ความเดิม เยาวราช ทรงวาด#1 ผมลงรถที่ ถ.เยาวราช ตรงข้ามคลองถม เดินผ่านตลาดสำเพ็ง ถ.ราชวงศ์ ลงไปท่าน้ำราชวงศ์ เดินผ่านถ.ทรงวาด โรงเรียนเผยอิง สุเหร่าวัดเกาะ กราบเจ้าแม่กวนอิน แวะดูเวสป้าเก่า ถ่ายรูปช้างและจักรยานที่ทรงวาดวอลล์อาร์ท ไหว้เจ้า จบลงที่บ้าน โซว เฮง ไถ่ หลังจากนั่งพัก ดื่มน้ำที่จ่ายแทนค่าเข้าชม หายเหนื่อยแล้วก็เดินกันต่อเลยครับ ยังอยู่ในย่านตลาดน้อย ออกจากบ้าน โซว เฮง ไถ่ เดินตามตรอกแคบ ๆ อ้าว! ทัวร์จักรยานมาพอดี หลบก่อนครับ ทัวร์จักรยานเป็นที่นิยมของชาวยุโรป ปั่นกันไปตามตรอกซอกซอย มีผู้ให้บริการหลายราย มีลีดเดอร์ปั่นนำตามด้วยแขกและมีสต๊าฟปั่นปิดท้าย ถึงสถานที่สำคัญ ๆ ก็จอดเล่าเรื่องซะทีนึงก็ดูสนุกไปอีกแบบ บ้านเรือนแถบนี้อายุไม่น้อยซุกตัวอยู่ในตรอกแคบ ๆ เดินจนมาถึง ศาลเจ้าฮ้อนหว่องกุ๊ง หรือ ศาลเจ้าโรงเกือก ทางเข้าศาลเจ้าจะอยู่ก่อนสุดซอยเล็กน้อย ศาลเจ้าโรงเกือกมีอายุร้อยกว่าปีแล้ว คนจีนแคะ หรือ ฮากกา เป็นผู้สร้างขึ้น สมัยก่อนจะมีการฝึกมวยจีน และอาวุธ การต่อสู้แบบจีน รวมทั้งพิธีกรรมจีนแบบอื่นๆ เลยจากศาลเจ้าโรงเกือก มีจุดสำคัญอีกจุด คือ ตลาดน้อยวอลล์อาร์ท เป็นภาพหลากหลายสไตล์ที่วาดไว้ตามฝาผนังบ้านของชาวบ้านในตรอกศาลเจ้าโรงเกือก โดยศิลปินจากหลายประเทศ ตั้งแต่ศาลเจ้าโรงเกือกจนถึงปากตรอก เดินเรื่อย ๆ มาตามซอยวานิช 2 จนถึง ธนาคารไทยพานิชย์ สาขาตลาดน้อย เป็นธนาคารแห่งแรกของประเทศไทย เดิมชื่อ "บุคคลัภย์(Book Club)" และได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น "แบงก์สยามกัมมาจล" เป็นอาคารเก่าแก่อีกอาคารหนึ่ง มีความโดดเด่นที่เป็นสถาปัตยกรรมตะวันตกแบบโบซาร์ผสมนีโอคลาสิก ออกแบบโดยชาวอิตาลี เป็นอาคารที่มีความสวยงามที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ทุกวันนี้ยังเปิดให้บริการเป็นปกติเหมือนสาขาอื่น ๆ และท่านสามารถเข้าเยี่ยมชมความงดงามภายในได้ในเวลาทำการ สวยงามมากครับขอยืนยัน จากนั้นเดินกันต่อไปที่ วัดพระแม่ลูกประคำ (กาลหว่าร์) โบสถ์คริสต์นิกายโรมันคาทอลิก เป็นอาคารทรงกอทิก ถือเป็นโบสถ์ที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ สร้างโดยชาวโปรตุเกส โบสถ์หลังปัจจุับนไม่ใช่โบสถ์หลังแรก เป็นโบสถ์หลังที่ 3 โบสถ์แห่งนี้มีจุดเด่นที่สำคัญคือ รูปปั้น 2 รูปซึ่งเป็นสมบัติเก่าแก่ตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ได้แก่ "รูปแม่พระลูกประคำ" และ "รูปพระศพของพระเยซูเจ้า" โดยทั้งหมดนี้ยังคงเก็บรักษาและใช้ในพิธีกรรมทางศาสนาจนถึงปัจจุบันนี้ ในบริเวณวัดยังมีโรงเรียนกุหลาบวิทยา ก่อตั้งขึ้นหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยพ่อค้าคหบดีของวัดได้ร่วมกันจัดตั้งโรงเรียนขึ้น เดิมชื่อโรงเรียน "ซินเหมยกุ้ย" และเปลี่ยนเป็น "กุหลาบวิทยา" เพื่อต้องการทำตามประสงค์ของกระทรวงศึกษาธิการ และสอดคล้องกับชื่อของวัดคือ Rosary Church. โดยมีมิสซังโรมันคาทอลิคกรุงเทพฯ เป็นเจ้าของ เนื่องจากเป็นโรงเรียนของสถาบันศาสนา