ในสถานการณ์โควิด - 19 ที่ทำให้เราออกไปไหนมาไหนลำบาก การจะออกไปค้นหาตัวตนข้างนอก อย่างงานเปิดบ้าน (Open House) ของมหาวิทยาลัย งานค่ายของแต่ละคณะก็ดูจะเป็นเรื่องที่เห็นแสงแห่งความหวังเพียงเล็กน้อย ซึ่งเข้าสู่ช่วงปิดเทอมเตรียมขึ้นเทอม 2 กันแล้ว สำหรับม.ปลาย หลายๆ คนคงกำลังเตรียมตัวที่จะเข้าศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัยตามคณะที่เล็งไว้ แล้วถ้าตอนนี้บางคนยังไม่เจอคณะที่ใช่ล่ะจะทำอย่างไร ปัญหานี้หาทางออกไม่ยากเลย เพียงแค่เรามีอินเทอร์เน็ตในมือ แต่ต้องขอออกตัวก่อนว่าบทความนี้เป็นประสบการณ์ของผู้เขียนเอง และมันได้ผลลัพธ์ที่ดี ดังนั้นวันนี้จึงนำเคล็ดลับดีๆ ในการค้นหาคณะที่ใช่มาบอกแก่ทุกคนไม่ต้องเครียดจนเกินไปหากขึ้นม.6 เทอม 2 แล้วยังหาคณะที่ใช่ไม่เจอบางคนอาจจะรู้สึกกดดันเมื่อเพื่อนรอบข้างมีจุดมุ่งหมาย มีคณะเป้าหมายที่จะเข้าศึกษาต่อแล้วแต่เรากลับยังไม่มี ขอบอกก่อนเลยว่าไม่ใช่เรื่องแปลกที่เราจะยังหาคณะที่ใช่ไม่เจอ ดังนั้นไม่ต้องเครียดจนเกินไป คิดง่ายๆ เลยว่า เรายังเหลือเวลาอีกตั้งหนึ่งเทอม ให้กำลังใจตัวเองเข้าไว้ พอสมองปลอดโปร่งแล้วเราจะสามารถคิดวิเคราะห์สิ่งต่างๆ ได้ดีขึ้น เพราะถ้ามัวแต่กดดันตัวเองให้หาคณะที่ใช่เจอเร็วๆ อย่างไรก็อาจจะหาไม่เจอ 'จริงๆ ' ก็ได้ อย่าเลือกคณะเพียงเพราะเสียดายสายการเรียนเดิมเลือกเรียนต่อตามสายการเรียนเดิม คิดว่าคงมีคนใช้วิธีนี้ในการเลือกคณะอยู่ไม่น้อย ถ้ารู้สึกแฮปปี้กับการไปต่อในสายการเรียนเดิมที่เคยเรียนมาก็ดีไป แต่ถ้าไม่ล่ะจะทำอย่างไร อยากจะบอกทุกคนเลยว่า ไม่ต้องกังวล หรือเสียดายที่เราจะเปลี่ยนสายการเรียนตอนขึ้นมหาวิทยาลัย เพราะในระดับการเรียนมหาวิทยาลัยย่อมมีความเข้มข้นทางเนื้อหาที่ลงลึกมากกว่าระดับมัธยมอยู่แล้ว ให้ลองนึกภาพเราต้องอยู่กับการเรียนสายนี้ต่อไปอีก 4 ปี 5 ปี หรือ 6 ปี เรายังจะโอเคอยู่ไหม และในการไปเริ่มสายการเรียนใหม่ไม่ใช่เรื่องเกินกว่าที่เราจะทำได้ เนื่องจากปี 1 จะเป็นเหมือนการปรับพื้นฐานให้เราสามารถเริ่มใหม่ + ทุ่มเทใหม่ได้ตั้งแต่ตรงนั้นเลย แต่ในกรณีที่เราคิดจะเปลี่ยนสายการเรียนตอนเข้ามหาวิทยาลัยก็ต้องดูข้อกำหนดการรับเข้าศึกษาต่อของแต่ละคณะด้วย เพราะฉะนั้นส่วนนี้ขอให้ทุกคนศึกษาดูให้ดีก่อน สังเกตตัวเอง + แยกความคิดให้ออกหลังจากลดความกดดันในใจลงได้แล้วก็มาสังเกตตัวเองกัน ว่าในเวลาว่างมีอะไรที่ชอบทำเป็นพิเศษ หรือมีอะไรบ้างที่ทำได้ดีแล้วรู้สึกมีความสุขกับการทำในสิ่งนั้น แต่ต้องแยกให้ออกว่าเราทำเพื่อความผ่อนคลาย หรือทำเพราะอยากพัฒนาต่อเป็นอาชีพ เช่นชอบอ่านหนังสือมาก จะนิยาย การ์ตูน หรือหนังสือมีสาระ ก็ลองเอามาคิดต่อว่าเราชอบอ่านอย่างเดียวเพื่อความความบันเทิง หาความรู้ หรืออ่านแล้วรู้สึกอยากเขียน อยากพัฒนา เห็นตัวเองทำงานเกี่ยวข้องกับด้านนี้อีกกรณีหนึ่งสำหรับนิยาย/การ์ตูนคือ อ่านแล้วรู้สึกตัวละครเท่ห์จัง อาชีพตัวละครก็น่าสนใจ แบบนี้ก็สามารถช่วยให้หาคณะที่ใช่ได้นะ แต่ก็ต้องแยกให้ออกเหมือนเดิมว่าชอบแค่เพราะคาแรคเตอร์ตัวละครโดนใจเรา หรือเราอยากทำอาชีพนั้นจริงๆ ลองเสิร์ชหาอาชีพทุกคนได้ลองสังเกตตัวเองกันบ้างหรือยัง แล้วเป็นอย่างไรบ้าง ถ้าใครยังหาแนวทางไม่เจอก็ไม่ต้องเครียดไป มาสู่ขั้นตอนนี้กันดีกว่า จะสังเกตตัวเองจนหาแนวทางได้หรือไม่ได้ก็ขอให้ลองเสิร์ชหาอาชีพที่เรารู้สึกว่าน่าจะไปได้ดีกับความชอบ หรือสิ่งที่เราชอบทำเวลาว่าง แล้วลองดูว่าอาชีพนั้นต้องทำอะไรบ้าง ต้องเรียนจบจากคณะไหน ซึ่งที่ผู้เขียนแนะนำให้ข้ามไปเสิร์ชชื่ออาชีพแทนการเสิร์ชชื่อคณะก็เพราะว่า ในการเรียนการสอนที่เหมือนกัน แต่ละมหาวิทยาลัยอาจจะมีชื่อคณะที่ต่างกัน ส่องวิชาเรียนก่อนลงไปเรียนจริงเมื่อเราเริ่มรู้แนวทางแล้วว่า อยากเรียนคณะไหน ทีนี้เราลองมาดูวิชาที่เราจะได้เรียนในคณะนั้นๆ กันดีกว่า โดยแหล่งให้ข้อมูลที่น่าเชื่อถือมากที่สุดก็คือ 'เว็บมหาวิทยาลัย' ในนั้นจะมีข้อมูลเกี่ยวกับวิชาเรียนบอกหมดทุกคณะที่ทางมหาวิทยาลัยทำการเปิดสอนสาขา/ภาควิชาที่เปิดสอน รวมไปถึงสาขาวิชาโทที่เปิดสอนรายชื่อวิชาทั้งหมดที่มีการเปิดสอน พร้อมคำอธิบายประกอบโดยย่อ ซึ่งส่วนนี้สำคัญ สำหรับผู้เขียนถือเป็นแรงดึงดูด องค์ประกอบสำคัญที่ทำให้อยากเรียนคณะนั้นๆ มากขึ้นจำนวนหน่วยกิตที่ต้องเก็บตลอดหลักสูตร รวมไปถึงหน่วยกิตของวิชาเอกบังคับ เอกบังคับเลือก วิชาเลือก วิชาเลือกเสรี เป็นต้นซึ่งจะทำให้เราเห็นภาพรวมคร่าวๆ ว่าเข้าเรียนคณะนี้ที่มหาวิทยาลัยนี้จะได้เรียนวิชาอะไรบ้าง ตรงกับความต้องการของเราหรือไม่ แต่ในส่วนนี้จะไม่มีรีวิวบรรยากาศการเรียนจากรุ่นพี่ที่เคยเรียน ซึ่งถือเป็นข้อดีอย่างหนึ่ง เนื่องจากเราจะได้เลือกตัดสินใจจากความคิดของเราเองโดยไม่มีปัจจัยอื่น (ที่ในสถานการณ์จริงเราอาจจะเจอแบบนั้น หรือไม่ก็ตาม) มาทำให้ไขว้เขวในการตัดสินใจ แต่ถ้าใครอยากหารีวิวบรรยากาศการเรียน วิชาไหนเป็นยังไงก็ต้องลองเอาคีย์เวิร์ดไปสืบหาเพิ่มเติมตามแหล่งโซเชียลมีเดียช่องทางต่างๆ ได้ เสิร์ชหาดูเพื่อประกอบการตัดสินใจอีกทีหนึ่งก็ได้ หรืออีกทางเลือกหนึ่งคือ สั่งซื้อหนังสือ Born to be คณะที่สนใจจากช่องทางออนไลน์มาศึกษาข้อมูลภายในคณะเพิ่มเติมเป็นอย่างไรกันบ้างกับวิธีที่แนะนำไปข้างต้น หวังว่าจะมีส่วนช่วย พอเป็นแนวทางให้หาคณะที่ใช่เจอ หรือถ้าตอนแรกคิดว่าจะเข้าคณะนี้แต่พอได้ไปลองหาข้อมูลเชิงลึกแล้วกลับพบว่าไม่ชอบก็ยังสามารถเปลี่ยนใจทันก่อนที่จะได้เข้าเรียน และขอย้ำอีกครั้งว่าวิธีนี้มาจากประการณ์ตรงของผู้เขียนเองที่ตอนม.6 เทอม 2 แล้วยังหาตัวเองไม่เจอ เปลี่ยนคณะที่อยากเข้าไป 2 - 3 ครั้งได้ ซึ่งถ้ามีโอกาสที่มหาวิทยาลัยไหนจัดงานเปิดบ้าน หรือคณะไหนสามารถจัดงานค่ายได้แล้วก็แนะนำทั้งสองวิธีนี้มากๆ เช่นกัน สุดท้ายผู้เขียนหวังว่าทุกคนจะมีทางที่ใช่เป็นของตัวเองในสักวันหนึ่ง เครดิตภาพ :ภาพปก โดย นักเขียนภาพที่ 1 โดย @rawpixel.com จาก freepikภาพที่ 2 โดย @freepik จาก freepikภาพที่ 3 จาก su.ac.thภาพที่ 4 โดย @ViDIstudio จาก freepikอัปเดตข่าวสาร และแหล่งเรียนรู้หลากหลายแบบไม่ตกเทรนด์ บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !