หากคุณเคยดูหนังต่างประเทศพากย์ไทยแล้วรู้สึกว่าเสียงพากย์ไม่เข้ากับตัวละคร เสียงไม่เข้ากับบทบาทหรืออะไรก็ตาม ลืมมันไปได้เลยเมื่อมาพบกับ Spiderman Far From Home ฉบับพากย์ไทยโพสนี้ไม่ใช่โพสรีวิวหนัง Spiderman Far From Home นะครับ แต่เป็นโพส "รีวิวเสียงพากย์ไทย" ของหนังเรื่อง Spiderman Far From Home ที่ได้ไปดูมาและรู้สึกประทับใจมาก จากที่ไม่เคยดูหนังของ MCU พากย์ไทยอย่างเป็นทางการมาก่อนเลย (เคยดูบ้างตอนมีฟรีทีวีนำมาฉาย แต่ไม่ได้ดูจริงจัง) เรื่องนี้จึงถือเป็นการดูหนังของ MCU พากย์ไทยในโรงภาพยนตร์ครั้งแรก และก่อนหน้านี้ผมก็ดูฉบับบรรยายไทยมาแล้ว สรุปว่าเคยดูทั้งสองแบบ ทำให้รู้สึกว่าหนังพากย์ไทยเนี่ย หากคัดเลือกคนให้เสียงพากย์ดี ๆ ที่เข้ากับลักษณะของตัวละครได้ หนังพากย์ไทยก็สนุกไม่แพ้หนังบรรยายไทยเลยปกติแล้วหากจะดูหนังต่างประเทศสักเรื่องผมมักจะดูฉบับบรรยายไทยตลอด เพราะเมื่อก่อนตอนที่ดูหนังพากย์ไทยจะมีเรื่องให้ตะขิดตะขวงใจอยู่เสมอ เช่น การพากย์เสียงที่สื่ออารมณ์แบบประดิษฐ์เกินไป การพากย์นอกบทที่พยายามจะแทรกมุกตลกอยู่ตลอดเวลา หรือเสียงพากย์ที่ขัดกับตัวนักแสดง ทำให้เสียอรรถรสในการดูหนังและเลือกที่จะดูหนังบรรยายไทย ซึ่งหนังบรรยายไทยนั้นถึงจะทำให้ผมพลาดรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ของหนังเพราะต้องเบนสายตาลงไปอ่านบทบรรยาย แต่หลังจากได้ดูหนังบรรยายไทยแล้วก็เลือกที่จะดูไปตลอด เพราะหนังบรรยายไทยให้ความรู้สึกถึงความเป็นต้นฉบับของหนัง และได้ดูการแสดงสีหน้าอารมณ์ร่วมไปกับการแสดงออกผ่าน "น้ำเสียง" ของนักแสดงที่ผ่านการยอมรับจากผู้กำกับในแต่ละเทค และนั่นมักจะทำให้ผมมีอารมณ์ร่วมไปกับตัวละครและการดูหนังตลอดทั้งเรื่องเมื่อมีโอกาสได้ไปดูหนังพากย์ไทยที่ไม่ได้ดูมานานมาก ทำให้ช่วงแรกของการดูหนังทำเอารู้สึกขัด ๆ นิดหน่อย แต่ไม่นานก็เริ่มชินและดูต่อไปเรื่อย ๆ จนในที่สุด ไม่น่าเชื่อ เสียงพากย์ภาษาไทยของ Spiderman Far From Home ก็นำอารมณ์ของผมเข้าสู่โลกของหนังได้สำเร็จ ผมเพลิดเพลินไปกับการดูหนังพากย์ไทยเรื่องนี้ เพราะว่าเสียงพากย์ของนักพากย์ชุดนี้เข้ากับตัวละครในหนังได้ดีมากถึงมากที่สุด ไม่มีการพากย์เลอะเทอะนอกบท คำพูดกับรูปปากพยายามใช้คำที่สอดคล้องกัน เสียงเพราะฟังลื่นหูและโดยเฉพาะอย่างยิ่ง การสื่ออารมณ์ผ่านเสียงของนักพากย์ทำได้ดีมาก ทำให้เสียงกับการแสดงสอดคล้องกันและไม่ทำให้เสียอรรถรสในการรับชมเลยแม้แต่น้อย เช่นในฉากที่ Peter คุยกับ Ned มันให้อารมณ์แบบที่ว่า Peter คุยกับ Ned ด้วยภาษาไทยจริง ๆ ไม่ใช่ Tom Holland ขยับปากแล้วมีเสียงพากย์แทรกเข้ามา มันเหมือนเป็นการพูดคุยกันด้วยภาษาไทยจริง ๆ และในฉากที่ต้องใช้การสื่ออารมณ์เช่นฉากบนเครื่องบินระหว่าง Peter กับ Happy มันรู้สึกได้ถึงความผิดหวังและเสียใจจากเสียงของ Peter ความห่วงใยจากเสียงของ Happy ทำให้ฉากนี้เล่นเอาผมน้ำตาซึมเลยทีเดียว มันดีมากขนาดนั้นเลยอย่างที่ว่ามาข้างต้นคือทีมพากย์เสียงของ Spiderman Far From Home นั้นเต็มไปด้วยเสียงที่เข้ากับตัวละครมากมาย ที่ประทับใจมาก ๆ คือเสียงของ Peter, Ned, MJ และเจ้าของเสียงที่ผมยกให้เป็น MVP ของหนังเรื่องนี้นั่นก็คือ Betty ตัวละครแฟนสาวของ Ned และหนึ่งในเพื่อนร่วมทริปของPeter ต้องให้เครดิตทั้งน้ำเสียงของนักพากย์และทีมงานที่คัดเลือกมารับบท โดยฉากที่ทำให้ผมรู้สึกประทับในใจเสียงพากย์ของ Betty ก็คือฉากธรรมดา ๆ อย่างฉากบนเครื่องบินในตอนที่ Ned จับพลัดจับผลูได้มานั่งข้าง ๆ Betty จากนั้น Ned จึงพยายามหาเรื่องคุยโดยการชวน Betty เล่นเกมบนเครื่องบิน และเสียงที่ตอบกลับมาว่า "ไม่" ที่ออกเสียงเหมือนพยายามจะปิดปากหลังสิ้นคำ ให้เข้ากับปากที่ขยับเป็นคำว่า "Nope" นั่นแหละ มันทำให้ผมรู้สึก ว้าว ออกมาเลย เหมือนเสียงที่ออกมาเป็นเสียงที่เปล่งออกมาจาก Angourie Rice (นักแสดงที่รับบท Betty) จริง ๆ และจากนั้นผมก็อินไปกับเสียงของ Betty ทุกฉากที่เธอออกมานักพากย์นั้นสำคัญไฉน ลองคิดง่าย ๆ เป็นลำดับขั้นตอนการถ่ายทอดของหนังหนึ่งเรื่องจากผู้กำกับก่อนจะถึงการเสพหนังของผู้ชม หนังบรรยายไทย : เริ่มจากผู้กำกับ -> นักแสดง -> ผู้ชม แต่ถ้าเป็นหนังพากย์ไทย จะเป็น ผู้กำกับ -> นักแสดง -> นักพากย์ -> ผู้ชม นั่นคือความสำคัญของนักพากย์ ที่เป็นหนึ่งในส่วนสำคัญของการถ่ายทอดหนังหนึ่งเรื่องที่เริ่มจากผู้กำกับไปสู่ผู้ชม ส่วนตัวผมคิดว่านักพากย์ก็เปรียบเสมือนนักแสดง ต่างกันที่นักพากย์ใช้เพียงเสียงในการแสดงเท่านั้น เมื่อมีแค่เสียงที่ต้องแสดงออกไป การถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกผ่านเสียงให้เข้ากับอารมณ์ความรู้สึกของนักแสดงจึงสำคัญมาก ๆ คำคำเดียวกันกับน้ำเสียงที่สื่อออกมาผิดเพี้ยนไปอาจทำให้คนดูเข้าใจบริบทของตัวละครผิดไปได้ และอีกจุดสำคัญคือโทนเสียงที่เข้ากับหน้าตาและลักษณะของนักแสดง เป็นเรื่องที่หากเข้ากันก็เข้ากันไปเลย ถ้าไม่เข้ากันก็ขัดใจไปเลย เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนมาก ๆ ทั้งหมดนี้เพื่อทำให้ผู้ชมไม่เสียอรรถรสจากความขัดแย้งระหว่างการแสดงด้วยสีหน้าท่าทางของนักแสดง และการแสดงด้วยเสียงของนักพากย์สุดท้ายนี้ทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับรสนิยมของแต่ละคนนะครับ ส่วนตัวผมนั้นชอบดูหนังแบบบรรยายไทยอยู่แล้ว แต่หลังจากได้ดู Spiderman Far From Home ฉบับพากย์ไทยก็ทำให้รู้สึกว่าอยากลองเปิดใจให้หนังพากย์ไทยมากขึ้น หากดูแล้วชอบในผลงานการพากย์และสนับสนุนวงการพากย์เสียงไปเรื่อย ๆ ผมคิดว่าวงการพากย์เสียงของไทยจะต้องไปได้ไกลขึ้นและดียิ่งขึ้นแน่นอน จากคนที่เคยไม่ชอบหนังพากย์ไทยเมื่อได้ดูแล้วรู้สึกประทับใจขนาดนี้ นั่นแสดงว่าทีมงานทำงานหนักและพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ เพราะการพากย์เพื่อไม่ให้คนดูเสียอรรถรสในการดูหนังและได้เสพการแสดง CG ฉากแอคชันต่าง ๆ ในเรื่องได้อย่างเต็มที่โดยไม่ต้องกังวลกับการอ่านบทบรรยายเป็นหน้าที่ของนักพากย์อยู่แล้วนี่ครับปล. จุดที่ผมได้เห็นเพิ่มจากการไปดูฉบับพากย์ไทยคือฉากช่วงสุดท้ายที่ Spiderman ใช้นิ้วกดเครื่องพ่นใยแล้วใยแมงมุมหมด ตรงเครื่องพ่นใยจะมีแสงสีแดงเล็ก ๆ ขึ้นตรงเครื่องเป็นสัญญาณว่าใยหมดแล้วนะ อะไรประมาณนี้ครับ (ฮา)ที่มารูปภาพ https://atomicfangirl.com/2019/03/25/check-out-the-new-london-berlin-and-venice-posters-for-spider-man-far-from-home/ , https://www.hollywoodreporter.com/heat-vision/spider-man-far-home-ned-betty-romance-was-dark-comics-1222140 , https://www.themarysue.com/happy-hogan-stan/ , https://rexusg.blogspot.com/2019/04/avengers-endgame-official-trailer.html *** ผมคือคนเดียวกับเจ้าของบทความจากต้นฉบับเพจ and the review goes to ครับ ***