คือ ศาสนานิกายโรมันคาทอลิก จึงมีบาทหลวง และซิสเตอร์ สับเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาดูแลตามวาระการบริหารงาน ออกจากโรงเรียนเดินย้อยกลับไปหน้าธนาคารไทยพานิชย์ พบวงเวียนเล็ก ๆ ที่มีงานศิลปะตั้งอยู่ "มังกรตลาดน้อย" โดยใช้ ช้อน ส้อม ตะหลิว อะไหล่ยนต์ ข้าวของเครื่องใช้พวกนี้ล้วนเป็นเรื่องในชีวิตประจำวัน สวยงามแปลกตาไปอีกแบบ เที่ยงแล้วครับ ทานอาหารกันก่อน ใกล้วงเวียนมังกรมีอยู่ครับ ก๋วยเตี๋ยวเป็ดเส้นเล็กกับน้ำปั่น 1 แก้ว อร่อยใช้ได้เลยครับ อิ่มแล้วก็ไปต่อ เดินเข้าซอยเจริญกรุง 22 ไปตามหากระหรี่ปั๊บเจ้าอร่อยกันครับ กะหรี่ปั๊บ คุณปุ๊ อยู่กลาง ๆ ซอย กระทะใบใหญ่กำลังทำหน้าที่ของมันในการทอดกระหรี่ปั๊บ คนเยอะครับ ได้ยินว่าขายดีเปิดแต่เช้าบ่าย ๆ ก็ปิดแล้ว รสชาติดีและแห้งไม่อมน้ำมันครับ เดินออกถ.เจริญกรุง เป็นย่านการค้าเก่าแก่อีกแห่ง อาคารเก่า 2 ชั้นยังมีให้เห็นพอสมควร มีสินค้านานาชนิด อะไหล่รถยนต์ก็มีให้เห็นหนาตา มาถึงวัดญวนตลาดน้อย"วัดอุภัยราชบำรุง" สร้างในสมัยรัชกาลที่ 1 คนญวนที่นับถือศาสนาพทุธ ได้ร่วมกันสร้างวัดขึ้น 2 วัด คือวัดญวนตลาดน้อย และ วัดญวนบางโพ ที่นี่มีพระญวนจำพรรษาอยู่และมักจะมีทัวร์จากเวียดนามแวะมาเยี่ยมเป็นประจำ ออกจากวัดมาเล็กน้อยเจอของดีครับ ที่นี่บริษัท เซ่งง่วนฮง จำกัด เป็นจักรยานยี่ห้อ Montante Maserati คลาสสิคมากครับ ไปต่อกันครับมุ่งหน้าวงเวียนโอเดียน เป็นวงเวียนที่มีประวัติความเป็นมาคู่กับถนนเยาวราช เคยเป็นศูนย์รวมสถานบันเทิง เดิมเป็นวงเวียนน้ำพุ เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจของประชาชน ปัจจุบันปรับปรุงเป็นที่ตั้งของ ซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติ 6 รอบพระชนมพรรษาของรัชกาลที่ 9 ชื่อวงเวียนโอเดียน มาจากชื่อโรงภาพยนตร์โอเดียนปัจจุบันเลิกกิจการและรื้อทิ้งไปแล้ว ซุ้มประตูนี้เป็นแลนด์มาร์คหนึ่งของเยาวราช เดินต่อไปแวะที่วัดสามจีน "วัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร" เป็นที่ประดิษฐานของ พระพุทธมหาสุวรรณปฏิมากร "พระพุทธรูปทองคำ ที่ใหญ่ที่สุดในโลก" ได้รับการบันทึกในหนังสือกินเนสส์บุ๊ค นอกจากนั้นยังมีพิพิธภัณฑ์วัดไตรมิตร ศูนย์ประวัติศาสตร์เยาวราช "ความรุ่งเรืองบนถนนสายทองคำ" เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับความเป็นมาของเยาราชและคนจีนโพ้นทะเล ออกจากวัดไตรมิตรไปต่อกันอีก 2 แห่งครับ มีชื่อเสียงด้วยกันทั้งคู่ คือ ลอดช่องสิงคโปร์ ชื่อนี้ไม่ได้เกิดจากการนำเข้ามาหรือเป็นของกินจากสิงคโปร์แต่อย่างใด ประเทศไทยเป็นผู้คิดค้น โดยร้าน "สิงคโปร์โภชนา" ซึ่งเป็นร้านอาหารตั้งอยู่ที่หน้าโรงภาพยนตร์สิงคโปร์หรือโรงภาพยนตร์เฉลิมบุรี จึงเป็นที่มาของ "ลอดช่องสิงคโปร์" และอีกแห่งคือ ยาขมคั้นกี่น้ำเต้าทอง สุดยอดขุมพลังจากน้ำสมุนไพร ที่เปิดขายมาตั้งแต่ ปีพ.ศ.2444 เวลา ณ ขณะนี้ 13.05 น. วันนี้ผมเดินมาประมาณ 4 ชั่วโมง คงต้องจบทัวร์เยาวราช ทรงวาดลงตรงนี้ครับ