Food Riders อาชีพคนส่งอาหาร อาชีพอิสระ ที่อาจจะไม่อิสระอย่างที่หลายคนคิด ด้วยภาวะวิกฤตเศรษฐกิจ จากโควิด 19 ทำให้ผมและเพื่อนๆ ในสายงานอาชีพโรงแรมและการท่องเที่ยว ได้รับผลกระทบค่อนข้างหนักหน่วงพอสมควร รายได้ที่เคยกอบโกยได้เป็นกอบเป็นกำ ได้หายไปชั่วพริบตา จากงานที่รายได้หลักมาจากค่าบริการ (service charge)และทิปของหนักท่องเที่ยวต่างชาติกระเป๋าหนัก ต้องหยุดชะงัก พวกเราชาวโรงแรม จึงต้องหารายได้เสริมมาทดแทนส่วนของรายได้ที่หายไป แม้ทางโรงแรมเอง เจ้าของท่านใจดี ยังจ่ายเงินเดือนให้ตามปกติ(จ่ายเฉพาะเงินเดือน-ไม่มีเงิน service charge) แต่ก็ไม่ได้เพียงพอต่อภาระค่าใช้จ่าย ที่ไม่ได้ลดน้อยลงตามรายได้แต่อย่างใด ผมและเพื่อนๆจึงมองหาหนทางสร้างรายได้เสริมขึ้นมา ไรเดอร์เดลิเวอรีหรืออาชีพส่งอาหาร เป็นตัวเลือกอันดับแรกๆที่ผมคิดว่าเหมาะกับตัวผมเองมากที่สุดในช่วงเวลานี้ ด้วยนิสัยรักการบริการ และมีรถจักรยานยนต์คู่ใจเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว อีกทั้งยังเป็นงานที่อิสระ สามารถทำหลังเลิกงานได้ ไม่ได้มีข้อจำกัดเรื่องของเวลา ผมจึงตัดสินใจได้ไม่ยากเลยที่จะลองทำอาชีพนี้ เมื่อได้ตัดสินใจได้แล้วก็ได้เวลาสมัครเป็นไรเดอร์ พาร์ทเนอร์ แต่จะสมัครบริษัทไหนดีล่ะ (แต่ละบริษัทจะใช้คำว่าพาร์ทเนอร์ ไม่ใช่พนักงาน เนื่องจากไรเดอร์ ไม่ได้อยู่ในสถานะพนักงาน ไม่มีสวัสดิการใดๆ ดังเช่นพนักงานเอกชน) ผมใช้เวลาครุ่นคิดอยู่ไม่นานเท่าไหร่ จึงได้คำตอบว่า ควรสมัครบริษัทที่ได้รับความนิยมค่อนข้างมาก ในเขตใจกลางเมืองและครอบคลุม ใกล้ๆที่ทำงาน เพราะว่าหลังเวลาเลิกงานแล้ว ผมสามารถขับรถส่งอาหารต่อได้เลยไม่ต้องขับรถไกลๆ ผมจึงเลือกค่ายเขียวเข้มเป็นค่ายแรกที่สมัคร หลังจากส่งเอกสารและทำการเปิดระบบแล้วเรียบร้อย วันแรกของการทำอาชีพส่งอาหารก็ได้เริ่มขึ้น หลังจากเลิกงาน เวลา18.10 น.มีออเดอร์แรกเด้งเข้ามาในมือถือ พร้อมเสียงแจ้งเตือนดังลั่น ผมมองมือถือด้วยความตื่นเต้น ในแอปฯแจ้งสถานที่รับอาหารซึ่งไม่ไกลจากจุดที่ผมอยู่มากนัก ผมพร้อมรถจักรยานยนต์คู่ใจ จึงรีบไปที่ร้านอาหารทันที เมื่อถึงร้านอาหารและได้ทำการแจ้งเลขออเดอร์เรียบร้อยแล้ว จึงได้มานั่งรออาหารกับพี่ๆร่วมค่าย และต่างค่ายท่านอื่นๆ ระหว่างรอ ได้มีบทสนทนาที่พี่ต่างค่าย(ค่ายเขียวอ่อน) ผู้มาก่อนนั้นได้เอ่ยขึ้น "จะ40นาทีแล้ว ยังไม่ได้อาหารเลย" พลางหันหน้ามาสบตาผม ด้วยความที่เราเป็นมือใหม่ บวกกับความประหม่า จึงตอบบทสนทนาไปด้วยความไม่รู้ว่า"ถ้าไม่เกิน1ชม.