เมื่อประมาณ 2 ปี (พ.ศ.2560) ที่ผ่านมา ผมแนะนำเพื่อนสนิทให้ออกกำลังกาย เพื่อนคนนี้ทำงานประจำ เวลาทำงานก็เหมือนกับพนักงานประจำทั่วไป คำตอบที่เพื่อนตอบผมมา “ไม่มีเวลา” ผมก็บอกเกี่ยวกับเรื่องออกกำลังกายมาตลอด การออกกำลังกายมีหลายแบบ ไปที่สนามกีฬาก็ได้ (สนามกีฬาอยู่ห่างจากบ้านเพื่อนประมาณ 500 เมตร และเดินออกจากบ้านมา 20 เมตร ก็มีลานโล่งกว้าง) ผมพูดเรื่องนี้จนรู้สึกรำคาญตัวเอง และคิดว่าเพื่อนก็คงรำคาญผมเช่นกัน ก็เลยไม่พูดเรื่องนี้ต่อ จนมาวันหนึ่งเพื่อนเข้าโรงพยาบาลเพราะมีความผิดปกติของร่างกาย เขามาเล่าให้ผมฟังทีหลังว่า หมอบอกว่าเป็นไขมันพอกตับ และ... หมอ: ลุงเป็นไขมันพอกตับ (เพื่อนผมอายุ 53 ปี) เพื่อน: หมอมียาอะไรที่รักษาหายได้บ้าง หมอ: ไม่มียาที่รักษาให้หายได้ครับ เพื่อน: อ้าว... แล้วผมต้องทำยังไงครับ หมอ: คุมอาหาร และออกกำลังกายครับ หลังจากวันนั้น เขาฝากผมซื้อรองเท้ากีฬาแล้ว 3 คู่ ชุดกีฬาทั้งที่เขาซื้อเอง และฝากผมซื้อรวมแล้ว 6 ชุด วันแรกที่เขาเริ่มวิ่ง ได้ 50 เมตรเหนื่อยจนต้องหยุด ทุกวันนี้วิ่งวันละ 5 ก.ม.นอกจากวิ่ง ก็มีท่าสควอท ท่าแพลงกิ้ง ตอนที่ผมบอกให้ทำ สควอท กับ แพลงกิ้ง ก็มีข้ออ้างอีก ผมทำท่าสควอทให้เขาดู ก็ตอบกับมาว่าไม่ได้ว่ะกลัวหัวเข่าเสีย ผมก็บอกว่าเออ... ลองทำดูก่อน ทีละนิดก็ได้ พอมาท่าแพลงกิ้ง ผมบอกว่าลองสัก 20 วินาทีก่อนเพราะยังไม่ได้เคยทำ เขาตอบกับมาว่าเดี๋ยวจะลองสัก 1 นาที ผมก็เออตามใจ วันรุ่งขึ้นมาบอกผมว่าทำแพลงกิ้งได้ 10 วินาที แต่ปัจจุบันนี้ทั้ง 2 ท่าทำได้ดีขึ้นมากแล้วครับ หลังจากที่เขามีเวลาแล้ว ทั้งที่งานก็ยังทำอยู่เหมือนเดิม เขาไปหาหมอตรวจร่างกาย สุขภาพเขาดีขึ้นมาก จนหมอถามว่าลุงไปทำอะไรมา เขาตอบหมอว่าก็ทำตามที่หมอบอกนั้นแหละครับ ส่วนผมก็ถามเพื่อนว่าทำไมตอนนี้มีเวลาออกกำลังกาย เขาตอบว่า “กูกลัวตาย” คำว่าไม่มีเวลา เราอาจจะใช้เป็นข้ออ้างได้กับเรื่องหลาย ๆ เรื่อง แต่ลองคิดดูดี ๆ แค่คำนี้ มันก็ทำให้เราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงตัวเอง หรือนำตัวเราเองออกจากสถานะปัจจุบันไปสู่สิ่งที่ดีกว่าได้