ผมขึ้นรถ HOP ON HOP OFF ของ GIANTS CITY TOUR ได้พบกับน้องจันทร์เลซองประจำรถ น้องได้ให้คำแนะนำในการเที่ยวแบบ WALK TOUR เที่ยวแบบเจาะลึก สัมผัสอะไรที่คิดว่ารู้จักอยู่แล้วในอีกแง่มุมหนึ่ง ผมเดินมาแล้ว 2 โปรแกรม คือ เยาวราช ทรงวาด กับ กุฎีจีน ก็จะเมื่อย ๆ หน่อยครับ ผมตั้งใจไว้ว่าจะเดินเที่ยวตามที่น้องจันทร์แนะนำให้ครบ 4 โปรแกรมภายในอาทิตย์นี้เพราะมีเวลาว่างเท่านั้น วันนี้จะเดินในโปรแกรม ท่าพระจันทร์ วังหลัง ซึ่งเป็นโปรแกรมที่ 3 ตามมาเลยครับ 09.35 น. ผมลงรถ ขสมก.ที่ป้ายตรงข้ามมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่นี่เป็นมหาวิทยาลัยแห่งที่สองของประเทศไทย ก่อตั้งในชื่อ "มหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมือง" เมื่อปีพ.ศ.2477 โดยมีจุดประสงค์เพื่อเป็นตลาดวิชา เพื่อการศึกษาด้านกฎหมายและการเมืองสำหรับประชาชนทั่วไป มีประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับการเมืองโดยเฉพาะในช่วง 14 ตุลาคม 2516 และ 6 ตุลาคม 2519 ยุคที่มีการแบ่งแยกความคิดทางการเมืองค่อนข้างรุนแรง มีศิลปกรรมที่สร้างขึ้นเกี่ยวกับเหตุการณ์ต่างๆจัดแสดงอยู่หลายชิ้น เดินผ่านสนามฟุตบอลออกไปริมแม่น้ำด้านหน้าตึกโดม สัญลักษณ์สำคัญของ "ลูกแม่โดม" อันหมายถึงนักศึกษาของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นที่ตั้งของอนุสาวรีย์ศาสตราจารย์ ดร.ปรีดี พนมยงค์ ผู้ประศาสน์การ มหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมือง เดินออกจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ทางประตูด้านท่าพระจันทร์ บริเวณนี้จะเป็นย่านการค้ามานานเคยมีสินค้าหลากหลายแบบ ตั้งแต่ริมรั้ววัดมหาธาตุจนถึงตลาดท่าพระจันทร์ ที่เห็นเป็นจำนวนมากก็แผงพระและองค์ประกอบต่างๆครับ มีทุกขนาด ทุกระดับราคาแท้เทียมและทุกระดับความสามารถตั้งแต่ชาวบ้านธรรมดาถึงเซียนใหญ่ นอกจากนั้น ก็จะเป็นอาหาร ขนม ผลไม้และเครื่องดื่ม มีอยู่อย่างหนึ่งครับที่อยู่มายาวนานจากเล็ก ๆ จนตอนนี้ขนาดใหญ่ขึ้น "ร้านน้องท่าพระจันทร์" ครับ วัยรุ่นหลายยุคจะเป็นลูกค้าร้านนี้ ค่ายเพลงทุกค่ายทั้งไทยและเทศถ้าต้องการจะประชาสัมพันธ์เพลงต่าง ๆ ที่นี่เลยครับ เดินลงไปที่ท่าเรือจะมีเรือข้ามฟากไปฝั่งตรงข้ามคือท่าวังหลัง วังหลัง คือ วังของสมเด็จพระเจ้าหลานเธอ เจ้าฟ้ากรมพระอนุรักษ์เทเวศร์ ซึ่งทรงเป็นกรมพระราชวังบวรสถานภิมุขในรัชกาลที่ 1 พื้นที่วังหลังในปัจจุบันเกือบทั้งหมดเป็นของโรงพยาบาลศิริราช ประวัติโรงพยาบาลศิริราช Cr.คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เกิดอหิวาตกโรคระบาดชุกชุมเมื่อ พ.ศ. 2424 ในครั้งนั้นทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดตั้งโรงพยาบาลขึ้นชั่วคราวในที่ชุมชนรวม 48 ตำบล ครั้นโรคร้ายเสื่อมถอยลง โรงพยาบาลจึงได้ปิดทำการ หากแต่ในพระราชหฤทัยทรงตระหนักว่า โรงพยาบาลนั้นจะยังประโยชน์บำบัดทุกข์ บำรุงสุข ให้พสกนิกรและผู้อยู่ใต้ร่มพระบรมโพธิสมภาร แต่การจัดตั้งโรงพยาบาลนั้นเป็นการใหญ่ จำเป็นต้องมีคณะกรรมการเพื่อจัดการโรงพยาบาลให้สำเร็จ ดังนั้นเมื่อวันที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2429 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งคณะกรรมการจัดสร้างโรงพยาบาลขึ้น เพื่อดำเนินการก่อสร้างโรงพยาบาลถาวรแห่งแรก ณ บริเวณวังของกรมพระราชวังบวรสถานพิมุข (วังหลัง) ทางฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา โดยพระราชทานพระราชทรัพย์เป็นทุนแรกเริ่มในการดำเนินการ ในระหว่างที่เตรียมการก่อสร้างโรงพยาบาลนั้น สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าศิริราชกกุธภัณฑ์ฯ พระราชโอรสอันประสูติจากสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ ได้ประชวรโรคบิดสิ้นพระชนม์ลงเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2430 ยังความอาลัยเศร้าโศกแห่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯ ยิ่งนักถึงกับทรงมีพระราชปณิธานอย่างแรงกล้าที่จะให้มีโรงพยาบาลขึ้น ครั้นเสร็จงานพระเมรุแล้ว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้รื้อโรงเรือนและเครื่องใช้ต่าง ๆ ในงานพระเมรุนำไปสร้างโรงพยาบาล ณ บริเวณวังหลังดังกล่าว นอกจากนี้ยังพระราชทานทรัพย์ส่วนของสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าศิริราชกกุธภัณฑ์ฯ แก่โรงพยาบาลอีกด้วย ผมเดินเข้าโรงพยาบาลศิริราชทะลุออกทางด้านหลังบริเวณปากคลองบางกอกน้อย เดิมเป็นที่ตั้งของสถานีรถไฟธนบุรี ปัจจุบันเป็นสวนเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา รัชกาลที่ 9 เป็นที่ตั้งของพลับพลาสยามินทราศิริราชานุสรณีย์และพิพิธภัณฑ์ศิริราชพิมุขสถาน มีการนำหัวรถจักรไอน้ำมาตั้งแสดงที่นี่ด้วย นอกจากนั้นยังมีท่าเรือมีเรือด่วนเจ้าพระยาให้บริการที่ท่านี้เดินย้อยกลับมาทางเดิมกลับเข้าไปในตลาดวังหลัง ผู้คนหนาตา มีทุกอย่างแต่ที่เห็นส่วนใหญ่เป็นของกิน มีเจ้าดัง ๆ หลายเจ้า เช่น วังหลังเบเกอร์รี่ ซูชิวังหลัง สินค้าอื่น ๆ ก็ประเภทสวยงามละครับ เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า เครื่องสำอาง มากมายหลายอย่างครับ ผมเดินทะลุออกมาด้านข้างวัดระฆังโฆสิตาราม ผ่านอดีตภัทราวดีเธียเตอร์ตอนนี้เปลี่ยนเป็นโรงแรมไปแล้วครับ ถึงวัดระฆัง วัดแห่งนี้เป็นวัดโบราณ สร้างในสมัยอยุธยา เดิมชื่อ วัดบางว้าใหญ่ มีหอพระไตรปิฎกซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมที่สวยงามมาก เคยเป็นพระตำหนักและหอประทับนั่งของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชขณะทรงรับราชการในสมัยธนบุรี และโปรดเกล้าฯ ให้รื้อมาถวายวัดเมื่อเสด็จขึ้นครองราชสมบัติแล้ว มีพระราชประสงค์จะบูรณปฏิสังขรณ์ให้สวยงามเพื่อเป็นหอพระไตรปิฎก ผมมุ่งหน้าไปกราบสักการะสมเด็จพระพุฒาจารย์โตในวิหารของท่าน เดินรอบบริเวณวัด ถ่ายภาพระฆังใบใหญ่และอนุสรณ์สถานสมเด็จโตฯที่ตั้งอยูริมแม่น้ำหน้าวัด ออกจากวัดระฆังผมใช้เรือข้ามฟากไปท่าช้าง แม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณนี้ค่อนข้างแคบการจราจรทางน้ำจะดูคับคั่งมาก โดยปกติจะมีเรือผ่านช่วงนี้พอแสมควรทั้งเรือข้ามฟาก เรือด่วนเจ้าพระยา เรือทัวร์ขนาดใหญ่ เรือ HOP เรือลากบรรทุกสินค้า ที่ดูหนาแน่นขึ้นเพราะเรือทัวร์จะมาจอดลอยลำรอรับนักท่องเที่ยวที่ท่าช้างเป็นจำนวนมาก ข้ามมาถึงท่าช้างเป็นอีกท่าหนึ่งที่ผู้คนเยอะมาก ทั้งไทยและเทศอาคารบริเวณนี้จะได้รับการปรุบปรุงสภาพให้ดูสวยงาม เดินมาถึงถ.หน้าพระลานตรงแยกตัดถ.มหาราชถนนจนถึงแยกตัดถ.หน้าพระธาตุจะปิดไม่ให้รถผ่านจะให้ผ่านเฉพาะคนเดินเท่านั้น เป็นเรื่องที่ดีมากเพราะจะมีนักท่องเที่ยวต่างประเทศมาเที่ยวชมวัดพระแก้วและพระบรมมหาราชวังเป็นจำนวนมาก จากท่าช้างผมเดินผ่านม.ศิลปากร พระบรมมหาราชวัง เลี้ยวซ้ายไปทางกรมศิลปากร เข้าไปภายใน ฝั่งซ้ายมือจะเป็น พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ศิลป์ พีระศรี อนุสรณ์ ภายในจัดแสดงนิทรรศการต่าง ๆ อาทิ ห้องทำงานและเครื่องมือเครื่องใช้ของศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี ผลงานจิตรกรรม ประติมากรรม และภาพพิมพ์ของบรรดาลูกศิษย์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลงานศิลปกรรมในยุคเริ่มแรกของศิลปะร่วมสมัยในประเทศไทย อาคารหลังต่อไปที่อยู่ใกล้ ๆ กัน คือ หอประติมากรรมต้นแบบ สถานที่แห่งนี้ข้าราชการ กองหัตถศิลปกรมศิลปากร เคยใช้ปฏิบัติงานปั้นหล่ออนุสาวรีย์สำคัญของชาติ เรียกว่า “โรงปั้นหล่อ” เป็นอาคาร 2 ชั้นทรงสูงติดกระจกซึ่งออกแบบเพื่อให้ได้รับแสงสว่างและช่วยในการระบายความร้อนอันเป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติงาน กล่าวได้ว่าโรงปั้นหล่อนี้เป็นอาคารประวัติศาสตร์ ซึ่งศิลปินชั้นครูได้สร้างสรรค์งานประติมากรรมอันทรงคุณค่าไว้เป็นศิลปะสมบัติของชาติจำนวนมาก ต่อมากรมศิลปากรพิจารณาเห็นว่าพื้นที่โรงปั้นหล่อคับแคบ ไม่เพียงพอต่อการปฏิบัติงาน จึงย้ายไปที่จังหวัดนครปฐม เดินออกมาภานนอกตามถ.พน้าพระธาตุทางขวามือจะเป็นท้องสนามหลวงทางซ้ายมือจะเป็นตึกถาวรวัตถุ หรือ ตึกแดง สร้างในสมัยรัชกาลที่ 5 เมื่อสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชเจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามมกุฏราชกุมาร เสด็จสวรรคต ทรงโปรดให้สร้างเพื่อเป็นที่เชิญพระบรมศพสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชเจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ มาประดิษฐานบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุประทานเสร็จแล้ว จึงจะเชิญพระบรมศพไปประดิษฐาน ณ พระเมรุมาศน้อย ณ ท้องสนามหลวง และเป็นทรงโปรดให้เป็นที่ศึกษาของมหาธาตุวิทยาลัย ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 6 ทรงโปรดเกล้า ฯ ให้สร้างต่อมาจนแล้วเสร็จพระราชทานให้เป็นที่ตั้งหอพระสมุดสำหรับพระนคร ในบริเวณเดียวกันจะเป็นเขตของวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ สร้างในสมัยอยุธยาเดิมชื่อวัดสลัก เป็นวัดที่อยู่กึ่งกลางระหว่างพระบรมมหาราชวัง กับ วังหน้า "พระราชวังบวรสถานมงคล หรือ พระบวรราชวัง" ออกจากวัดมหาธาตุ 13.00 น.ผมใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงเศษ จบโปรแกรมของวันนี้ไว้ตรงนี้ครับ