วันนี้มาลองเปลี่ยนแนวหนังสือที่อ่านเป็นแนวการเลี้ยงดูเด็ก ... สำหรับเราสนใจหนังสือเล่มนี้เนื่องจากเห็นน้องที่รู้จักกันอายุประมาณ 8-9 ขวบ จากเดิมที่รู้จักช่วง 6-7 ขวบ เริ่มดื้อ ไม่ฟัง แล้วการทำโทษของพ่อแม่น้องที่รู้จักนั้นจะทำการดุ ตี น้องช่วงที่น้องดื้อขึ้น เลยคิดว่าเอ๋ ถ้ามีเหตุการณ์นี้ จริงๆแล้วในฐานะพ่อแม่ หรือผู้ใหญ่นั้นควรมีวิธีจัดการอย่างไร เพื่อให้ไม่เป็นแผลทางจิตใจสำหรับเด็ก และควรทำอย่างไรในการรับมือกับอารมณ์และความรู้สึกของเราเองในฐานะผู้ใหญ่ เพราะเราเชื่อว่าไม่มีอะไรสายเกินไปที่จะเริ่มต้นหนังสือเล่มนี้จะมีทั้งหมด 5 บทดังนี้1• การเลี้ยงดูเด็ก คือความดีใจสลับกับความรู้สึกเกลียดตัวเอง- เป็นบทที่เรียนรู้ว่าสาเหตุอะไรกันแน่นะที่ทำให้พ่อแม่ผู้ปกครองโกรธ ไม่พอใจกับการกระทำของเด็ก ในบางครั้งเราเอาตัวเราเป็นบันทัดฐานว่าเด็กต้องทำแบบนี้นะ มองในมุมมองของผู้ใหญ่จนลืมไปว่า สิ่งที่เด็กหรือลูกแสดงออกคือเติบโตตามพัฒนาการของเขา ซึ่งการเติบโตนั่นย่อมไม่ได้ดั่งใจเราเป็นธรรมดา นอกจากนี้บทเรียนแรกของหนังสือเล่มให้ ทำให้เรากลับเข้ามาถามตัวเองว่า เพราะอะไรเราถึงดุ หรือตีลูก สิ่งนั่นจำเป็นจริงๆถึงขั้นลงโทษด้วยการตีเลยหรอ หรือเป็นเพราะตัวเราเองตั้งหากที่ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ แล้วการดุด่าหรือตีลูกนั่นจะทำให้ลูกเป็นเด็กดีขึ้นมาจริงๆหรอ หรือเป็นการสร้างบาดแผลในใจลูกมากกว่า ในหนังสือบอกว่า เด็กส่วนใหญ่จะจำไม่ได้ว่าเหตุผลที่ถูกตีคืออะไร แต่จะจำความเจ็บปวดทางร่างกายและจิตใจที่ถูกพ่อแม่ที่เขารักตี และหนังสือเล่มนี้ยังบอกอีกว่า “เด็กอายุต่ำกว่า 3 ขวบครึ่งที่เคยถูกตี เมื่ออายุ 5 ขวบครึ่งจะมีโอกาสมีพฤติกรรมที่เป็นปัญหา เช่น นั่งอยู่นิ่งๆไม่ได้ รักษาสัญญาไม่ได้ เป็นต้น” นอกจากนี้ในบางครั้งที่ผู้ใหญ่เลือกที่จะตัดสินใจเองทุกอย่าง ไม่ให้เด็กเรียนรู้ ห้ามปราม หรือการตี ตวาดเมื่อเด็กทำอะไรให้ไม่พอใจจะส่งผลถึงลูกในอนาคต หากพ่อแม่คอยเฝ้าดูแลและให้กำลังใจในวันที่ลูกมีปัญหา ลูกตะเข้ามาขอคำปรึกษาจากพ่อแม่เอง ดังนั้นการเลี้ยงดูโดยการไม่ดุ หรือตีนั้นจะทำให้เด็กมีความนับถือตัวเองได้มากกว่า และทำให้สายสัมพันธ์ที่ดีของครอบครัวแน่นแฟ้นขึ้นอีกด้วย- นิยามของบทนี้อาจกล่าวได้ว่า “ควรใจดี แต่ไม่ตามใจ อาจต้องดุ แต่ห้ามโกรธ”2• วิธีแก้ไข ทำอย่างไรไม่ใช้อารมณ์ ขั้นพื้นฐาน- การจัดการกับความหงุดหงิด ก่อนจะเผลอระเบิดอารมณ์ใส่ลูกด้วยวิธีต่างๆในหนังสือเล่มนี้มีวิธีการน่ารักๆให้เราปรับอารมณ์ก่อนจะเผลอทำร้ายจิตใจลูก- การใช้คำพูดที่เหมาะสมกับลูก เด็กๆไม่เข้าใจประโยคคำสั่ง หรือแม้แต่เราๆยังไม่ชอบให้ใครมาสั่งเลย การพูดคุยกับเด็กควรอธิบายให้ชัดเจน แทนที่จะบอกว่า “อย่า ... “ ควรเป็น “ทำ ... ดีกว่า” เพราะการอธิบายตรงๆแบบนี้เด็กจะเข้าใจได้มากกว่า และยังช่วยในการปลูกฝังนิสัยให้เด็กเป็นคนคิดบวกอีกด้วย หนังสือเล่มนี้อธิบายเรื่องราวต่างๆให้เข้าใจได้ง่ายมากๆ แถมมีภาพประกอบน่ารักในแต่ละบท เราว่าพ่อแม่ไม่ว่ามือเก่ามือใหม่น่าสนใจหามาอ่าน- การปล่อยอิสระทางความคิดแก่เด็ก บางครั้งเราไม่จำเป็นที่จะปกป้องเด็กตลอดเวลา ให้เด็กๆได้เรียนรู้กับปัญหาเพื่อให้เด็กเก่ง แกร่งขี้น และเมื่อเด็กผิดพลาดแทนที่จะบ่นด่าให้แนะนำวิธีการแก้ปัญหา เพราะขณะที่เขาทำผิดเขาก็เจ็บปวดกับความผิดของเขามากพอแล้ว- โดยรวมของบทนี้จะเป็นวิธีการต่างๆ การเปลี่ยนมุมความคิดในการรับมือเด็กน้อย จริงๆเด็กต่างมีพัฒนาการของเขา แต่เราตั้งหากที่เอากรอบของเราครอบเขาไว้ ถ้าเราเปลี่ยน ความคิดเราได้ การเป็นพ่อแม่ที่สร้างความอุ่นใจให้กับลูกไม่ใช่เรื่องยากค่ะ 3• การสั่งสอน คืออะไร- การยอมรับลูกอย่างไม่มีเงื่อนไข การทำให้ครอบครัวและบ้านเป็นสถานที่ปลอดภัยและอุ่นใจ และลูกสามารถแสดงความคิดเห็นของตนเองได้อย่างสบายใจและแสดงความรู้สึกแล้วไม่ถูกต่อต้าน มีพ่อแม่ที่พร้อมรับฟังเขาอย่างเปิดใจและตั้งใจอยู่เสมอ เมื่อเด็กได้รับความรู้สึกสบายใจและปลอดภัยจะทำให้เด็กมีทักษะเพื่อออกไปเผชิญโลกภายนอก และความมั่นใจเกิดขึ้นจากความรู้สึกนับถือตนเอง ทำให้เด็กอยากลองทำอะไรใหม่ๆ และคิดว่าตนเองน่าจะทำได้- ในบทนี้จะมีสถานการณ์ต่างๆของลูกเมื่อแปลงร่างเป็นเจ้าตัวร้าย แล้วฝึกให้เราคิดในมุมมองของเรา และของลูก เป็นมุมมองให้เราได้คิดในมุมของลูก และเรียนรู้ถึงการรับมือในสถานการณ์ต่างๆได้เป็นอย่างดี- การสอนให้เด็กรู้จักขอความช่วยเหลือ แทนที่จะเป็นการสร้างความไม่เดือดร้อน สำหรับเรื่องนี้ ตอนที่เราอ่านกลับถือว่าเป็นเรื่องใหม่สำหรับเรา เพราะจริงๆตอนเด็กๆก็ไม่เคยมีใครมาสอนนะว่าให้ขอความช่วยเหลือจากคนอื่นเท่าไร มีแต่บอกว่าให้ลองพยายามด้วยตัวเอง แต่การขอความช่วยเหลือในบางครั้งก็ไม่ได้แย่ และการขอรับความช่วยเหลือก็เป็นทักษะการใช้ชีวิตอีกแบบหนึ่งด้วย 4• วิธีป้องกันเพื่อเลี่ยงการใช้อารมณ์ เจอแบบนี้ต้องทำอย่างไร- ในบางครั้งที่เด็กงอแงเอาแต่ใจ อาจเป็นเพราะเราขาดความสนใจในตัวเขาตั้งหาก ลองปรับความสนใจไปที่เขา เราอาจจะพบเทวดาตัวน้อยๆที่สวมชุดเด็กดื้ออยู่ก็ได้- บทนี้จะจำลองเรื่องป่วงๆที่เกิดขึ้นกับพ่อแม่ทุกบ้านแน่ๆมาแนะนำสาเหตุและวิธีการแก้ไข เราเชื่อว่าถ้าพ่อแม่คนไหนได้อ่าน เอามาประยุกค์ใช้ได้แน่ๆ5• เมื่อพ่อแม่มีความสุข ลูกก็พลอยมีความสุขไปด้วย- บทนี้เป็นมุมของการปรับความคิดของพ่อแม่ตรงๆเลยค่ะ บทนี้เป็นเรื่องของการคุยกัน ความเห็นอกเห็นใจ การแลกเปลี่ยนมุมมองของพ่อแม่ การช่วยเหลือกันของคุณพ่อแม่มือใหม่ การปล่อยวาง ช่างเถอะบ้างย่อม และรู้จักคำว่าขอบคุณ สิ่งเหล่านี้หละทำให้ครอบครัวอบอุ่น ไม่เครียดส่งผลดีกับลูกๆอีกด้วย พออ่านเล่มนี้จบทำให้ฉุกคิดได้ว่าการรับมือบางอย่างไม่ใช่จะใช้กับเด็กเล็กๆได้เพียงอย่างเดียว บางอย่างก็เอามาใช้กับสังคมรอบตัว เพราะจริงๆแล้ว “ผู้ใหญ่ ก็คือเด็กในร่างที่โตขึ้น” ตั้งหากขอขอบคุณรูปภาพจาก Pixabay : ภาพประกอบ1 / ภาพประกอบ2 / ภาพประกอบ3 / ภาพประกอบ 4 / ภาพประกอบ 5 / ภาพประกอบ 6