หากได้ติดตามข่าวสารตั้งแต่ช่วงปลายปี 2019 ประมาณเดือนธันวาคม จะเป็นที่ทราบกันดีว่า ได้มีเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่ที่ชื่อว่า "โคโรน่า" ได้ลุกลาม และระบาดในวงกว้างของประเทศจีนไปกว่า 440 ราย เสียชีวิตแล้ว 9 ราย และไทยเราเองก็มีผู้ติดเชื้อแล้ว 4 รายด้วยกัน (ข้อมูลอัพเดต วันที่ 22 มกราคม 2020) วันนี้เราจะมาทำความรู้จักไวรัสตัวโคโรน่า พร้อมวิธีการดูแลและป้องกันตัวเองจากไวรัสชนิดนี้กันค่ะ ไวรัสโคโรน่า หรือ ไวรัสอู่ฮั่น ได้เริ่มต้นระบาดจาก เมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน เป็นโรคติดต่อระบบทางเดินหายใจเฉียบหลันจากเชื้อไวรัส ติดต่อได้ง่ายผ่าน การไอ จาม ซึ่งไวรัสชนิดนี้สามารถพบได้ทั้งคนและสัตว์ กระทรวงสาะารณสุขของจีนได้มีการเก็บตัวอย่างไวรัสจากคนไข้รายหนึ่ง แล้วนำไปตรวจสอบในห้องปฏิบัติการ และทางจีนรวมถึงอนามัยโลก (WHO) ออกมายืนยันและเรียกโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสชนิดนี้ว่า "โรคปอดอักเสบ" หรือ Pneumonia เดิมทีโรคปอดอักเสบจากไวรัสโคโรน่า อยู่ในตระกูลเดียวกับไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคซาร์ส (SARS) หรือโรคระบบทางเดินหายใจเฉียบพลันร้ายแรงที่เคยระบาดเมื่อช่วงหลายปีก่อน โดยผู้ป่วยจะมีอาการไข้สูง เหงื่อออก หนาวสั่น อ่อนเพลีย มีอาการไอ หายใจเหนื่อยหอบ ถ่ายเหลว โดยผู้ป่วยส่วนใหญ่มีประวัติเคยไปซื้อของที่ตลาดอาหารทะเลแห่งหนึ่งในเมืองอู่ฮั่น หรือเป็นพ่อค้าแม่ขายในตลาด ซึ่งเป็นตลาดที่มีการค้าสัตว์ทั้ง นก ไก่ฟ้า งู เครื่องในกระต่าย และสัตว์ป่าอื่น ๆ ปัจจุบันด้านสุขาภิบาลสิ่งแวดล้อมของทางจีน ได้มีการปิดตลาดแห่งนี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว วิธีป้องกันไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 1. หลีกเลี่ยงการอยู่ในสถานที่แออัด หรือบริเวณที่มีฝั่นควัน 2. สวมใส่หน้ากากอนามัยป้องกัน เมื่อออกนอกบริเวณที่พักอาศัย 3. ไม่อยู่ใกล้ชิดผู้ป่วยที่มีอาการไอ จาม 3. ระหว่างเดินทางต่างประเทศ หลีกเลี่ยงการเข้าไปตลาดค้าสัตว์มีชีวิต การสัมผัสหรืออยู่ใกล้ชิดกับสัตว์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสัตว์ที่ป่วย หรือตาย 4. หลีกเลี่ยงการกินสัตว์แปลก ๆ หรือเนื้อสัตว์ที่ไม่สุก 5. ไม่นำมือมาสัมผัสตา จมูก ปาก ควรล้างมือให้สะอาดอยู่เสมอด้วยน้ำและสบู่ หรือแอลกอฮอล์เจลล้างมือ 6. รักษาร่างกายให้อบอุ่นอยู่เสมอ และนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ 7. หลังเดินทางกลับประเทศไทย หรือถ้ามีไข้ ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก หายใจเหนื่อยหอบ ให้สวมหน้ากากอนามัย และรีบไปพบแพทย์ทันที พร้อมทั้งแจ้งประวัติการเดินทาง หรือแม้แต่ไม่ได้เดินทางไหนต่างประเทศแต่มีอาการดังกล่าว ก็ควรไปพบแพทย์เช่นกัน อย่างไรก็ตามแม้ว่าเชื้อไวรัสชนิดนี้จะสามารถรักษาให้หายได้ แต่ก็ยังไม่มีการรักษาเฉพาะที่แน่ชัด เช่น ยาต้านไวรัส ข้อมูลการใช้ยาต้านไวรัสมีค่อนข้างจำกัด เและวัคซีนป้องกันโรคยังไม่สามารถผลิตได้ ดังนั้นการรักษาในปัจจุบัน จึงมุ่งเน้นไปที่รักษาตามอาการเป็นหลัก รวมทั้งรักษาด้านระบบหายใจ ให้การช่วยเหลือในกรณีที่มีภาวะขาดออกซิเจน เท่านั้น การป้องกันตัวเองให้ห่างไกลจากโรคและไวรัสชนิดนี้ เพื่อประโยชน์กับตัวคุณเอง และคนที่คุณรักค่ะ **หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติม สอบถามได้ที่ สายด่วนกรมควบคุมโรค 1422 เครดิตรูปภาพ ภาพโดย _freakwave_ จาก Pixabay