โลกอนาคตในปี ค.ศ.2030มนุษย์จะใช้เทคโนโลยีมาช่วยในการดำรงชีวิตมากขึ้น จะมีการพัฒนาเศรษฐกิจแบบก้าวกระโดด และมีการเดินทางทางอากาศมากขึ้น แต่จะเป็นแบบออโตเมชั่นมากขึ้น โดยเครื่องบินรุ่นใหม่ๆ จะสามารถใช้ระบบควบคุมอัตโนมัติ และมีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ระบบไฮเปอร์ลูป (Hyperloop) จะถูกนำมาใช้งานแทนที่การเคลื่อนที่ทางราง และถนน แต่จะยังไม่สามารถแทนที่เครื่องบินได้ทั้งหมด เนื่องมาจากข้อจำกัดในการเดินทางระหว่างประเทศ แต่การเดินทางภายในประเทศอาจจะแทนที่ด้วยระบบไฮเปอร์ลูป (Hyperloop) และการเดินทางโดยเครื่องบินจะยังคงใช้อยู่ในการเดินทางระหว่างประเทศ และ ภาษาอังกฤษจะเป็นภาษาหลักในการติดต่อสื่อสารทั่วโลก จีนกับรัสเซียจะพัฒนาความสัมพันธ์ถึงขีดสุด และกลายมาเป็นมหาอำนาจของโลก ส่วนสหรัฐอเมริกา และอียูจะพัฒนาไปเป็นอีกขั้วอำนาจ ในอนาคตขั้วอำนาจจะแบ่งออกเป็นสองขั้วหลักที่นำโดยกลุ่มอเมริกา และอียู กับกลุ่มรัสเซีย และจีน การท่องเที่ยวจะพัฒนาออกไปสู่การเดินทางออกนอกชั้นบรรยากาศโลก ซึ่งเราจะได้เห็นการเดินทางไปดาวอังคาร และมีการทดลองทางวิทยาศาสตร์เกิดขึ้นที่นั่น และโรงแรมที่ตั้งบนสถานีอวกาศนานาชาติจะเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นในโลกอนาคต ในช่วงเวลานั้น สถานีบริการน้ำมันจะค่อยๆ หายไป และจะกลายเป็นสถานีชาร์จไฟฟ้าให้กับรถอีวีแทน โลกจะเข้ายุคดิจิตอลอย่างเต็มรูปแบบ ที่ใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์มาแทนที่สิ่งของ เครื่องใช้ในชีวิตประจำวันของมนุษย์ ระบบราชการจะยืดหยุ่นคล้ายระบบบริษัทเอกชนในปัจจุบันเพื่อปรับตัวให้เข้ากับโลกยุคใหม่ แต่ระบบเอกชนจะยิ่งยืดหยุ่นมากกว่าเดิมสามารถทำงานได้จากทุกสถานที่ ไม่ว่าจะเป็นบ้าน ร้านกาแฟ หรือแม้แต่ในระหว่างการเดินทางท่องเที่ยวด้วยรถยนต์ที่เคลื่อนที่อัตโนมัติไร้คนขับ การพบปะลูกค้าจะลดลง แต่จะแทนที่ด้วยการให้บริการแบบสมบูรณ์ นั่นคือ ผ่านเทคโนโลยีสื่อสารทุกประเภทเพราะในยุคนั้นเทคโนโลยีสื่อสารจะกลายไปเป็นคอมพิวเตอร์ที่สามารถลดขนาด นั่นคือเทคโนโลยีโฮโลแกรมจะถูกนำมาใช้งาน แทนที่ นั่นหมายถึง คุณจะอยู่ในโลกเสมือนที่คอมพิวเตอร์ไม่ได้แสดงผลบนหน้าจอมอนิเตอร์ แต่จะปรากฏอยู่ภาพสามมิติที่สร้างขึ้นด้วยระบบคอมพิวเตอร์ที่ขนาดเล็กลง และสามารถใช้งานได้ทุกที่ ในขณะที่น้ำหนักก็เบาลงเช่นกันในการพกพาไปยังที่ต่างๆความสัมพันธ์ของมนุษย์จะกว้างขึ้น และมีการผสมผสานเผ่าพันธุ์ของมนุษย์ไปเป็นวงกว้าง โลกทั้งใบจะแคบลงเนื่องจากการเดินทางทางอากาศจะเร็วขึ้น สนามบินจะมีระบบการลงจอดที่ปลอดภัยมากยิ่งขึ้น และใช้พลังงานลดลง ในขณะที่ความปลอดภัยเพิ่มสูงขึ้นด้วยระบบอัตโนมัติที่คำนวนการลงจอดด้วยคอมพิวเตอร์ ส่วนการขนส่งทางรางจะทันสมัยมากยิ่งขึ้น และไม่แน่ว่ารถยนต์อาจจะไม่ต้องมีล้อในปี ค.ศ. 2050 ด้วยการเคลื่อนที่บนถนนรูปแบบใหม่ที่สร้างขึ้นด้วยระบบการเคลื่อนที่ด้วยพลังงานไฟฟ้า ที่สร้างมาเพื่อรถยนต์ประเภทนี้โดยเฉพาะ และจะยังคงพัฒนาต่อไปก็เป็นได้ ในเมื่อรถยนต์เคลื่อนที่อัตโนมัติได้ ถนนก็จะถูกสร้างให้เป็นอัตโนมัติด้วยเช่นกันในปี ค.ศ. 2030 การใช้กระดาษจะค่อยๆ หมดไป ทุกอย่างจะแทนที่ด้วยการจัดเก็บเอกสารผ่านระบบคอมพิวเตอร์ที่พัฒนาให้มีหน่วยความจำมากยิ่งขึ้น และสามารถค้นหาเอกสารต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว หนังสือจะแทนที่ด้วยหนังสืออีบุ๊ค หนังสือเสียง และหนังสือสามมิติ มนุษย์จะสร้างโลกเสมือนขึ้นมาอย่างไม่สิ้นสุด การค้าขายจะรวดเร็ว และไม่จำเป็นต้องมีระบบเงินตรากระดาษอีกต่อไป และเมื่อถึงวันที่โลกพัฒนาไปได้พร้อมๆ กัน เราอาจได้เห็นเงินสกุลเดียวกันทั้งโลกเพื่อลดความสับสนในการแลกเปลี่ยนเงินตรา หรืออาจจะมีเหลือเพียงไม่กี่เงินตราที่ใช้กัน และการพัฒนาการค้าไปทั่วทุกภูมิภาคไม่ว่าโลกจะเปลี่ยนแปลงไปมากแค่ไหน มนุษย์จะรักษาปฏิสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์ และจะมีมนุษย์บางกลุ่มที่ลดปฏิสัมพันธ์ลง และเข้าสู่การใช้ชีวิตในโลกเสมือน เช่น การมีแฟนในโลกเสมือน การสร้างตัวตนขึ้นมาในโลกเสมือนจะมีให้เห็นกันเพิ่มมากขึ้น เทคโนโลยีเหล่านี้จะมาตอบโจทย์คนในแต่ละกลุ่ม และเติบโตไปพร้อมๆ กัน ในโลกเทคโนโลยีที่พัฒนาไปเขียนโดย จารุภัทร์ ปานพรหมินทร์ ภาพที่ 1 freepik ภาพที่ 2 freepik ภาพที่ 3 freepik ภาพที่ 4 freepik เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !