เยือนงาน CIAME 2019 งานเครื่องจักรกลขนาดใหญ่ของจีน สุปานี ณ สงขลาผู้เขียนได้มีโอกาสไปเยือนงานเครื่องจักรกลเกษตร CIAME เป็นครั้งที่ 2 แล้ว โดยงานนี้มีอายุเก่าแก่เกือบจะ 70 ปีเลยทีเดียว ปัญหาหลักๆ หลังจากการไปเยือนงานคือการสื่อสาร เป็นปัญหาที่ซ้ำซาก นักข่าวต่างชาติ เพื่อนร่วมงานก็บ่นเป็นเสียงเดียวกันทั้ง 2 ปี หากต้องเดินทางไปสัมภาษณ์แหล่งข่าวในงาน ควรจะได้ภาษาจีน หรือมีล่ามไปด้วย งาน CIAME หรือ China International Agricultural Machinery Exhibition ปีนี้จัดขึ้นที่เมืองชิงเต่า ซึ่งอยู่ในมณฑลซานตง ปีที่ผ่านมางาน CIAME จัดขึ้นที่เมือง อู่ฮั่น ปีนี้มีผู้มาออกงานนิทรรศการมากถึง 2,100 ราย บนพื้นที่ 200,000 ตารางเมตร ปีนี้คาดการณ์ว่ามีผู้เข้าร่วมงานประมาณ 200,000 ราย เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาถึงเท่าตัวเลยทีเดียว งานนี้จัดขึ้นโดยความร่วมมือจากหลายฝ่าย China Agricultural Machinery Distribution Association (CAMDA), China Agricultural Mechanization Association (CAMA) และ China Association of Agricultural Machinery Manufacturers (CAAMM) ภายในงานปีนี้ มีตีมงานว่า “Mechanization and Modernization of Agricultural and Rural Areas” ขณะนี้ตลาดเครื่องจักรกลเกษตรของจีนกำลังประสบปัญหา Market slowdown และต้นทุนที่สูงขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการหลายรายปรับเครื่องจักรฯ ของตน ให้เข้ากับความต้องการของตลาดมากขึ้น โดยเฉพาะการอัพเกรดสินค้าและนวัตกรรมให้ทันสมัยและใช้งานได้ง่ายยิ่งขึ้น ปีนี้เห็นความชัดเจนมากขึ้น เนื่องจากผู้เขียนไปมาเป็นปีที่สองแล้ว เครื่องจักรฯ ในงานถูกแบ่งออกเป็นหลายเกรด มีการ Joint Venture ระหว่างบริษัทเครื่องจักรกลเกษตรของยุโรปและจีน บริษัทยุโรปหลายราย เลือกที่จะมาตั้งโรงงานผลิตเองในประเทศจีน เนื่องจากเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่ และยังช่วยประหยัดค่าขนส่งไปได้อีกแรงสำหรับปีนี้เอง ผู้เขียนก็ได้พาผู้ประกอบการไทยทั้งสิ้นจำนวน 4 รายไปร่วมงานในครั้งนี้ด้วย ได้แก่คุณวุฒิชัย คุณเจตน์, คุณสมภพ ศิลป์เจริญ, คุณจุลพงษ์ คุ้นวงศ์ และคุณวิสุทธิ์ นพพันธ์ เพื่อไปอัพเดทความก้าวหน้าเทคโนโลยีเครื่องจักรกลเกษตรของประเทศจีน และนี่คือเสียงส่วนหนึ่งจากชาวไทยที่ไปเยือนงาน CIAME ในครั้งนี้“การมางานครั้งนี้ถือว่าคุ้มค่ามาก เนื่องจากเจอชิ้นส่วนอะไหล่เยอะมาก อุปกรณ์เครื่องมือสำเร็จเลยก็มี แถมยังราคาถูกมาก แต่ปัญหาคือ เนื่องจากอุปกรณ์ที่นำมาจัดแสดง มีหลายเกรด จนไม่รู้ว่าจะเลือกเจ้าไหนดี ปัญหานี้ไม่มีใครตอบได้ เว้นเสียแต่ว่าจะซื้อมาทดลองใช้เองที่เมืองไทย และไม่มีใครการันตีว่าใช้งานได้ดีจริงหรือไม่ เมื่อไม่มีตัวแทนจำหน่ายในประเทศไทย จึงไม่กล้าตัดสินใจแต่เทคโนโลยีที่นำมาจัดแสดงในครั้งนี้ ถือว่าตามหลังยุโรปและอเมริกาแบบติดๆ เลยก็ว่าได้ แถมมีราคาที่ต่ำและเข้าถึงง่ายด้วย และถ้าเป็นไปได้ ก็อยากให้บริษัททางฝั่งยุโรปหรืออเมริกามาตั้งโรงงานในประเทศไทยบ้าง การมาเดินงานเครื่องจักรฯในครั้งนี้ ถือว่าค่อนข้างครบวงจร จะขาดก็แต่เทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว ผู้จัดควรจะดูให้ครบทั้งวงจร ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ อย่างไรก็ดี อะไหล่ที่นำมาจำหน่ายในงาน เมื่อรวมกันหลายๆ บูธ หลายๆ บริษัท ก็สามารถนำมาประกอบเป็นรถพ่นสารเคมีได้เลย เมื่อหันมามองภาคการเกษตรของไทยสำหรับวงการพืชสวน งานวิจัยหลายชิ้นที่ผลิตออกมา ยังศึกษาได้ไม่ลึกพอ และไม่ตอบโจทย์เกษตรกรอย่างแท้จริง งานวิจัยเป็นอะไรที่ต้องใช้เวลา และอาจารย์ส่วนใหญ่ที่มีความรู้ความสามารถ ก็ต่างเกษียณกันไปหมดแล้ว สำหรับภาพรวมของงาน ตลาดมีความพร้อม แต่แรงงานภาคการเกษตรกำลังลดลง แม้แต่ในประเทศจีนเองก็ตาม ตอนนี้เทรนด์อัตโนมัติกำลังมาแรง ไม่ว่าจะเป็นรถพ่นสารเคมีไร้คนขับ กรรไกรตัดแต่งกิ่งไฟฟ้า ที่ประเทศญี่ปุ่น ไต้หวัน ยุโรป เทรนด์นี้มานานแล้ว และกำลังมาแรง หากราคาตอบโจทย์ผู้บริโภค มีความคุ้มค่า คืนทุนไว และมีการทดสอบจริงก่อนการใช้งาน เครื่องจักรฯจากประเทศจีน ก็ถือว่าคุ้มค่าไม่เลวเลยทีเดียว” ก่อนงานเริ่ม 1 วัน ผู้จัดได้พานักข่าวไปเยี่ยมโรงงาน Lovol โรงงานผลิตรถแทรกเตอร์ชั้นนำของจีน ซึ่งมีการไป Take over จากบริษัทยักษ์ใหญ่ 3 รายจากประเทศอิตาลีอย่าง Arbos, Foton และ Goldoni S.p.A. แถมยังหัวใส หลังจาก Take over แล้วก็ไม่มีการเปลี่ยนชื่อแบรนด์ จะได้ไม่ส่งผลกระทบต่อความรู้สึกของผู้ใช้ ว่าเป็นแบรนด์จากจีน Lovol ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2541 มีโรงงานผลิตชิ้นส่วน รถแทรกเตอร์ Implement, seedling machine, bailer, combine harvester etc. อยู่ที่ประเทศอิตาลี ญี่ปุ่น และจีน สำหรับโรงงานที่ไปเยือนในครั้งนี้ตั้งอยู่ที่เมืองเว่ยฟาง ตลาดหลักๆ ของ Lovol อยู่ที่ยุโรปและรัสเซีย โดย 50% ของยอดขาย อยู่ที่ประเทศรัสเซีย สำหรับรถพ่นสารเคมีและรถแทรกเตอร์ในภาพนั้น มีการวางระบบขับเคลื่อนด้วยตัวเอง โดยใช้งานผ่านดาวเทียมของจีนเองที่มีชื่อว่า BDS (BeiDou Navigation Satellite System) หากเป็นระบบ GPS จะเป็นระบบของอเมริกา ระบบนี้มีมูลค่าประมาณ 80,000 หยวน หรือประมาณ 360,000 บาท ราคาของรถแทรกเตอร์พร้อมระบบไร้คนขับอยู่ที่ 160,000 หยวนหรือ 720,000 บาท และเครื่องพ่นสารเคมีอยู่ที่ 120,000 หรือ540,000 บาทสำหรับนโยบายการสนับสนุนของภาครัฐฯ กับเกษตรกรจีนนั้นขึ้นอยู่กับแต่ละมณฑล บางแห่ง ให้งบประมาณในการสนับสนุนเกษตรกรมากถึง 50% ของราคาเครื่องจักรเหล่านี้ คุณ Jin Wang เจ้าหน้าที่จาก Lovol ที่มาสาธิตเครื่องจักรไร้คนขับให้ชม ฉบับนี้ขอเล่าคร่าวๆ แต่เพียงสังเขป ฉบับหน้าจะนำบรรยากาศในงานมาให้ชมกันค่ะ แล้วพบกันใหม่นะคะ ไซ่เจี้ยน