“ การศึกษา คือรากฐานสำคัญของชีวิต ” ถ้าการเป็นพ่อแม่ว่าถือว่ายากแล้ว การเลือกโรงเรียนให้ลูกนั้น ยากเยิ่งกว่า เราเชื่อว่า พ่อแม่ทุกคนรักและอยากเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้ลูกเสมอ เรื่องของการศึกษาก็เช่นกัน ต้องบอกก่อนว่า ส่วนตัวไม่ได้แอนตี้ หรือ ปฏิเสธการศึกษากระแสหลัก (Mainstream School) เพียงแต่คิดว่า การเรียนแบบนั่งเรียน อ่านเขียน ท่องจำ จะตอบโจทย์การใช้ชีวิตของลูกเราในอีก 20-30 ปีข้างหน้าหรือเปล่า? ถ้าคำตอบคือ " ไม่ " วันนี้เรามีอีกทางเลือกมาให้ค่ะ โรงเรียนทางเลือกคืออะไร ... คือ โรงเรียนที่ไม่เน้นวิชาการ ไม่เน้นการเรียนอ่านเขียน ท่องจำ บางโรงเรียนจะไม่สอนวิชาการแนวอ่านเขียนเลย โรงเรียนทางเลือกจะให้ความสำคัญกับตัวเด็ก ให้เด็กเป็นศูนย์กลางของการเรียนรู้ ให้อิสระเด็กในการเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ส่วนใหญ่จะเป็นการให้เด็กเรียนรู้จากการลงมือปฏิบัติจริงหลักสูตรมอนเตสซอรี่ (Montessori) เป็นหลักสูตรที่มีความเชื่อว่า เด็กทุกคนมีความสามารถ หากได้รับการส่งเสริมที่เหมาะกับพวกเขา โดยโรงเรียนจะเน้นให้เด็กเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ ครูจะคำนึงถึงพัฒนาการของเด็กแต่ละบุคคล บรรยากาศในห้องเรียน จะมีชั้นวางอุปกรณ์การเรียนรู้ วางไว้เป็นหมวดหมู่ ใครอยากเรียนอะไรก็สามารถไปหยิบมาได้ โดยที่แต่ละคนไม่จำเป็นต้องเรียนเหมือนกัน สำหรับโรงเรียนที่ใช้หลักสูตรแนวการเรียนการสอนแบบมอนเตสซอรี่ เช่น โรงเรียนอนุบาลกรแก้ว , โรงเรียนสมบุญวิทย์ , โรงเรียนสาธิตปทุม เป็นต้น หลักสูตรวอลดอร์ฟ (Waldorf Education) จะให้ความสำคัญกับความเป็นธรรมชาติ เคารพความแตกต่างของเด็กแต่ละคน และให้ความสำคัญกับจินตนาการของเด็กมาก ๆ ( แอบกระซิบว่า บ้านไหนที่ส่งเสริมให้ลูกดูสื่อ อาจจะไม่เหมาะกับแนวนี้ ) ในวัยอนุบาลโรงเรียนจึงไม่สนับสนุนให้เด็กดูสื่อ เพราะ จะไปปิดกั้นจินตนาการของเด็กได้ ... ในห้องเรียนอนุบาล จะมีเด็กคละอายุกัน คือ 3-6 ขวบ อยู่รวมกันเลย ไม่แบ่งชั้น และอยู่ด้วยกันตลอด 3 ปี ครูอนุบาลซึ่งทำหน้าที่เหมือนแม่ ก็จะอยู่กับเด็กตลอด 3 ปีเช่นกัน ที่สำคัญ ในช่วงอนุบาล โรงเรียนวอลดอร์ฟ ไม่มีการเรียนการสอนนะคะ ไม่อ่าน ไม่เขียน ไม่มีการสอบเลื่อนชั้น เด็ก ๆ จะเริ่มไปเรียนอ่านเขียนเมื่อขึ้นชั้นประถม เด็กจะเรียนรู้ผ่านการเล่นค่ะ สำหรับโรงเรียนแนววอลดอร์ฟ เช่น อนุบาลบ้านรัก (มีตั้งแต่ระดับเนอสเซอรี่ - อนุบาล3 เท่านั้น) , โรงเรียนปัญโญทัย (อนุบาล 1 - ม.6) , โรงเรียนไตรพัฒน์ (อนุบาล 1 - ม.6) เป็นต้นหลักสูตรวิถีพุทธ จะมีการเรียนการสอนที่เหมือนกับโรงเรียนปกติทั่วไปค่ะ แต่จะนำหลักธรรมของพระพุทธศาสนามาประยุกต์ใช้ในการพัฒนาเด็ก เพื่อให้เด็กได้เกิด ศีล สมาธิ และ ปัญญา จุดเด่นของโรงเรียนวิถีพุทธ น่าจะอยู่ตรงที่มีการจัดการเรียนรู้แบบ “ สอนให้รู้ ทำให้ดู อยู่ให้เห็น ” ดังนั้นกิจกรรมที่จะเกิดขึ้นในโรงเรียนวิถีพุทธ ก็จะเป็นกิจกรรมที่เด็ก ๆ จะได้รู้จักคิด และได้นำไปฝึกปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอ เช่น สวดมนต์ก่อนและหลักเลิกเรียน การนั่งสมาธิ เข้าร่วมและทำกิจกรรมในวันสำคัญทางพุทธศาสนา หรือแม้แต่ การเข้าค่ายธรรมะ และโรงเรียนที่ใช้แนวทางหลักสูตรวิถีพุทธ เช่น โรงเรียนทอสี , โรงเรียนรุ่งอรุณ , โรงเรียนสยามสามไตร เป็นต้น โดยส่วนตัวแล้ว เรามีความชอบโรงเรียนแนววอลดอร์ฟเป็นพิเศษ เราชอบความเป็นธรรมชาติของโรงเรียน สนามหญ้าจริง ต้นไม้จริง ไม่มีตัวการ์ตูนดึงดูดเด็ก ทำให้เด็กอยากไปโรงเรียนเพราะอยากไปจริงๆ ไม่ได้เพราะมีอะไรไปดึงดูดเขา โรงเรียนวอลดอร์ฟ เมื่อถึงเวลาเปลี่ยนผ่านกิจกรรม จะไม่มีสัญญาณบอก ไม่มีกริ่ง แต่ครูจะร้องเพลงเพื่อให้เด็กได้รู้ว่า ถึงเวลาต้องทำกิจกรรมต่อไป ซึ่งส่วนตัวแล้วลูกเราชอบร้องเพลงมาก คิดว่าเขาน่าจะสนุกไปด้วย ถามว่าทำไม ไม่กลัวลูกเรียนไม่ทันคนอื่นเหรอ ... ไม่ค่ะ ไม่กลัวเลย เราไม่ใช่แม่สายวิชาการ เราไม่ได้ภูมิใจถ้าเห็นลูกจะอ่านออกเขียนได้เร็วกว่าคนอื่น สิ่งที่เราอยากได้คือ เห็นลูกได้เติบโตอย่างเป็นธรรมชาติ ได้หล่อเลี้ยงความเป็นเด็ก หล่อเลี้ยงจินตนาการ และเติบโตขึ้นอย่างสมวัย รู้จักหน้าที่และความรับผิดชอบทั้งตัวเองและส่วนรวมให้ได้ อันนั้นคือสิ่งที่เราต้องการ สำหรับใครที่ยังลังเลอยู่ว่าจะให้ลูกเข้าโรงเรียทางเลือกดีไหม ให้ถามตัวเองก่อนค่ะ ว่า ... มีเวลาหรือเปล่า เพราะ โรงเรียนไม่ได้เน้นวิชาการ จึงต้องมีกิจกรรมที่ต้องให้ผู้ปกครองเข้ามามีส่วนร่วม และ เด็กจะพัฒนาได้ ไม่ได้อยู่ที่โรงเรียนอย่างเดียวค่ะ กลับมาบ้าน คุณพ่อคุณแม่ก็ต้องมีส่วนร่วมกับลูก ๆ ด้วย ... สอง ควรศึกษาถึงแนวทางของแต่ละโรงเรียนให้ดี ๆ หลายครั้งที่ คุณพ่อคุณแม่ให้ลูกเรียนทางเลือก แต่ดันให้ออกกลางคัน อันนี้จะเหนื่อยทั้งผู้ปกครองและตัวเด็กค่ะ ถ้าจะถามถึงข้อดีของโรงเรียนทางเลือก เราว่า จุดเด่นอยู่ที่ เด็กได้เล่น ได้เรียนอย่างเป็นอิสระ อันนี้จะทำให้เด็กโตขึ้นมา กล้าคิดกล้าทำสิ่งต่างๆ , ไม่เร่งวิชาการ แน่นอนว่าเด็กจะไม่เครียด ทำให้เด็กอยากไปโรงเรียน , ครูได้ใกล้ชิดกับเด็ก เนื่องจากโรงเรียนทางเลือก จำนวนเด็กต่อห้อง ไม่ได้มากจนเกินไป ทำให้ครูได้ใกล้ชิดกับเด็กและรู้จักตัวตนของเด็กแต่ละคนจริงๆ และสำหรับข้อด้อยของโรงเรียนทางเลือกในความคิดของเราคือ แพงค่ะ เมื่อเทียบกับโรงเรียนกระแสหลักแล้ว ค่าเทอมของโรงเรียนทางเลือกนี่ก็คือ โรงเรียนเอกชนดีๆนี่แหละค่ะ , ปัญหาการเรียนต่อ อย่างที่ทราบกันดีว่า โรงเรียนทางเลือกที่ค่อนข้างจะมีแนวเฉพาะทาง ไม่ว่าจะเป็นวอลดอร์ฟ หรือ มอนเตสซอรี่ อาจจะได้รับความนิยมในช่วงวัยอนุบาลแต่พอขึ้นระดับประถมหรือมัธยม โรงเรียนเหล่านี้กลับมีไม่หลากหลาย ทำให้หลายคนต้องกลับเข้าไปเรียนในระบบ สุดท้ายนี้ ไม่ว่าโรงเรียนไหนแนวไหน ก็มีข้อดีข้อเสียด้วยกันทั้งนั้นค่ะ เลือกให้เหมาะกับแนวทางของแต่ละบ้าน เลือกให้เหมาะกับลูกของเรา คงไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าการที่เราได้เห็นลูกของเราได้เรียน และได้ใช้ชีวิตให้มีความสุข จริงไหมคะขอขอบคุณภาพปก : ผู้เขียน / จาก PIC1 : pixabay/ Pic 2 : ผู้เขียน/ PIC3 : pixabay