันยังไม่จำเป็นต้องใช้ภาค ก ของก.พ. แต่อย่างใด เมื่อเรารู้แล้วว่าสอบ ก.พ. คืออะไรขั้นตอนที่สอง ผมจะพามาดูว่าสอบ ก.พ. ออกอะไรบ้างสอบ ก.พ. สอบอะไรบ้าง ? 1.วิชาความสามารถในการคิดวิเคราะห์ 50 ข้อ 100 คะแนน เกณฑ์ในการผ่านคือ 60 เปอร์เซ็นต์( 30 ข้อ 60 คะแนน) ในระดับปริญญาโท เกณฑ์ในการผ่านคือ 65 เปอร์เซ็นต์( 33 ข้อ 66 คะแนน) 2. ความรู้และลักษณะการเป็นข้าราชการที่ดี 25 ข้อ 50 คะแนน เกณฑ์ในการผ่าน 60 เปอร์เซ็นต์ (15 ข้อ 30 คะแนน) 3. วิชาภาษาอังกฤษ 25 ข้อ 50 คะแนน เกณฑ์ในการผ่าน 50 เปอร์เซ็นต์ (13 ข้อ 26 คะแนน) ที่นี้เพื่อน ๆ ก็คงจะเข้าใจแล้วว่าสอบ ก.พ. คืออะไร ออกอะไรบ้าง ขั้นตอนถัดไปที่จะมาแนะนำคือ การเตรียมตัวในการสมัครสอบเครดิตรูปภาพ : https://pixabay.com เตรียมตัวสมัครสอบ ขั้นตอนนี้ถือเป็นขั้นตอนแรกที่สำคัญที่สุดในการเตรียมตัวสอบ เพราะหากลืมสมัครหรือสมัครไม่ทันก็จะทำให้เราเสียเวลารอไปอีก 1 ปี โดยจะเปิดรับสมัครกันปีละ 2 ครั้ง ( แต่!! 1 คนสามารถสมัคร ได้เพียง ปีละ 1 ครั้งเท่านั้น ) การสอบแบ่งเป็น รอบ E-Exam และ รอบ paper รอบ E-Exam คือการทำข้อสอบผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ จะเปิดรับสมัครช่วง มกราคมและสอบช่วง เมษายน ข้อดี ไม่ต้องเสียเวลาในการฝนข้อสอบ ไม่ต้องกังวลว่าจะฝนชุดข้อสอบผิด มีเวลาแสดงบนนาจอตลอดเวลา ทำให้เราสามารถที่จะวางแผนในการทำข้อสอบได้ ข้อเสีย ไม่สามารถขีดเขียนบนกระดาษคำถามได้ แต่จะมีกระดาษเปล่าให้เพื่อใช้ในการทดเลข บางท่านไม่เคยสอบกับคอมพิวเตอร์อาจจะมีปัญหาเรื่องความลาของสายตาในการจ้องหน้าจอนานๆ หรือบางครั้งอาจจะอ่านไม่ถนัดทำให้พลาดจุดสำคัญไป และอีกหนึ่งข้อเสียที่ยังไม่ได้รับการพิสูจน์แต่เป็นเพียงการบอกเล่า คือ รอบคอมพิวเตอร์ข้อสอบจะยากกว่ารอบกระดาษ เนื่องจากไม่ต้องเสียเวลาในการฝนข้อสอบ ทำให้มีเวลาในการคิดคำตอบเยอะขึ้น ข้อสอบจึงยากขึ้น รอบ Paper หรือ รอบกระดาษ จะรับสมัครช่วง มีนาคม และสอบกันช่วง มิถุนายน ข้อดี สามารถขีดเขียนในกระดาษคำถามได้ ทำให้เราสามารถขีดเน้นจุดสำคัญได้ เหมาะกับคนทั่วไป ที่ส่วนใหญ่จะชินกับการอ่านหรือเขียนในกระดาษ ข้อเสีย ใครที่ไม่เคยฝึกฝนข้อสอบอาจจะเสียเวลาในการฝนข้อสอบ และสถานที่สอบบางแห่งจะไม่มีนาฬิกา ทำให้เราไม่สามารถที่จะวางแผนเวลา ในการทำข้อสอบได้ แต่ก็จะมีเจ้าหน้าคอยบอกเวลา ในช่วง 30 นาที่แรก และอีก 15 นาทีก่อนหมดเวลา สรุป การเตรียมตัวในการสมัครสอบควรประเมินตัวเองให้ดีว่าตัวเราถนัดด้านใด ระยะเวลาในการเตรียมตัวอ่านหนังสือสอบพอหรือไม่ เพื่อที่จะทำให้เราได้เปรียบมากที่สุด และสามารถเตรียมตัวในการอ่านหนังสือและการทำข้อสอบอย่างมีประสิทธิภาพ หลังจากที่สมัครเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผมจะพามาดูขั้นตอนในการเตรียมตัวของผม