เป็นการยากที่จะกล่าวถึงจังหวัดภาคกลางตอนบนว่ามีอะไรโดดเด่นและน่าท่องเที่ยว ด้วยสภาพภูมิประเทศที่อยู่ใจกลาง และมีระบบเศรษฐกิจที่เป็นการเกษตรเป็นหลัก จึงทำให้พื้นที่แห่งนี้ไม่ค่อยเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวเท่าไหร่ ทำให้บางจังหวัดเลือกใช้โมเดล กีฬาพัฒนาคุณภาพชีวิต ซึ่งมีหลายจังหวัดประสบความสำเร็จ และหนึ่งในนั้นที่กำลังดำเนินเส้นทางการพัฒนาแบบนี้อยู่คือจังหวัดชัยนาท ที่มี “นกใหญ่พิฆาต ชัยนาท ฮอร์นบิล” ที่เป็นสโมสรหลักของจังหวัด ชัยนาท ฮอร์นบิล ก่อตั้งขึ้นในปี 2552 โดย ฮอร์นบิล ในภาษาอังกฤษแปลว่า นกเงือก อันเป็นการบ่งบอกถึงสัญลักษณ์ของทีม ที่มีสวนนกอยู่ในจังหวัดนี้ด้วย โดยสโมสรก่อตั้งขึ้นโดย แฮงค์-อนุชา นาคาสัย นักการเมืองคนดังที่เป็นชาวชัยนาทตัวจริง โดยในช่วงแรกทีมได้ลงแข่งในลีกภูมิภาค ดิวิชัน 2 โซนภาคเหนือ ซึ่งถือว่าก้าวแรกของทีมก็ประสบผลสูง เพราะในเวลาเพียงสองปี ทีมก็ขึ้นสู่ดิวิชัน 1 อีกทั้งยังทำงานดีต่อเนื่องจนสามารถขึ้นสู่ไทยลีกได้ครั้งแรกในปี 2555 เมื่อขึ้นสู่ลีกสูงสุดของระดับประเทศได้ ชื่อของสโมสรย่อมเป็นที่รู้จักไปทั่วประเทศ มีการแข่งขันเหย้าเยือนทั่วประเทศ นักเตะและผู้ฝึกสอนชาวต่างชาติก็เข้ามาช่วยทำทีมจนยกระดับขึ้น แต่ก็ยอมรับการแข่งในไทยลีก ถือว่าเป็นงานยากและไม่ง่ายโดยเฉพาะทีมที่ไม่มีทุนมหาศาล และนั่นทำให้ชัยนาทยังไปไม่ถึงระดับแชมป์ลีก อีกทั้งยังหล่นร่วงไปยังไทยลีก 2 อีกครั้งในปี 2560 อาจจะดูเหมือนเป็นความสิ้นหวัง แต่สิ่งที่เกิดขึ้นดันตรงกันข้าม เพราะความเหนียวแน่นของแฟนบอลทีมชัยนาทไม่เคยลดหลั่น อีกทั้งยังมีแต่เพิ่มขึ้น “แฟนบอลไม่เคยถอย ไม่เคยหนีไปเชียร์ทีมอื่น ว่างเมื่อไหร่ เชียร์บอลเมื่อนั้น ให้กำลังใจไปแล้วไม่มีเปลี่ยนแปลง ต่อให้ตกชั้น เราก็ยังอยู่เคียงข้างสโมสร” ปุ้ย - ณัฐธิดา ศักดิ์ดี พื้นเพเป็นคนชัยนาท เรียนจบสาขาบริหารธุรกิจมาตั้งแต่ปี 2554 ในชีวิตและภาพลักษณ์ที่ดูเป็นผู้หญิงน่ารักทั่วไป ไม่ได้มีสัญญาณบ่งบอกว่าเธอสนใจหรือจะต้องเกี่ยวข้องกับฟุตบอลเลยแม้แต่น้อย แต่ในชีวิตจริง เมื่อใดที่เธอว่างจากการทำงาน และทีมชัยนาทมีแข่งขัน สถานที่แรกที่เธอจะไปคือสนามฟุตบอลเพื่อไปร่วมเชียร์ “แรกเริ่มมีแฟนบอลแค่ 20 คน และแฟนเราก็อยู่ในกลุ่มนั้น ไปไหนไปกัน ก็รถตู้เหมาคันเดียวไปเชียร์ ไม่มีการสนับสนุนอื่นใด คนที่ไปควักเงินเองทั้งหมด ทั้งป้ายและแบนเนอร์ก็จ่ายกันเอง แล้วเราก็เริ่มตามไปดูบ้าง รู้ตัวอีกทีก็กลายเป็นแฟนบอลทีมนี้ไป” ปุ้ย กล่าวด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจถึงเรื่องราวในจุดเล็ก ๆ ของการเป็นแฟนบอล บ่งบอกถึงจุดเล็ก ๆ ที่หลายคนอาจจะมองไม่เห็น แต่กลับกลายเป็นแรงส่งให้เธอได้เป็นส่วนหนึ่งของสโมสร ซึ่งในปี 2561 ที่ผ่านมา ทีมก็ประกาศสโลแกนว่า “นักสู้ภูธร ฮอร์นบิลรีเทิร์น” ที่บ่งบอกถึงจังหวัดชัยนาท ที่เป็นจังหวัดภูธร ไม่ได้มีสถานสำคัญอะไรมากมาย จนกระทั่งมีสโมสรขึ้นมาจนเป็นที่รู้จักและมีชื่อเสียง ก็เปรียบเสมือนไอ้หนุ่มภูธรที่สู้มาด้วยลำแข้งของตัวเอง “แต่ไม่ได้ยึดติดในตัวนักเตะ แต่ยึดติดในทีม เพราะชื่อทีมก็บอกอยู่แล้วว่าชัยนาท เราเป็นคนชัยนาท ประธานสโมสร อนุชา นาคาสัย ผู้ก่อตั้งก็เป็นคนชัยนาท ชื่อของชัยนาทก็เหมือนบ่งบอกความเป็นเราด้วย และสโมสรนี้ก็เหมือนเป็นของจังหวัดชัยนาทไปแล้ว หมายถึงทุกคนในจังหวัดก็มีส่วนร่วมในการผลักดันทีมขึ้นมา” เป็นสิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้ว่ากว่าจะเป็นทีมฟุตบอลได้นั้น ไม่ได้มีแค่ลูกบอล นักเตะ กรรมการและสนาม แต่แฟนบอลก็ถือเป็นส่วนสำคัญ หากปราศจากแฟนบอล ทีมก็คงไม่มีสีสันหรือกำลังใจที่จะส่งแรงผลักดันให้พาทีมไปสู่ชัยชนะได้ แต่สำหรับปุ้ย ที่นอกจากจะเป็นแฟนบอลผู้สนับสนุนทีมอย่างแท้จริงแล้ว ก็ยังทำให้ชีวิตของเธอมีฟุตบอลเข้ามาเกี่ยวข้องในชีวิตมากขึ้น เมื่อการไปเชียร์บอลทำให้เธอได้ไปทำงานใน เอแอลเอ อคาเดมี ที่เปิดฝึกสอนฟุตบอลโดยเฉพาะ “เราเชียร์บอลของเราปกติ ก็อยู่เป็นกลุ่มเชียร์ จนกระทั่งเขาเห็นว่าเรากับแฟนไปดูบอลไปเชียร์ตลอด ก็เลยได้รับการชวนให้ไปทำงานในอคาเดมีฟุตบอลในจังหวัด ก็เหมือนคอยสนับสนุนวงการบอล ซึ่งผู้ปกครองบางคนเขาก็ประสบปัญหาลูกติดโทรศัพท์มือถือมาก เขาก็เลยส่งเด็กมาเรียนมาฝึกฟุตบอล ก็ห่างจากโทรศัพท์ กลายเป็นว่าพวกเด็กที่มาเล่น กลับไปก็เหนื่อย นอนเลย ไม่จับโทรศัพท์ ได้สุขภาพดีแทน เด็กวัย 5-13 ปี สามารถเปลี่ยนพฤติกรรมติดโทรศัพท์ได้เพราะกีฬา ตอนนี้ในอคาเดมีมีประมาณ 50 คน พอมีกิจกรรมวันสำคัญอย่างสงกรานต์ ก็จัดกิจกรรมมาเล่นร่วมกัน หรือพาไปแข่งลีคเล็ก ๆ ความสัมพันธ์ในกลุ่มเด็กก็ดีขึ้น ได้รู้จักเพื่อนใหม่ ๆ ต่างวัยช่วยดูแลกัน ก็เป็นสานสัมพันธ์ไปในตัว" "ส่วนในฐานะแฟนบอลชัยนาท แม้ทีมจะตกชั้น แต่แฟนบอลไม่เคยถอย แฟนเท่าเดิมตลอด ไม่เคยหนีไปเชียร์ทีมอื่น และเหนียวแน่นมาก ว่างเมื่อไหร่ เชียร์บอลเมื่อนั้น ให้กำลังใจไปแล้วไม่เปลี่ยนแปลง ต่อให้ตกชั้น เราก็ยังอยู่เคียงข้างสโมสร” จุดเล็ก ๆ ของวงการฟุตบอลที่ก่อเกิดการใช้กีฬายกระดับคุณภาพชีวิตเริ่มเห็นผล และนั่นก็เป็นสัญญาณที่บอกได้ว่ากีฬา ก็สามารถใช้พัฒนาพื้นที่นั้น ๆ ได้ แต่เหนืออื่นใด คน ๆ เดียวทำคงไม่สำเร็จ หากขาดการร่วมมือร่วมใจของผู้คนในทุกภาคส่วน และ ชัยนาท ฮอร์นบิล ก็ถือเป็นตัวอย่างที่สำคัญของโมเดลนี้ ที่หวังว่าจังหวัดอื่น ๆ จะดำเนินตาม และอาจจะทำให้วงการกีฬาฟุตบอลไทย คึกครื้นและมีสีสันมากขึ้น อีกทั้งยังทำให้พื้นที่ในจังหวัดมีความสนิทแน่นแฟ้นมากขึ้น ขอบคุณรูปภาพจาก Facebook: https://www.facebook.com/chainatfootballclub