ก็โอเคนะครับพี่" พี่ท่านนั้น ก็น่าจะพอรู้ว่าเราเป็นเด็กใหม่ มองจากการแต่งกาย ที่ยังไม่มียูนิฟอร์มบอกสังกัดค่ายเหมือนคนอื่นเขา ได้ให้คำแนะนำสำหรับมือใหม่อย่างผมไว้ดีมาก งานของค่ายเขียวอ่อน เป็นงานแบบแย่งกันกด ใครนิ้วไวมือไวหรือโทรศัพท์แรงๆก็จะสามารถแย่งงานได้มากกว่า แต่ก็จะไม่สามารถยกเลิกงานได้ เพราะถือว่าเราเป็นคนกดรับงานเองส่วนค่ายที่ผมขับอยู่เขียวเข้ม ใช้ระบบยิงงานจ่ายงานให้เป็นคนๆไป สามารถยกเลิกงานได้ แต่อาจจะเสียเปอร์เซ็นต์การรับงานไป ข้อดีก็คือค่ายเขียวอ่อน ถ้ากดงานได้ก็จะมีงานให้ขับอยู่เรื่อยๆ แต่ค่ายเขียวเข้มนั้น บางช่วงก็อาจจะไม่จ่ายงานให้เรา ถ้าบริเวณนั้นมีคนขับอยู่มาก งานก็จะเฉลี่ยๆกันไป พี่ท่านผู้เคยขับเขียวเข้มมาก่อนเล่าให้ฟังอย่างตั้งใจ แกยกตัวอย่างให้ฟังว่า บางทีแกกดงานได้แต่ร้านกาแฟ ร้านน้ำ ซึ่งจะใช้เวลาในการทำค่อนข้างรวดเร็ว ทำให้บางครั้งภายใน 1 ชั่วโมง แกรับงานได้ถึง 3-4 งาน ถ้าระยะทางแต่ละครั้งไปส่งไม่ไกลเกิน 1-3 กิโลเมตร แต่ครั้งนี้ได้งานนี้ซึ่งร่วมๆจะ 1 ชั่วโมงแล้ว ยังไม่ได้จบงานเลย แล้วแกก็หัวเราะ พร้อมบอกว่าการทำงานก็อย่างนี้แหละ มีง่ายบ้างยากบ้างปะปนกันไป และยังบอกอีกว่าไม่ต้องรีบมากนะเวลาเราขับรถบนถนน "เงิน"เราหาใหม่ได้เรื่อยๆ แต่"คน"เราหาอะไหล่ซ่อมไม่มี หลังจากสนทนากันได้สักพักใหญ่ พนักงานก็เรียกเลขออเดอร์ของพี่ท่านนี้ (จริงๆแกน่าจะใกล้ๆวัยเกษียณแล้วแหละ)"ไปก่อนหนุ่ม"พร้อมกับคำอวยพร "โชคดีนะวันนี้" อีกสาเหตุหนึ่งที่แกรอนานๆอาจจะเพราะรายการอาหารของแกนั้นเยอะมาก ประมาณ2ถุงใหญ่ๆ ผมมองดูแกหิ้วถุงผ่านหน้าผมไป ผมเลยรีบดูในมือถือตัวเองทันที กลัวจะเจอแจ็กพ็อตเหมือนพี่แก แต่โชคดีรายการอาหารของผมนั้นมีเพียงแค่ 1 กล่องเท่านั้น ราคา 100 กว่าบาท ไม่นานนัก เลขออเดอร์ผมก็ถูกเรียกให้ไปรับอาหาร เมื่อได้อาหารแล้ว ต่อไปก็นำอาหารไปส่งให้ลูกค้ายังจุดหมาย ซึ่งงานนี้ต้องไปส่งที่คอนโดแห่งหนึ่ง