คนเราพอเข้าตาจน มีบ้านก็ต้องขายบ้าน มีรถก็ต้องขายรถ เพื่อหาเงินมาประทังชีวิตและต่อยอดให้เงินก้อนนั้นงอกเงยไปจนทำให้ชีวิตของเรามั่นคง อาจจะดูเป็นแนวคิดง่าย ๆ ที่ชาวบ้านชาวช่องทั่วไปทำกัน แต่วันนี้ในภาคการบริหารระดับสูง ๆ ก็ต้องเอาแนวคิดนี้ไปปรับใช้กันแล้ว ด้วยระเบิดพลังมหาศาลอย่างโควิด-19 เรียกว่ามาตู้มเดียวทิ้งความเสียหายให้ตามเก็บกวาดกันอีกยาวนาน ที่สำคัญคือพิษเศรษฐกิจที่กำลังถาโถมทั่วโลก กระทบไปยังทุกภาคส่วน หลายประเทศจึงต้องเตรียมตัวฟื้นฟูเศรษฐกิจให้กลับคืนสู่สภาพปกติอีกครั้ง หลังจากที่พอจะสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ดังนั้นเรื่องการขายของเพื่อนำเงินมาฟื้นฟูเศรษฐกิจ จึงเป็นแนวคิดที่ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินการคลังหลายคนออกมากล่าวถึง ตามที่ผู้เขียนได้ติดตามมา ก่อนหน้านี้อีลอน มัสก์ (Elon Musk) เจ้าของรถยนต์ไฟฟ้าชื่อดังอย่างเทสลา (Tesla) ก็ได้ประกาศขายบ้านและอสังหาริมทรัพย์เพื่อนำเงินไปพัฒนาเทคโนโลยีทางอวกาศของเขาคือ SpaceX เรียกว่าไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรกับการดำเนินแผนธุรกิจเช่นนี้ และล่าสุดผู้เขียนได้ยินข่าวทางวิทยุ เกี่ยวกับแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจของฝรั่งเศส นักธุรกิจเสนอแนวคิดขายของเพื่อหาเม็ดเงินมาใช้จ่ายในการแก้ปัญหาที่เกิดจากโควิด-19 และของที่นักธุรกิจแนะนำให้รัฐบาลฝรั่งเศสขายแลกเงินนั้นคือ ภาพวาดโมนาลิซา (Mona Lisa) นักธุรกิจที่แนะนำแนวทางนี้ให้รัฐบาลฝรั่งเศสก็ไม่ใช่คนกะโหลกกะลา แต่เป็นคนหนุ่มไฟแรงที่มีตำแหน่งเป็นซีอีโอของบริษัทเทคโนโลยีชื่อดังและค่อนข้างมีอิทธิพลทางการค้าในฝรั่งเศส ซึ่งได้เสนอว่าการจะฟื้นฟูเศรษฐกิจให้กลับมาเป็นปกติได้ ต้องใช้เม็ดเงินเป็นแสนล้านเพื่อกระตุ้นทุกภาคส่วน แต่เงินมหาศาลขนาดนั้นกับสถานการณ์ที่ย่ำแย่ขณะนี้ เป็นเรื่องยากที่รัฐบาลจะไปหามาให้ได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ ดังนั้นจึงเสนอให้ขายภาพวาดโมนาลิซา ซึ่งประเมินราคาได้กว่า 50,000 ล้านยูโร ตีเป็นเงินไทยแล้วก็ราว 1.75 ล้านล้านบาทกันเลยทีเดียว ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะภาพวาดโมนาลิซาเป็นสมบัติล้ำค่า เป็นตำนานและเป็นโลโก้ของประเทศฝรั่งเศสเลยก็ว่าได้ แม้จากผลสำรวจจะบอกว่าพอไปดูของจริงแล้วคนส่วนใหญ่จะผิดหวังเล็ก ๆ ก็ตาม แต่หากรัฐบาลเสียดาย เขาก็มีทางเลือกให้รัฐบาลขายแบบมีลิขสิทธิ์ มีสัญญาผูกมัด หมายความว่าให้ประเทศที่สนใจซื้อไปจัดแสดงได้ในราคาและเวลาตามที่ตกลง ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันได้ทั่วโลก ดีกว่าติดฝาจัดแสดงที่พิพิธภัณฑ์ลูฟร์อยู่เฉย ๆ แล้วได้เพียงค่าเข้าชมอันน้อยนิด และการขายแบบนี้ยังทำให้ฝรั่งเศสสามารถควบคุมภาพวาดเอาไว้ได้อีกด้วย เรื่องนี้เป็นที่ถกเถียงกันไปทั่วทั้งฝรั่งเศส แน่นอนว่าสมบัติล้ำค่าเช่นนี้ย่อมต้องเป็นที่หวงแหนของคนในชาติ ต่างคนก็ต่างความคิดเห็น ฝั่งที่เห็นด้วยก็บอกว่ามันก็เป็นแค่ภาพวาด โยกย้ายง่าย ขายไปแล้วหมดสัญญาก็เก็บกลับมา ดีเสียอีกที่ชาวต่างชาติจะได้เห็นภาพวาดของจริงด้วยตาตัวเอง โดยไม่ต้องเสียค่าตั๋วมาถึงฝรั่งเศส ส่วนฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยก็ยกเหตุผลเรื่องการโจรกรรม เรื่องมรดกทางวัฒนธรรมมาแย้ง ประเด็นนี้จึงเป็นเรื่องเด่นที่ต้องติดตามกันต่อไป จับตาดูว่ารัฐบาลจะเมินข้อเสนอนี้หรือคล้อยตามนักธุรกิจผู้นี้ ภาพวาดโมนาลิซาอันลือลั่นจะได้เดินทางไปยังประเทศอื่นใดหรือไม่ หรือเป็นเพียงภาพวาดล้ำค่าติดฝาจัดแสดงอยู่ในพิพิธภัณฑ์ลูฟร์ต่อไป รูปภาพหน้าปก โดย Free-Photos : Pixabay ภาพประกอบที่ 1 โดย Rumman Armin : Unsplash ภาพประกอบที่ 2 โดย Michael Fousert : Unsplash ภาพประกอบที่ 3 โดย Jacques Bopp : Unsplash