ในโลกปัจจุบันภาวะต่างๆรอบตัวนั้นเป็นสิ่งกระตุ้นให้เราเกิดภาวะโรคซึมเศร้าได้ง่ายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ งานที่ตรึงเครียดที่มีภาวะกดดันที่สูง บรรยากาศภายในครอบครัวที่อาจจะกดดันและทำร้ายกันเองโดยไม่ตั้งใจ ความคาดหวังต่างๆจากคนรอบข้างและของตัวเองที่มีต่อสังคม จนบางครั้งเราหาทางออกไม่ได้และไม่รู้จะสื่อสารกับใครให้เข้าใจ ซึ่งสภาพแวดล้อมต่างๆเหล่านี้สามารถนำพาให้เราป่วยเป็นโรคซึมเศร้าได้ง่ายขึ้น ผมจึงอยากจะขอแบ่งปันไลฟสไตล์ที่ช่วยป้องกันโรคซึมเศร้ามาดังนี้ครับ ซึ่งมาจาก คุณ Jerome Sarris ศาสตราจารย์; นักวิจัยทางคลินิกของ NHMRC; รองผู้อำนวยการสถาบันวิจัยสุขภาพ NICM มหาวิทยาลัยเว สเทิร์นซิดนีย์ และ คุณ Joe Firth นักวิจัยอาวุโส ที่ NICM Health Research Institute , Western Sydney University ซึ่งในเมื่อก่อนตอนที่ตัวผมเองได้เริ่มเข้าทำงานใหม่ๆในสายงานอาชีพที่เรียนจบมา ผมเป็นคนค่อนข้างที่จะเป็นคนที่จริงจังกับชีวิตมากเกินไป เข้าข่าย Perfectionist อย่างมากเพราะโดยพื้นฐานเป็นคน Introvert ประเภท INFJ ในเวลาทำอะไรมักจะจริงจังอยากมากกับผลลัพธ์ จนพาตัวเองเครียดเกินไปและในเวลาที่ล้มเหลวในภารกิจบางสิ่งก็จะเศร้าและเกิดอาการผิดหวังอย่างมาก และเมื่อผมได้อ่านบทความของคุณ Jerome Sarris มีการนำมาปรับจูนและพัฒนาตัวเองตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งตัวผมเองได้ผลโดยผมได้มีการปรับและพัฒนาตัวเองทางด้านศักยภาพและจิตใจมาตลอดด้วยวิธีด้านล่างที่จะอธิบายนี้ ก็ส่งผลให้ผมมีสุขภาพกายและสุขภาพจิตใจที่ดีขึ้นได้ แต่ขอเกริ่นไว้ล่วงหน้าวิธีที่จะอธิบายต่อไปนี้ไม่ใช่องค์ประกอบทั้งหมดในการพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น ซึ่งยังมีองค์ประกอบอีกมายมายที่เราจะต้องพัฒนาควบคู่กันไปด้วยครับ ซึ่งผมจะนำมาแชร์ในบทความถัดๆไปนะครับ ซึ่งในวันนี้ผมจะขอแชร์วิธีปรับไลฟสไตล์ ป้องกันโรคซึมเศร้าก่อนดังนี้ครับ 1. ปรับการกินและออกกำลังกาย - การที่เราปรับพฤติกรรมการกินควบคู่ไปกับการออกกำลังกายเป็นประจำซึ่งจะส่งผลดีต่อสุขภาพใจและป้องกันโรคซึมเศร้าได้ครับ ซึ่งจากประสบการณ์ของตัวผมเองในตอนที่ผมเครียดกับงานและหักโหมทำงานมากจนเกินไป จนละเลยการกินที่ถูกต้อง คือกินดึกและนอนเลย พร้อมยังไม่ออกกำลังกาย ซึ่งผลก็คือทำให้ตัวเองเกิดอาการเครียดอย่างมากจนอาเจียนและสุขภาพร่างกายป่วยบ่อย