ห่างจากร้านอาหารเพียง 800 เมตรเท่านั้น แต่ผมยังไม่มีกล่องใส่อาหาร จึงหิ้วถือถุงอาหารและประคับประคอง กลัวอาหารจะเสียหายเมื่อถึงจุดหมายผมได้ทำการติดต่อลูกค้าให้ลงมารับอาหาร รอไม่นานนักลูกค้าก็ลงมารับ หลังจากส่งอาหารถึงมือลูกค้า ผมกล่าวขอบคุณครับพร้อมยกมือไหว้ด้วยความเคยชิน ที่ปกติต้องพบปะลูกค้าโรงแรมเป็นประจำอยู่แล้ว จึงทำด้วยความคล่องแคล่ว ไม่เคอะเขิน ลูกค้าโค้งหัวรับแล้วกล่าวขอบคุณค่ะ ด้วยเช่นกัน งานแรกก็ได้เสร็จสิ้นสมบูรณ์ไป งานนี้ได้ค่ารอบอยู่ที่ 43 บาท ซึ่งถือว่าเป็นรายได้ที่สมเหตุสมผล กับระยะทางที่ไม่ไกลมากนัก แต่อาจจะใช้เวลาในการรออาหารนานไปหน่อย เมื่อนึกถึงคำบอกเล่าของพี่ไรเดอร์ต่างค่าย ที่แกเคยบอกว่า 1 ชั่วโมงแกเคยทำได้ 4 งาน ทำให้ผมมีความคิดที่อยากจะไปสมัคร และลองทำของอีกค่ายดูบ้าง(ค่ายเขียวอ่อน) คือถ้า 1 ชม.ได้ 4 งาน ค่ารอบขั้นต่ำ 43×4 หมายความว่า 1 ชม.ผมจะได้ 172 บาทเลยนะอ้าว! แล้วค่ายเขียวเข้มล่ะ ทำได้ 1 งานแล้วเลิกทำเลยหรอ?ระหว่างที่ผมรอค่ายเขียวอ่อนอนุมัติเปิดระบบให้ ผมยังวิ่งของค่ายเขียวเข้มอยู่หลังจากเลิกงาน วันละ 4-5 ออเดอร์ต่อวัน ลืมบอกไปว่าค่ายเขียวเข้มนี้ มีให้เลือกว่าเราจะเปิดงานแบชหรือไม่เปิดก็ได้(การพ่วงงาน 2 งานพร้อมกัน)แต่ผมไม่ได้เปิดวิ่งแบบงานแบช เพราะผมคิดว่ามันจะทำให้ลูกค้ารอนานเกินไป ลูกค้าอาจจะหงุดหงิดหรือไม่พอใจการบริการได้ แต่การงานแบชส่วนใหญ่จะไปในทางเดียวกัน ai จึงจะยิงงานแบชมาให้ หลังจากที่ผมขับเขียวเข้มได้ประมาณ 1 สัปดาห์ ค่ายเขียวอ่อนก็อนุมัติเปิดระบบให้ผมแล้ว วันแรกของการทำงานกับค่ายเขียวอ่อน ผมเริ่มตั้งแต่ 8 โมงเช้าของวันหยุดของผม(ตรงกับวันศุกร์) การเปิดรับงานถือว่าตื่นเต้นพอสมควรเลยครับ มีงานเด้งเตือนมาตลอด แต่!!!ผมไม่สามารถกดรับงานได้ทันเลย แม้แต่งานเดียว ลักษณะของการรับงานของค่ายเขียวอ่อนนี้ ต้องกดรับงาน 2 ครั้งถึงจะได้งาน ครั้งแรกจะมีคำว่ารับงานกับไม่รับงานอย่างละ 1 ช่อง ในป็อปอัพ ครั้งที่ 2 จะมีคำว่า รับงาน 1 ช่องและไม่รับงาน 2 ช่อง จะขึ้นสุ่มสลับกันไป โอกาสที่เราจะได้รับงานนั้น ต้องกดให้โดนคำว่ารับงานทั้งสองครั้งถึงจะมีสิทธิ์ได้รับงานนั้นๆ แต่ปัญหาแรกที่ผมพบเลย คือ เมื่อกดรับงานทั้งสองครั้งแล้วก็ไม่ได้งาน