โดยเริ่มจากการเตรียมเนื้อหาที่จะอ่านว่าควรเอาเนื้อหาไหนดี เนื้อหาไหนออกสอบบ่อยที่สุด และเนื้อหาไหนที่เราควรจะข้ามถ้าเรามีเวลาในการเตรียมตัวน้อยการเตรียมตัวอ่าน วิชาความสามารถในการคิดวิเคราะห์ ประกอบด้วยเนื้อหาดังต่อไปนี้ เงื่อนไขสัญลักษณ์ ,เงื่อนไขทางภาษา,คณิตศาตร์ทั่วไป ,วิเคราะห์ตาราง,อนุกรม,อุปมาอุปไมย,โอเปอเรชัน,บทความสั้นและบทความยาว ,เรียงประโยค หัวข้อที่ควรเน้น เงื่อนไขสัญลักษณ์ มี 10 ข้อ มีรูปแบบในการคิดที่ชัดเจนถ้าเตรียมตัวมาดีทำได้เต็มแน่นอน วิเคราะห์ตาราง มี 5 ข้อ ใช้วิธีในการหาคำตอบไม่ซับซ้อน และมีคำตอบที่ตายตัว อนุกรม มี 5 ข้อ แม้ว่าอนุกรมจะไม่มีรูปแบบในการหาที่ตายตัว แต่ถ้าหากเราทำโจทย์บ่อย ๆ ก็พอที่จะคาดเดารูปแบบของคำตอบได้ไม่ยากมากนัก เน้นว่าต้องฝึกเยอะ ๆ เงื่อนไขทางภาษาและ คณิตศาสตร์ทั่วไป สองหัวข้อนี้อยากแนะนำให้ทุกท่านเตรียมตัวมาแค่พอไหว เนื่องจาก โจทย์ของสองหัวข้อนี้เราไม่สามารถที่จะคาดเดาอะไรได้เลย ปีไหนที่ออกง่ายก็จะง่าย ปีไหนที่ออกยากก็จะยากมากๆ แต่ถ้าหากไม่เตรียมตัวเลยก็จะทำไม่ได้เลย ส่วนวิชาในหมวดภาษาไทย ถ้ามีเวลาก็อยากแนะนำให้เตรียมตัว แต่ถ้าไม่มีเวลาก็ไม่ต้องอ่านก็ได้เช่นกัน เนื่องจากวิชานี้ เราไม่สามรถที่จะคาดเดาข้อสอบได้เลยว่าจะถามศัพท์ประมาณไหน สำนวนไหน ถ้าจะเตรียมตัวคงต้องใช้เวลานาน แต่ถ้าไม่เตรียมตัวเลยส่วนใหญ่ก็มักจะทำได้เนื่องจาก เราใช้ภาษาไทยกันอยู่ทุกวันอยู่แล้ว วิชาความรู้และลักษณะการเป็นข้าราชการที่ดี หรือบางคนจะเรียกว่าวิชากฎหมาย วิชานี้เราอยากแนะนำให้ทุกคนเตรียมตัวตั้งแต่เนินๆ เพื่อที่จะได้มีเวลาอ่านฉบับเต็ม การอ่านฉบับเต็มในปัจจุบันสำคัญมาก เนื่องจากข้อสอบกฎหมายของ ก.พ. หลัง ๆ มา ออกเนื้อหาลึกมาก ใครที่อ่านแค่สรุปหรือฟังแค่คลิปติวบอกเลยว่าทำไม่ได้แน่นอน หัวข้อที่ควรเน้น พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิ , พ.ร.บ.วิธีปฏิบัติราชการทางการปกครอง , พ.ร.ฎ. หลักเกณฑ์และวิธีการบริหารบ้านเมืองที่ดี วิชาภาษาอังกฤษ วิชานี้ของก.พ.จะออกต่างจากสนามสอบอื่นมาก สนามสอบส่วนใหญ่มักจะเน้นในเรื่องของไวยากรณ์เป็นหลัก แต่ ก.พ. จะเน้นในการแปลเป็นส่วนใหญ่ ถ้าใครแปลได้แม้ไวยากรณ์จะไม่แม่น ก็จะสามารถผ่านวิชานี้ได้มากยากมากนัก ส่วนระดับคำศัพท์ที่ ก.พ. ออกส่วนใหญ่จะเป็นคำศัพท์ ใน oxford 3000 ดังนั้นถ้าใครคิดว่าตัวเองอ่อนภาษาอังกฤษถ้ายังมีเวลาเหลือแนะนำให้รีบไปท่องคำศัพท์ด่วน ๆ เลย ขั้นตอนสุดท้าย ผมจะเล่าจากประสบการณ์ที่ผมเจอมาส่วนใหญ่ที่เตรียมตัวสอบมาดีมาก อ่านเนื้อหาครบ แต่สอบไม่ผ่าน จะมีสาเหตุหลัก อยู่ 2 เรื่องด้วยกัน คือ 1. ไม่ได้วางแผนในการทำข้อสอบจริง ข้อสอบ ก.พ. โดยเฉลี่ยจะตกอยู่ที่ เรื่องละ 5 ข้อ จะมีข้อสอบง่ายอยู่ 3 ข้อและข้อสอบยากอีก 2 ข้อ คนที่สอบไม่ผ่านส่วนใหญ่มักจะทำข้อสอบจากความเคยชิน คือ ทำตั้งแต่ข้อ 1 -100 โดยไม่กล้าที่จะข้าม ผมจะขอบอกเลยว่าการทำแบบนั้นจะทำให้เราทำข้อสอบไม่ทันแน่นอน เนื่องจากข้อสอบ 100 ข้อ ให้เวลาทำข้อสอบแค่ 3 ชม. ตกข้อละ 1-2 นาที แต่คนที่ทำข้อสอบเรียงจาก 1-100 จะเสียเวลาและติดข้อที่ยากอยู่ 10 - 15 นาที ทำให้ไม่มีเวลาพอจะไปทำข้ออื่น สุดท้ายต้องมาเดาข้อท้าย ๆ ซึ่งอาจจะเป็นข้อที่ง่ายกว่า ที่เราคำนวน 10 - 15 นาที สิ่งที่ผมอยากจะแนะนำคือ เราควรที่จะทำข้อสอบวิชาที่ไม่ต้องคิดคำนวนก่อน เช่น กฎหมาย ภาษาอังกฤษ ภาษาไทย วิชาพวกนี้เราไม่จำเป็นต้องคิดเยอะ ถ้าจำได้ก็สามารถจะตอบได้เลย ถ้าจำไม่ได้ต่อให้คิด 1-2 ชม. มันก็คิดไม่ออก ทำให้เราสามารถที่จะเดาข้อแบบนี้ได้เลยโดยไม่ต้องลังเล ส่วนวิชาที่ต้องคำนวน ผมแนะนำว่าให้ทำท้าย ๆ โดยเผื่อเวลาไว้สัก 1 ชม. ถึง 1.30 ชม. แค่นี้ก็จะทำให้เราทำข้อสอบได้ทันเวลาและมีโอกาสในการผ่านมากยิ่งขึ้น 2. ข้อนี้พบเจอได้เยอะมากนั้นก็คือ "การกดดันตัวเอง" มันเป็นสิ่งที่ทำให้หลายต่อหลายคนสอบตก รวมถึงผมเองก็เคยสอบตกเพราะสาหตุนี้เช่นกัน ผมจำได้ว่าตอนสอบ ก.พ.รอบแรกผมอ่านล่วงหน้า 2 เดือนตอนนั้นผมรู้สึกพร้อมมากและคาดหวังกับมันมาก จนทำให้กดดันตัวเองมากเกินไป ส่งผลให้ช่วง 1 สัปดาห์ก่อนสอบผมแทบจะนอนไม่หลับเลย จนต้องใช้ยานอนหลับช่ย ด้วยสาเหตุนี้มันทำให้ประสิทธิของสมองผมแย่ลง เรื่อย ๆ จากที่จำได้มันก็เริ่มจำไม่ได้ จากที่ท่องจำง่ายมันก็เริ่มยากขึ้น นอกจากนี้ความกดดันมันจะทำให้เวลาที่เราทำข้อสอบ เรามันจะไม่ค่อยมีสมาธิจดจ่อกับข้อสอบมากนั้น มักจะทำให้เสร็จเร็ว ๆ ผ่านไว ๆ ก็เลยกลายเป็นว่าโดนข้อสอบหลอก และทำให้สอบตกได้ในที่สุด สุดท้ายนี้อยากจะฝาก สำหรับใครที่อยากจะสอบ ก.พ. และหวังอยากที่จะสอบผ่าน ผมอยากจะแนะนำว่าควรที่จะศึกษาและทำข้อเข้าใจกับมันให้ดี ๆ ว่า สอบอันนี้แล้วได้อะไร สอบเนื้อหาอะไรบ้าง เปิดรับสมัครช่วงไหน เพื่อที่เราจะได้ว่างแผนในการเตรียมตัวได้ถูกต้องและแม่นยำ ส่วนขั้นตอนในการเตรียมตัวแนะนำให้เตรียมตัวอย่างจริง ๆ จัง แต่ไม่กดดันตัวเองจนเกินไปและไม่ปล่อยตัวเองจนเกินไปเช่นกัน พยายามให้กำลังใจตัวเองให้รางวัลตัวเองอยู่ตลอดเวลา และอย่าลืมดูแลสุขภาพร่างกายตัวเองให้ดี เพราะเมื่อ สุขภาพร่างกายดี สุชภาพจิตดี การเตรียมความพร้อมที่ดี การที่จะสอบ ก.พ. ผ่าน ก็เป็นเรื่องที่ไม่ไกลเกิ้นเอื้อมขอขอบคุณรูปภาพจากภาพปก ออกแบบเองจาก canva ภาพที่ 1 จาก geralt / pixabay.comภาพที่ 2 ออกแบบเอง / canva ภาพที่ 3 จาก Nile /pixabay.comภาพที่ 4 จาก geralt / https://pixabay.comเปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !