จากตอนที่แล้ว ผมเริ่มเดินในโปรแกรมที่ 4 เสาชิงช้า โลหะปราสาท ภูเขาทอง ตามคำแนะนำของน้องจันทร์ เริ่มจากริมคลองรอบกรุง วัดราชบพิตร สามแพร่ง ศาลเจ้าพ่อเสือ วัดมหรรณพาราม ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคา จบที่ร้านมนต์นมสดร้านดังย่านถ.ดินสอ ไปกันต่อครับ ผมออกจากร้านมนต์นมสด เดินไปตามถ.ดินสอมุ่งหน้าโบสถ์พราหมณ์ ระหว่างทางแวะบ้านขนมปังขิงอยู่ในซอยหลังโบสถ์พราหมณ์ บ้านไม้เก่าอายุกว่าร้อยปีสไตล์ฝรั่ง ปัจจุบันเป็นร้านกาแฟกึ่งพิพิธภัณฑ์ มีขนมหวานทั้งและเทศพร้อมเครื่องดื่มร้อนเย็นนานาชนิดไว้คอยบริการ ร่มรื่นสวยงามมีคุณค่า ไปต่อกันที่เทวสถานโบสถ์พราหมณ์ หรือ สำนักพราหมณ์พระราชครูในสำนักพระราชวัง รัชกาลที่ 1 ทรงโปรดให้สร้างโบสถ์พราหมณ์ขึ้นและให้นำพราหมณ์จากภาคใต้ขึ้นมาประจำราชสำนัก ทำหน้าที่ประกอบพระราชพิธีสำหรับพระองค์และราชอาณาจักร ด้านหน้าจะมีเทวาลัยขนาดเล็ก เป็นที่ประดิษฐานเทวรูปพระพรหม ภายในจะมีโบสถ์ 3 หลัง คือ สถานพระอิศวร (โบสถ์ใหญ่) สถานพระพิฆเนศวร (โบสถ์กลาง) และ สถานพระนารายณ์ (โบสถ์ริม) โบสถ์ทั้ง 3 หลังห้ามถ่ายภาพภายในครับข้ามถนนไปฝั่งตรงข้ามเป็นลานกว้างมีเสาสูงสีแดงระดับความสูงแหงนคอตั้งบ่า เสาชิงช้าครับ เป็น สถาปัตยกรรม ที่สร้างขึ้นเพื่อใช้ประกอบพิธีโล้ชิงช้า ใน พระราชพิธีตรียัมพวาย ตรีปวาย ของ ศาสนาพราหมณ์-ฮินดู เดิมทีรัชกาลที่ 1 โปรดให้สร้างเสาชิงช้าในพระนครขึ้นตรงหน้าเทวสถานโบสถ์พราหมณ์ ต่อมาได้ย้ายไปตั้งที่หน้าวัดสุทัศน์ฯ จนถึงปัจจุบัน สำหรับพิธีโล้ชิงช้าได้ยกเลิกไปแล้วตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 7 ถ่ายรูปมุมต่างๆเป็นที่พอใจแล้วเข้าวัดกันต่อครับ วัดสุทัศนเทพวราราม สร้างในสมัยรัชกาลที่ 1 และแล้วเสร็จในสมัยรัชกาลที่ 3 เป็นวัดประจำรัชกาลของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล รัชกาลที่ 8 วัดสุทัศน์ฯเป็นส่วนหนึ่งในพิธีบรมราชาภิเษกในหลวงรัชกาลที่ 10 ระหว่างวันที่ 4-6 พ.ค. 2562 นั้น พิธีกรรมที่สำคัญ คือพิธีเสกน้ำศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งกำหนดให้ประกอบพิธีพลีกรรมเกี่ยวกับตักน้ำอภิเษก วันที่ 6 เม.ย. พร้อมกันทุกจังหวัด และวันที่ 9 เม.ย. จัดพิธีเสกน้ำที่วัดในแต่ละพื้นที่ จากนั้นจะนำน้ำจากทุกแห่งไปเข้าสู่พิธีอภิเษกรวมกัน ในวันที่ 18 เม.ย. ที่วัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร และวันที่ 19 เม.ย. จะอัญเชิญน้ำอภิเษกแล้วนั้นไปยังวัดพระศรีรัตนศาสดาราม สถานที่ที่ประกอบพิธีเสกน้ำศักดิ์สิทธิ์รวมกันทั่วประเทศ ได้แก่ พระวิหารหลวง วัดสุทัศนเทพวราราม ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นศูนย์กลางจักรวาล ศูนย์กลางพระนคร มีพระศรีศากยมุนีเป็นพระประธานในวิหารหลวง สำหรับในพระอุโบสถของวัดสุทัศน์ฯ จัดว่าเป็นพระอุโบสถที่ยาวที่สุดในประเทศไทย พระประธานภายในพระอุโบสถ คือ พระพุทธตรีโลกเชษฐ์ นอกจากนั้นขังเป็นที่ประดิษฐานพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร และได้อัญเชิญ พระบรมราชสรีรางคารของพระองค์ มาบรรจุที่ผ้าทิพย์ด้านหน้าพุทธบัลลังก์พระศรีศากยมุนี บริเวณหน้าวัดจะมีมุมถ่ายภาพที่เป็นสัญลักษณ์ของกรุงเทพมหานคร คือ มุมเสาชิงช้าและวิหารของวัดสุทัศน์ ออกจากวัดสุทัศน์ฯเดินไปข้าง ๆ ศาลว่าการกรุงเทพมหานคร ไปที่ร้านโกปี๊เฮี้ยะไถ่กี่ ณ เสาชิงช้า ร้านที่ชาวต่างชาติชอบมานั่ง มีอาหารและเครื่องดื่มบรืการทั้งวัน ตั้งแต่อาหารเช้าถึงอาหารเย็น บรรยากาศดี แต่คนไทยบางคนไม่ค่อยชอบ โดยให้เหตุผลว่าราคาสูงและอาหารไม่ถูกปากออกเดินจากร้านมาตามถ.บำรุงเมือง ผมชอบเรียกถนนสายนี้ว่าถนนสายพระ เพราะมีร้านค้ากิจการเกี่ยวกับวัด พระและงานบุญต่าง ๆ มากมาย เลี้ยวซ้ายเข้าถ.มหาไชย ผ่านมาดูร้านอาหารมิชลิน 2 ร้าน ร้านแรกร้านเจ๊ไฝ รางวัลมิชลินสตาร์ 1 ดาว อาหารเด็ด 5 เมนูได้แก่ ไข่เจียวปู ราดหน้าเป๋าฮื้อญี่ปุ่น ต้มยำกุ้ง ข้าวผัดกะเพราปูและกุ้งอบวุ้นเส้น จานเด็ดใกล้ ๆ กัน คือทิพย์สมัย ผัดไทยประตูผี ได้มิชลินไกด์ มิชลินเค้าให้รางวัลมาอร่อยหรือไม่อร่อยก็ว่ากันไปครับ เข้าวัดกันต่อครับ วัดเทพธิดาราม วัดนี้สร้างในสมัยรัชกาลที่ 3 เป็นศิลปแบบจีนเพราะเป็นช่วงที่มีการค้าขายกับจีน รูปแบบสถาปัตยกรรมจึงเป็นอาคารแบบไม่มีช่อฟ้า ใบระกา ต่างจากวัดในช่วงสมัยอื่น มีเครื่องประดับพระอารามที่เป็นตุ๊กตาจีนสลักหิน มีทั้งรูปคนและสัตว์ ตุ๊กตารูปคนบางตัวมีลักษณะท่าทางและการแต่งกายแบบจีน บางตัวแต่งกายแบบไทย สิ่งสำคัญในวัดนี้ได้แก่ 1.พระอุโบสถมีหลวงพ่อขาวประดิษฐานบนบุษบก เป็นพระประธานปางมารวิชัย สลักด้วยศิลาขาวบริสุทธิ์ 2.พระปรางค์ประจำทิศทั้งสี่ เป็นฝีมือช่างในสมัยรัชกาลที่ 3 องค์พระปรางค์ทั้ง 4 องค์ประดับประดาด้วยเงินเบี้ยและกระเบื้องจีน 3.หอไตรเป็นอาคารก่ออิฐถือปูน 2 ชั้น หอไตรมีไว้สำหรับเก็บรักษาพระคัมภีร์ใบลาน จารึกพระไตรปิฎกและคัมภีร์อื่น ๆ หอไตรหลังนี้ได้รับรางวัลด้านการอนุรักษณ์จาก UNESCO 4.ในพระวิหาร มีรูปหล่อลงรักปิดทอง หมู่ภิกษุณี จำนวน 52 องค์ นั่ง 49 องค์ ยืน 3 องค์ อยู่ในอิริยาบถต่าง ๆ หลากหลายท่า มีทั้งท่านั่งปฏิบัติธรรม ฟังธรรม ฉันหมาก สูบยา ยืนไหว้ นั่งพนมมือ 5.วัดนี้ยังเป็นที่จำพรรษาในขณะบวชของสุนทรภู่กวีเอกแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ กุฏิที่จำพรรษาในปัจจุบันเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์สุนทรภู่ วัดเทพธิดารามเก็บค่าเข้าชมสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ 100 บาท คนไทยไม่เสียครับ ตอนนี้จบลงตรงนี้ที่ริมรั้ววัดเทพธิดารามครับโปรดติดตามตอนต่อไป