แต่เมื่อปรับทำตามหัวข้อก็ทำให้ทุกๆอย่างเริ่มดีขึ้นได้ครับ 2. ลด ละ เลิก บุหรี่ ดื่มเหล้าให้น้อยลง - มีงานวิจัยในวารสาร Journal of Epidemiology & Community Health ที่ออกมายืนยันว่าการดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่มากจนเกินไปส่งผลต่อร่างกายและกระทบต่อสุขภาพใจ ในข้อนี้ผมไม่มีประสบการณ์ตรงเพราะผมไม่ดื่มไม่สูบ แต่ผมเห็นจากเพื่อนร่วมงานบางคนที่มีพฤติกรรมนี้ ซึ่งผลทำให้เขามีสุขภาพทางจิตใจที่แย่ลงได้ครับ 3. ให้ความสำคัญกับการพักผ่อน - การนอนเป็นสิ่งที่คนยุคนี้ไม่ค่อยให้ความสำคัญจนกว่าจะเกิดผลเสียต่อร่างกายจนลามไปถึงสภาพจิตใจ ผมมีประสบการณ์ตรงคือ ในช่วงที่ทำงานหนักๆพักผ่อนไม่เพียงพอ ทำให้ตัวเองหงุดหงิดง่ายขึ้น จึงจำเป็นต้องใช้พลังมากขึ้นในการควบคุมอารมณ์ตัวเองมากขึ้น 4. ใกล้แสงแดดและธรรมชาติมากขึ้น - การได้รับแสงแดดอ่อนๆบ้าง มีส่วนช่วยให้สารเคมีในร่างกายที่เรียกว่า เซโรโทนิน ทำงานและส่งผลช่วยรักษาสมดุลอารมณ์ให้ดีได้ ถ้าส่วนตัวผมเอง ผมจะเดินรับแดดอ่อนๆช่วงเช้าเป็นประจำเพราะทำให้รู้สึกสดชื่นและมีพลังในการลุยงานต่อตลอดทั้งวันได้ 5. ระบายออกมาบ้าง - คนเราสามารถอ่อนแอได้ครับ หาคนที่รักหรือใกล้ชิดที่เราสนิทที่ไว้ใจได้ ที่พร้อมรับฟังเรื่องของเรา เล่าให้เขาฟังบ้างครับ มันช่วยให้ดีขึ้นได้ แต่ถ้าไม่มีคนที่จะระบายด้วยจริงๆยังมีจิตแพทย์ช่วยคุณได้ครับ ถือว่าเป็นเรื่องปกติของชีวิตครับ ถ้าคนเราป่วยไม่ว่าทางกายหรือจิตใจเราก็ต้องพบแพทย์ คนเราสามารถป่วยทางใจได้ครับ ถ้าส่วนตัวผมเอง ถ้าผมมีเรื่องไม่สบายใจ ผมจะพูดคุยกับคนที่รักและคนใกล้ตัว ซึ่งสามารถทำให้ผมรู้สึกดีขึ้น สบายใจขึ้นและยังหาทางออกจากปัญหาในชีวิตได้อีกด้วยครับ และนี่ก็คือทั้ง 5 ข้อนะครับที่อาจจะช่วยให้เราห่างไกลจากโรคซึมเศร้าได้มากขึ้น บางคนอาจคิดว่ามันคือ 5 ข้อง่ายๆ มันก็อาจจะมีส่วนจริงครับ ใน 5 ข้อพื้นฐานนี้ถ้าเราลองทำ มันอาจจะช่วยคุณได้นะครับ สู้ๆนะครับ เครดิตรูปภาพทั้งหมดจาก ครีเอเตอร์ข้อมูลอ้างอิงจาก 1. 5 lifestyle changes that could boost your mood and mental health2. 5 ไลฟ์สไตล์เปลี่ยนชีวิต ปรับอารมณ์ ป้องกันโรคซึมเศร้า อย่างได้ผล3. การดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่มากทำให้ดูแก่เร็วเปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !