วันหยุดสุดสัปดาห์ ลองหาโอกาสพาครอบครัว ไปทำบุญที่จังหวัดอ่างทองกันค่ะ อ่างทองเป็นอีก 1 จังหวัดที่ขึ้นชื่อเรื่องวัดดัง จำนวนมาก อย่างเช่น 4 วัดที่เราจะพาทุกคนไปวันนี้ ไม่ว่าจะเป็น ไปสักการะหลวงพ่อใหญ่ วัดม่วง --- พระนอนองค์ใหญ่ วัดขุนอินทประมูล --- วัดไชโยวรวิหาร และ วัดสี่ร้อย ที่หลายคนอาจจะยังไม่คุ้นกับชื่อวัดนี้ แต่ขอบอกเลยว่า ทั้ง 4 วัดนี้มีความสวยงามและประวัติความเป็นมาทางประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจมาก ถ้าอยากรู้ มาติดตามแกะรอย พร้อม ๆ กันเลยค่ะ ไหว้พระ 4 วัดดัง จังหวัดอ่างทอง เริ่มต้นกันที่ "วัดม่วง" อยู่ที่ ตำบล หัวตะพาน อำเภอ วิเศษชัยชาญ อ่างทอง เดินทางมาเพื่อสักการะหลวงพ่อใหญ่ หรือ พระพุทธมหานวมินทร์ศากยมุนีศรีวิเศษชัยชาญ พระพุทธรูปที่ได้ชื่อว่า องค์ใหญ่ที่สุดในโลก มีขนาดความสูงถึง 93 เมตร ได้ยินตัวเลขก็ว่าตกใจแล้ว มาเห็นของจริงใกล้ ๆ องค์ใหญ่ต่อสมชื่จริง ๆ ค่ะ ประวัติของวัดม่วง สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย และได้พระคูวิบูลอาจารคุณ ( หลวงพ่อเกษม อาจารสุโภ ) ก่อสร้างบูรณะวัดม่วงขึ้นมาใหม่ และพัฒนามาเรื่อย ๆ จนสวยงามในปัจจุบัน ก่อนที่จะเดินไปกราบถึงองค์พระ บริเวณด้านหน้า ยังมีรูปปั้น แดนนรก แดนสวรรค์ และเรื่องราวนิทานชาดก ให้ได้ชมและสอนลูกหลานได้อย่างดี หลังจากราบไหว้สักการะด้านล่างองค์พระแล้ว ส่วนใหญ่หลายคนจะไปขอพรบริเวณปลายนิ้วของหลวงพ่อ โดยใช้มือสัมผัสที่ปลายนิ้วของหลวงพ่อและอธิษฐาน มีความเชื่อกันว่าจะสมหวังในเรื่องหน้าที่การงานเจริญรุ่งเรือง นั้นเองค่ะ (ขอบคุณข้อมูลจาก http://www.watmuang.com) พิกัดวัดม่วง : 19 ตำบล หัวตะพาน อำเภอ วิเศษชัยชาญ อ่างทอง เปิด : ทุกวัน เวลา 5:00–19:00 Google Map : https://goo.gl/maps/VBwLLt7PhVd1YdTV6 วัดต่อมา คือที่ พระนอนองค์ใหญ่ วัดขุนอินทประมูล อยู่ที่ ตำบล อินทประมูล อำเภอ โพธิ์ทอง จ.อ่างทอง ขับมาไม่ไกลจากวัดม่วงมากค่ะ องค์พระนอนสีขาว หรือองค์พระพุทธไสยาสน์ที่ใหญ่และยาวที่สุดในประเทศไทย มีความยาวถึง ๕๐ เมตร ตั้งอยู่กลางแจ้ง และเห็นเพียงเสาพระวิหารที่ยังอยู่รอบองค์พระนอน รอบ ๆ บริเวณยังมีต้นไม้ขนาดใหญ่หลายต้นขึ้นอยู่โดยรอบ ประวัติพระนอนวัดขุนอินทประมูล สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในสมัยเดียวกันกับพระนอนจักรสีห์ จังหวัดสิงห์บุรี จากตำนานกล่าวถึงชื่อของ ขุนอินทประมูล หลายคนอาจสงสัยว่าท่านเป็นใคร จริง ๆ แล้ว ท่านเป็นนายอากร ผู้สร้างพระพุทธไสยาสน์องค์นี้ละคะ แต่โดนกล่าวหาว่า ยักยอกเอาเงินของหลวงมาสร้างเพื่อเป็นปูชนียสถาน โดยตามความเชื่อและเรื่องเล่าสืบต่อกันมา เชื่อว่า ท่านถูกเฆี่ยนจนตาย เมื่อไปถึงวัดแห่งนี้ หลังจากซื้อดอกไม้ธูปเทียนมาสักการะกราบไหว้องค์พระนอนแล้ว อย่าลืมนำผ้าสีเหลืองเล็ก ๆ ที่ถูกพันอยู่บริเวณก้านธูปเทียน มาผูกไว้ตรงต้นไม้ บริเวณปลายเท้าของพระนอนด้วย พร้อมทั้งกราบบริเวณเท้าขององค์พระนอน เสมือนได้กราบเท้าพระ เพื่อเป็นสิริมงคลด้วยนะคะ (ขอบคุณข้อมูลจาก https://www.m-culture.go.th/) พิกัด : ตำบล อินทประมูล อำเภอ โพธิ์ทอง อ่างทอง Google Map : https://goo.gl/maps/jg9EaeuTg6TQfoPf8 วัดที่สาม วัดไชโยวรวิหาร อยู่ที่ถนนอ่างทอง-สิงห์บุรีสายเก่า ตำบล ไชโย อำเภอไชโย จ.อ่างทอง เป็นวัดพระอารามหลวงชั้นโท เดิมเป็นวัดราษฎร์เก่าแก่ มีนามว่า วัดไชโย ในสมัยอดีต สมเด็จพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) เจ้าอาวาสวัดระฆังโฆษิตาราม ได้เลือกวัดนี้เป็นที่สร้างพระพุทธรูปองค์ใหญ่ และแล้วเสร็จ ในช่วงสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 สมเด็จพุฒาจารย์จึงได้ถวายวัดไชโยเป็นวัดหลวง และได้รับพระราชทานนามว่า “วัดเกษไชโย” ภายในพระอุโบสถวัดแห่งนี้ เราจะได้เห็นพระพุทธรูปองค์ใหญ่ สีเหลืองทอง งดงาม ได้รับพระราชทานนามว่า “พระมหาพุทธพิมพ์” ค่ะ โดยพระประธานเป็นพระพุทธรูปปั้นปางสมาธิ แนะนำว่า หลังไหว้สักการะแล้ว ควรทำบุญห่มผ้าเหลืององค์พระ เสริมมงคลให้แก่ชีวิต (ขอบคุณข้อมูลจาก http://www.angthong.go.th/) พิกัด : ถนนอ่างทอง-สิงห์บุรีสายเก่า ตำบล ไชโย อำเภอไชโย อ่างทอง Google Map : https://goo.gl/maps/nMFQTWVsveu49C5Y9 และวัดที่สี่ คือ วัดสี่ร้อย ที่หลายคนอาจจะยังไม่คุ้นกับชื่อวัดนี้ แต่มีความเก่าแก่ สวยงาม และน่าสนใจทางประวัติศาสตร์มาก โดยเป็นวัดเก่าแก่ในอำเภอวิเศษชัยชาญ มีอายุประมาณ 200 ปี และสำหรับเหตุผลของชื่อวัดว่า "สี่ร้อย" สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์แก่ขุนรองปลัดชูและชาวบ้านวิเศษชัยชาญ 400 คน ที่เสียชีวิตจากสงครามระหว่างไทยกับพม่าในสมัยสมเด็จพระเจ้าเอกทัศน์แห่งกรุงศรีอยุธยา ภายในบริเวณวัดมี พระพุทธรูปปางพระปาลิไลยก์ องค์ใหญ่อยู่กลางแจ้ง สร้างเมื่อปี พ.ศ.2452 มีความสูง 21 เมตร ชาวบ้านเรียกว่า “หลวงพ่อโตวัดสี่ร้อย” หรือ “หลวงพ่อร้องไห้” ชาวบ้านให้ความเคารพศรัทธามาก เชื่อกันว่าท่านมีความศักดิ์สิทธ์มาก เพราะเคยมีเหตุการณ์จนเป็นข่าวว่า หลวงพ่อโตวัดสี่ร้อยมีพระโลหิตออกมาทางพระนาสิก (จมูก) บริเวณด้านข้างองค์พระ มีเจดีย์สีเหลืองทอง และรูปปั้นของขุนพลวีรชน เพื่ออุทิศส่วนกุศลและเป็นอนุสรณ์แก่ขุนรองปลัดชูและผู้เสียชีวิตจากกองอาทมาตทั้งหมด คำว่า "อาทมาต" เป็นชื่อเรียกวิชาดาบแขนงหนึ่งของไทย เชื่อกันว่าตกทอดมาจากสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ค่ะ สำหรับ ประวัติขุนรองปลัดชู น่าสนใจมากค่ะ เพราะท่านเป็นผู้นำ และวีรบุรุษในสมัยนั้นเลยก็ว่าได้ แต่กลับไม่ค่อยมีใครได้รู้ผลงานของท่าน โดยท่านได้รวบรวมไพร่พลที่วิเศษชัยชาญ เข้าเป็นกองอาสาสมัคร 400 คน ชื่อว่า "กองอาทมาต" เพื่อเข้าร่วมทัพกรุงศรีอยุธยา ต่อต้านการบุกครองของกองทัพพม่าในสงครามพระเจ้าอลองพญา โดยกองอาทมาตของขุนรองปลัดชูได้ปะทะกับกองทัพพม่า ซึ่งมีกำลังราว 8,000 คน การต่อสู้ของกองอาทมาตไม่ได้หวังชัยชนะ แต่เพื่อถ่วงเวลาทัพพม่าให้นานที่สุด แต่ด้วยจำนวนที่น้อยกว่าและไม่ได้รับกำลังเสริมจากทัพ กองอาทมาตจึงตกอยู่ในสภาพเสียเปรียบเพราะความอ่อนล้า และถูกฝ่ายตรงข้ามไล่ต้อนลงทะเลฆ่าฟันจนเสียชีวิตทั้งหมด นั้นเองค่ะ รู้แบบนี้แล้ว อยากเชิญชวนให้ทุกคน หาเวลาเดินทางไปสักครั้ง (แต่ควรหลังการระบาดของโควิด-19 จบลงก่อนนะคะ ด้วยรักและปราถนาดีค่ะ) และทั้งหมดนี้ คือ 4 วัดดัง ในจังหวัดอ่างทอง ที่วาดีนำมาฝากกัน (ขอบคุณข้อมูลจาก https://th.wikipedia.org/wiki/ขุนรองปลัดชู) พิกัด : ตำบล สี่ร้อย อำเภอ วิเศษชัยชาญ อ่างทอง Google Map : https://goo.gl/maps/V4Qyi6kpVwBZun2N9 เรื่องและภาพโดย : Wadee (วาดี)