หรือเป็นเพราะโทรศัพท์ที่ผมใช้อยู่ อาจจะประมวลผลช้าไปสักหน่อย แต่ผมก็ไม่ย่อท้อ นั่งกดงานอยู่อย่างนั้นตั้งแต่ 8 โมงเช้าของวันนั้นจนเวลาล่วงเลยประมาณ 10 โมงกว่าๆ และแล้วผมก็สามารถรับงานแรกได้ทัน ผมดีใจจนออกท่าทาง ทำคนที่อยู่รอบข้างตกอกตกใจกันยกใหญ่ ความรู้สึกเหมือนได้เอาชนะบางสิ่งบางอย่าง จึงรู้สึกภูมิใจในตัวเอง(แค่รับงานเนี้ยนะ)ฮ่า ฮ่าหลังจากรับงานไปส่งจนจบงานแล้ว ผมก็ยังกดรับงานได้ต่อเรื่อยๆ จนเวลาคล้อยบ่าย เกือบจะบ่าย 2 โมง ผมรู้สึกว่าผมไม่สามารถกดรับงานได้ทันเหมือน 2-3 ชั่วโมงก่อนอีกแล้ว ทำให้ผมคิดได้ว่าช่วงที่มีงานเยอะๆ คือช่วงกลางวันที่คนทั่วไปหาข้าวกินกันนี่เอง ที่ทำให้ผมกดรับงานทันคนอื่นเขา วันนั้นผมกลับเข้าบ้านกินข้าวเที่ยงประมาณบ่าย 2 โมงครึ่ง แต่ผมหาเงินได้ประมาณ 300 บาท(ยังไม่หักค่าน้ำมัน) ผมจึงมานั่งคิดทบทวนว่า ถ้าเราวิ่งงานทั้งวัน โดยที่กดงานทันคนอื่นในช่วงเวลาปกติด้วย ตั้งแต่เช้าจนค่ำ เราจะได้เงินต่อเดือนมากพอๆกับที่เราทำงานในเหตุการณ์ปกติ ตอนที่ยังไม่มีโควิดก็เป็นได้(ประมาณ35k) ผมจึงเริ่มเข้ากลุ่มสมาชิกไรเดอร์ เริ่มหาข้อมูลโทรศัพท์มือถือที่แรงๆ จนผมมีข้อมูลมากพอผมจึงได้ตัดสินใจใช้เงินเก็บที่พอมีอยู่บ้าง ลงทุน กับมือถือเครื่องนี้ เพื่อหวังว่ามันจะเป็นเครื่องมือ ในการทำมาหากินในภายภาคหน้าได้ เมื่อมีมือถือพร้อมก็ได้เวลาลองของ ช่วงนี้ที่ทำงานไม่มีงานให้ทำ จึงให้สลับกันหยุดงานยาวๆหลายๆวัน 1-2 สัปดาห์เลยทีเดียว เป็นโอกาสที่ดีที่จะได้ทดลองทำงานใหม่ๆ วันนี้ผมเริ่มรับงานแถวๆที่บ้านพักอาศัย มีงานเด้งมาให้กดแย่งกันอยู่ตลอดไม่ขาดสาย ครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งก่อนๆแล้ว ผมสามารถแย่งงานคนอื่นๆได้ตั้งแต่ออกจากบ้านเลย โทรศัพท์ที่สเปคแรงๆมันดีอย่างนี้นี่เอง วันนี้ผมออกจากบ้านวิ่งงานตั้งแต่ 7 โมงเช้าจนถึงบ่าย 3 โดยที่ไม่ได้พักกินข้าวกลางวัน ผมได้เงินมากถึง 800 กว่าบาท ในหัวผม ณ ตอนนั้นคิดเปรียบเทียบไปหมดทุกอย่างแล้วว่า ถ้าเราวิ่งงานเต็มวันและเต็มเดือน สัปดาห์นึงหยุดพักสัก 1 วัน เราก็น่าจะได้รับเงิน มากกว่าที่รับเงินเดือนเพียงอย่างเดียว(เงินเดือนประมาณ10,000บาท) ผมใช้เวลาการตัดสินใจอย่างรวดเร็ว ในการไปลาออกจากงานประจำ มาเป็นไรเดอร์แบบเต็มตัว หลังจากที่มาเป็นไรเดอร์เต็มตัวแล้ว ผมตั้งเป้าหมายว่าภายใน 1 วันผมจะต้องหาเงินให้ได้ไม่ต่ำกว่าวันละ 800 บาท หลังจากหักค่าน้ำมันแล้ว(ค่าน้ำมันทั้งวัน100บาท) แต่สิ่งที่ผมได้เผชิญหลังจากที่ผมตั้งเป้าหมายไว้นั้นก็คือ เงิน 800 บาทในแต่ละวันนั้น ใช้เวลาในการทำงานไม่เท่ากันเลยสักวัน บางวันเจอร้านทำอาหารไม่นานหลายๆร้าน ก็ทำให้ถึงเป้าหมายเร็ว วันไหนดวงไม่ดี เจอแต่ร้านที่ทำอาหารนานๆ กว่าจะได้ 800 บาทต้องลากยัน 1 ทุ่ม 2 ทุ่มก็มี บางวันงานก็มีน้อย ต้องแย่งกันกดงานหลายๆคน ก็จะกดงานได้ยากขึ้น ได้ไม่ถึงยอดเป้าหมายที่ตั้งไว้ ก็ต้องยอมกลับบ้านพักผ่อน ไม่สามารถลากสังขารตัวเองให้ทำงานต่อไปได้จนดึกดื่น บางวันเหนื่อยล้าจากการขับรถสะสมมาหลายวัน ก็ต้องหยุดพักเพิ่มจาก 1 เป็น 2 วัน ในสัปดาห์นั้นๆ แต่โดยรวมแล้วใน 1 เดือน ก็ยังได้เงินมากกว่าเงินเดือนงานประจำในช่วงวิกฤตโควิดนี้ ซึ่งผมได้ใช้เวลาในการทำงานเป็นไรเดอร์มาแล้วประมาณ 10 เดือน ตอนนี้ผมกำลังจะไปกลับทำงานประจำ แต่ผมจะยังไม่ทิ้งอาชีพนี้ไปไหน หากวันใดว่างๆ ผมจะกลับมาทำเป็นงานเสริม เพิ่มรายได้ให้ตัวเองอย่างแน่นอน เพราะอาชีพไรเดอร์ส่งอาหารนี้ เป็นงานที่อิสระ ที่สามารถเลือกช่วงเวลา ที่เหมาะสมมาทำได้เสมอ แต่สิ่งที่ผมคิดและสัมผัสพบเจอมา งานไรเดอร์ส่งอาหารนี้ จะไม่อิสระเลย ถ้าคุณมีค่าใช้จ่ายที่ต้องหาให้ได้ และให้เพียงพอในทุกๆวัน มันจะเป็นแรงกดดันและเป็นแรงผลักดันให้คุณลุกขึ้นไปทำงานในทุกๆวัน ไม่ต่างอะไรเลยจากคนที่ทำงานประจำ ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพียงแค่ความคิดเห็นส่วนตัวและประสบการณ์ที่อยากมาเล่าให้เพื่อนได้อ่านกัน ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านจนจบนะครับ;)ขอขอบคุณเครดิตรูปภาพ หน้าปก จาก SplitShire โดย pixabayขอขอบคุณเครดิตรูปภาพประกอบที่ 1 จาก SplitShire โดย pixabayขอขอบคุณเครดิตรูปภาพประกอบที่ 2 จาก Irish83 โดย pixabayขอขอบคุณเครดิตรูปภาพประกอบที่ 3 จาก KaiPilger โดย pixabayขอขอบคุณเครดิตรูปภาพประกอบที่ 4 จาก Shutter_Speed โดย pixabayอัปเดตความรู้ใหม่ ๆ อีกมากมาย โหลดเลยที่ App TrueID ฟรี !