ท่องเที่ยว
Step by Step แบกเป้เที่ยวอีต่อง

สวัสดีค้า พบกันอีกครั้งนะคะ วันนี้จะพาเพื่อน ๆ ไปเที่ยวบ้านอีต่อง เหมืองปิล็อก จังหวัดกาญจนบุรี แบบแบกเป้ต่อรถกันเองเลยจ้า ไม่ต้องขับรถไปเน้อ
บ้านอีต่องนะคะ ตั้งอยู่ที่ ตำบลปิล็อก อำเภอทองผาภูมิจังหวัดกาญจนบุรี หลายคนคงรู้จักเป็นอย่างดีเลยแหละ เพราะที่นี่นะเขาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตเลยเชียวนะ เป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่มีสถานที่ท่องเที่ยวเยอะแยะมากมาย อากาศดี เที่ยวได้ทุกช่วงทุกฤดู ใครที่ยังไม่เคยไปเนี่ย ต้องไปนะ!!!
อ่ะ ๆ เรามาพูดถึงการเดินทางกันก่อนดีกว่า ซึ่งการเดินทางของเราในวันนี้นั้น เราจะต่อรถจากกรุงเทพ ขึ้นไปถึงหมู่บ้านเลย จอดรถไว้ที่บ้าน ถือไปแค่กระเป๋าสัมภาระแค่นั้นพอ
- ขึ้นรถตู้ หรือ รถมินิบัส จาก หมอชิต - บขส.กาญจนบุรี (ค่าใช้จ่าย 120 บาท) หรือ จะไปขึ้นรถตู้ที่ สายใต้ใหม่ - บขส.กาญจนบุรี (ค่าใช้จ่าย 100 บาท) ก็ได้เช่นกัน
- เมื่อเราเดินทางมาถึง บขส.กาญจนบุรีแล้ว ให้ต่อรถบัสพัดลม หรือที่เขาเรียกกันว่ารถหวานเย็น ที่เขียนว่า "กาญจนบุรี - สังขละ - ทองผาภูมิ" ไปลงที่ ตลาดทองผาภูมิ (ค่าใช้จ่าย 60 บาท)
- พอมาถึงตลาดทองผาภูมิ ให้ต่อรถสองแถวสีเหลือง ที่เขียนว่า "ทองผาภูมิ - อุทยานแห่งชาติ - บ้านอีต่อง" (ค่าใช้จ่าย 70 บาท)
Advertisement
Advertisement
***รถเหลืองที่จะขึ้นไปบ้านอีต่อง ในหนึ่งวันมีแค่3-4รอบเท่านั้น พลาดแล้วพลาดเลย ก็จะมีตั้งแต่เช้าประมาน 7 โมงเช้า ถึง ช่วงเที่ยง แค่นั้น หรือบางวันที่ไม่ใช่ช่วงที่นักท่องเที่ยวเยอะก็จะมีแค่ 1-2รอบ เพราะฉะนั้นให้เดินทางเช้าไว้ก่อนดีที่สุด***
รถหวานเย็น สายกาญจนบุรี - สังขละบุรี - ทองผาภูมิ ตามรูปด้านบน จะจอดรอรับผู้โดยสารอยู่บริเวณใกล้ ๆ กับห้องน้ำของ บขส. กาญจนบุรีนะคะ และ รถเหลือง สาย ทองผาภูมิ - อุทยานแห่งชาติ - บ้านอีต่อง จะจอดรอรับผู้โดยสารที่ตลาดทองผาภูมิบริเวณตรงข้ามกับเซเว่นนะคะ *ใครที่มาถึงตลาดทองผาภูมิแล้ว เดินไปกดเงินได้เลยค่ะ เพราะหลังจากที่เราขึ้นไปถึงหมู่บ้านจะไม่มีตู้ATMให้เรากดแล้วนะ
อ่ะเมื่อเราต่อรถกันเรียบร้อยแล้ว บอกไว้ก่อนเลยว่าช่วงเวลาในการเดินทางนั้นมันช่างย๊าวยาวนานซะเหลือเกิน ระหว่างทางจากตลาดทองผาภูมิขึ้นไปยังบ้านอีต่องเนี่ย เราจะต้องผ่านเส้นทางอันแสนหรรษากว่า 70 กิโลเมตร ใช้เวลาเกือบ 2 ชั่วโมง ไหล่ทางชำรุดเล็กน้อย มีหลุมมากมายระหว่างทาง และโค้งอีก 399 โค้ง พกยาดม และ ถุงไปด้วยนะคะระหว่างทางมีอ้วกแน่นอนช่างเป็นเส้นทางที่หวาดเสียวซะเหลือเกิน
Advertisement
Advertisement
เดินทางกันมาเรื่อย ๆ จนถึงจุดชมวิว ระหว่างทางนะคะ ตรงนี้รถเหลืองจะจอดให้เราแวะพักยืดเส้นยืดสาย เขาห้องน้ำทำธุระส่วนตัวกันสักพักนึง ตรงนี้จะเป็นจุดส่งสัญญาณโทรศัพท์ และ จุดนี้กำลังบอกให้เรารู้ว่า อีกอึดใจเดียว เราจะถึงหมู่บ้านแล้ว อดทนไว้นะ สู้ๆค่ะทุกคน
เย้ทุกคน! เรามาถึงยังบ้านอีต่องกันแล้วค้า จากตลาดทองผาภูมิประมาน 9 โมง เรามาถึงที่หมู่บ้านเกือบ ๆ จะเที่ยง กว่าจะมาถึงได้ระหว่างทางนั้น ทั้งเวียนหัว หวาดเสียว หายใจไม่ทั่วท้องกันเลยทีเดียว แต่พอมาถึงแล้วรู้สึกดีใจมาก ดีใจที่ผ่านช่วงเวลานั้นมาได้ มาถึงหมู่บ้านอย่างปลอดภัยหายห่วง หมู่บ้านอีต่องนะคะเป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่รอบ ๆ เนี่ยมีแต่ภูเขาโอบล้อมไว้ หน้าฝนหมู่บ้านก็จะถูกปกคลุมไปด้วยหมอก แดดร้อนในตอนกลางวัน แต่มีลมพัดเย็นสบายตลอดเวลา
ที่พักของเราชื่อว่า "อีต่องโฮมสเตย์" แห่งนี้นี่เอง (ขออภัยเราไม่ได้เก็บภาพห้องพักมา😭) ห้องพักที่นี่นะคะราคาถูกมาก (ค่าที่พัก วันธรรมดา 800 ศุกร์,เสาร์ 1000 บาท) บริการดีมาก เจ้าของดูแลลูกค้าดีเยี่ยม ใส่ใจและดูแลดีพร้อมทุกสถานการณ์ ต้องการอะไรบอกได้ แล้วจะขอบอกก่อนว่า บนหมู่บ้านแห่งนี้นะคะ ที่พักทุกที่ ไม่มีแอร์นะคะ จะเป็นห้องพัดลมทั้งหมู่บ้านเลย เพราะว่าที่นี่อากาศค่อนข้างดีกลางคืนเย็น ประมาน18 19 20 องศาเซลเซียสเลย แล้วแต่ช่วงด้วย แต่ก็ไม่ร้อนไปกว่านี้นะคะในเวลากลางคืน
Advertisement
Advertisement
บ้านอีต่อง แห่งนี้นะคะในอดีตนั้นเคยเป็นหมู่บ้านที่เจริญรุ่งเรืองเป็นอย่างมาก เป็นเหมืองแร่ดีบุกมาก่อน แต่ปัจจุบันนี้หมู่บ้านแห่งนี้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตสำหรับคนรักธรรมชาติ และนักเดินป่าเดินเขา รายได้จากชาวบ้านในหมู่บ้านก็จะมาจากการเปิดร้านค้า เปิดโฮมสเตย์บริการนักท่องเที่ยวผู้มาเยือนนั่นเอง หลายคนที่มีเป้าหมายในการมาพิชิตเขาช้างเผือกก็ต้องเดินทางมายังหมู่บ้านทั้งนั้น เพราะฉะนั้น ในช่วงที่เขาช้างเผือกเปิดให้เข้าไปเดินเขา หมู่บ้านแห่งนี้จะมีนักท่องเที่ยวมากมายมหาศาล โฮมสเตย์ที่นี่ก็ไม่ได้มีมากนัก แต่ที่นี่เขาก็มีจุดกางเต็นท์และใครที่ไม่มีเต็นท์ก็ไม่เป็นไรนะคะ ที่หมู่บ้าน เขามีให้นักท่องเที่ยวเช่าค่ะ
จุดเช็คอินจุดแรกนะคะ ตรงนี้จะตั้งอยู่บริเวณทางเข้าหน้าหมู่บ้าน นักท่องเที่ยวที่มาถึงที่นี่จะนิยมมาเขียนแผ่นป้ายแขวนกันเพื่อเป็นการเช็คอินว่า ครั้งหนึ่งเนี่ยเราเคยได้เดินทาง ผ่าน399โค้ง มาจนถึงจุดนี้ได้แล้วนะ
จากหน้าหมู่บ้าน เดินขึ้นมาด้านบนหมู่บ้าน เราจะเจอลานเฮลิคอปเตอร์ อยู่ใกล้ ๆ กับโรงเรียนเพียงหลวง3 ซึ่งในช่วงปลายปีที่มีนักท่องเที่ยวเยอะตรงจุดนี้จะเป็นที่กางเต็นท์ของหมู่บ้าน บนนี้จะสามารถมองเห็นทิวทัศน์ของหมู่บ้านได้ในมุมกว้างและมองเห็นภูเขาด้านหน้าได้อย่างสวยงาม
เมื่อเดินเลยขึ้นไปอีก เราจะพบกับจุดชมวิวเที่เรียกว่า "เนินเสาธง" ซึ่งจะมีธงของประเทศไทย และ ประเทศพม่า อยู่บนเนินแห่งนี้ ด้านหน้าเราจะมองเห็นวิวภูเขาสลับซับซ้อนไปมา มองเห็นทิวทัศน์ได้อย่างกว้างไกล เป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกใกล้ ๆ หมู่บ้านที่เราสามารถเดินขึ้นมาได้
เดินกันต่อขึ้นมาอีกนิด เราก็พบกับ "ช่องมิตรภาพ" ตรงนี้ก็เป็นอีกจุดนึงที่มองเห็นวิวได้สวยซึ่งตรงหน้าที่เราเห็นนั้น ก็คือเป็นเขตชายแดนพม่าแล้ว มีพี่ทหารชาวพม่าจะยืนเฝ้าอยู่ตรงนี้ แล้วพี่เขาก็บอกประมาณว่า "เดินลงไปดูวิวได้นะ เดินไปเลยข้างล่างสวยมาก" นี่เลยเขาบอกเราแบบนี้ มั้ง 5555 ก็เดินจ้า เออสวยจริงแต่ทางคือค่อนข้างชัน เราเดินลงมาก็ไกล พอเดินขึ้นเท่านั้นแหละ อื้อหืออออออ ปวดน่องกันไปเลยจ้า
ลงกลับไปหมู่บ้านกันดีกว่าเริ่มจะหิวแล้วนะ
อาหารที่หมู่บ้านก็มีหลากหลายให้เราเลือกทานนะคะ หมูกระทะบ้าง หมูจุ่มบ้าง อาหารทะเลก็มี อาหารตามสั่งก็ได้ ราคาก็ไม่ได้แพงมาก กลางคืนกับบรรยากาศดี ๆ แบบนี้ กินอะไรก็อร่อยไปหมด
ต่อมา เราจะพาเพื่อน ๆ ออกไปเที่ยวสถานที่ท่องเที่ยวใกล้ ๆ หมู่บ้านกัน ซึ่งการไปเที่ยวแบบไม่มีรถส่วนตัวนั้น ก็ไม่ใช่อุปสรรคของที่นี่เลย เราสามารถเลือกการเดินทางของเราได้ดังนี้
- นั่งรถเหลือง โดยการนั่งรถเหลืองเนี่ยมันก็ คือ รถที่ไปรับเรามาจากตลาดนั่นแหละค่ะ เมื่อเขากลับขึ้นมาถึงบนหมู่บ้านเนี่ยเขาก็จะกลายเป็นรถนำเที่ยว ซึ่งจะพาพวกเราไปเที่ยวในสถานที่ต่าง ๆ เช่น เนินเสาธง ช่องมิตรภาพ น้ำตกจ๊อกกระดิ่น เนินช้างศึก เป็นต้น โดยรถจะรอรับที่หมู่บ้านและออกเดินทางในช่วง บ่าย2 บ่าย3 แล้วแต่คันนะคะ ต้องสอบถามคุณลุงคนขับให้ดี (ค่าใช้จ่าย 50 บาท)
- เช่ามอเตอร์ไซค์ การเช่ามอเตอร์ไซค์นั่นเป็นตัวเลือกที่ค่อนข้างสะดวก เพราะเราจะไปแวะที่ไหนก็ได้ ตามสบายเรา แต่การขับมอเตอร์ไซค์ที่นี่จะต้องใช้ความชำนาญนิดนึงนะคะ เพราะทางโค้งค่อนข้างเยอะ ถนนผุพังบ้าง ทางเป็นเหวบ้าง และถนนแคบบางช่วง ต้องใช้ความระมัดระวังสูง (ค่าใช้จ่าย 300-350 บาท)
- ถ้าหากเรามาหลายคน ก็ลอง เช่ารถนำเที่ยว ซึ่งการเช่ารถนำเที่ยวก็สะดวกดีเหมือนกัน เราสามารถเลือกโปรแกรมเที่ยวได้ และตกลงกับพี่คนขับรถให้เขาพาเราไปเที่ยว โดยที่รถคันนึงจะจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยว 6-8 คน แล้วแต่คันนะคะ (ค่าใช้จ่ายแล้วแต่จำนวนคน และ โปรแกรมการเดินทาง)
น้ำตกจ๊อกกระดิ่น เป็นน้ำตกที่อยู่ในการดูแลของอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ มีเสียค่าเข้าเล็กน้อย น้ำตกแห่งนี้ตั้งอยู่ท่ามกลางภูเขาล้อมรอบ น้ำใสไหลเย็นมาก หนาวสั่นไปตาม ๆ กัน แต่ก็เป็นน้ำตกที่สวยงามมากเลยนะ
ต่อไปนี้เราจะพาทุกคนเดินไปเนินช้างศึกกัน
จากหมู่บ้าน จะมีทางสำหรับเดินเท้าขึ้นไปยังเนินช้างศึกได้ด้วยนะคะ อยู่ตรงหน้าหมู่บ้าน และก็จากหมู่บ้านเราก็สามารถมองขึ้นไปเห็นทางนั้นได้ ไป! เดินทางไปพร้อม ๆ กันนะคะ!
เมื่อเราเดินขึ้นไปได้นิดนึง แล้วลองหันหลังมองกลับมาเราก็จะเจอหมู่บ้าน สวยงามมาก
และทันใดนั้น เราเจอเพื่อนร่วมทางในระหว่างทาง เราเดินมาเริ่มไกลแล้ว และเหนื่อยมาก แต่อยู่ดี ๆ เราก็พบกับเจ้าตูบ วิ่งแซงหน้าเราไป เราจึงเกิดแรงจูงใจอะไรไม่รู้ อยากจะเดินตามมันขึ้นไป อ่ะ เรามาเดินทางตามเจ้าตูบไปกัน
เดินตามกันมาเรื่อย ๆ ทางแคบลงเรื่อย ๆ ชันขึ้นเรื่อย ๆ เหนื่อยเรื่อย ๆ จนเอ่ยปากถามเจ้าตูบว่า "เธอพาเรามาถูกทางไหมเนี่ย" ถ้ามันตอบได้ก็ วิ่งหนีเลยจ้าไม่อยู่แล้ว 55555
สักพักใหญ่ ๆ เราเริ่มมองเห็นทางแยก ที่เป็นถนนสำหรับรถผ่าน ดีใจมาก เราว่ามาถูกละ และเดินกันต่อไปจนเจ้าตูบพาไปเจอป้ายบอกทางพอดี
กลังจากนั้น เราก็โบกมือลากัน (ลายังไงนะ) และแยกย้ายกันไปตามทางของเรา
เรายังคงเดินต่อไปตามทางถนน ซึ่งเราก็เจอรถผ่านไปมาซึ่งพวกเขาก็มีจุดหมายปลายทางเดียวกับเรานั่นแหละ แล้วก็ได้แต่คิดในใจว่า โอ้ย ขึ้นรถมาก็ไม่ต้องมาเหนื่อยแบบนี้แล้วนะ แต่ก็เป็นหนึ่งการเดินทางที่สนุกดี 5555
และแล้ว เราก็มาถึงจุดหมายปลายทางของเรา เห้ออออ ในที่สุดดดดดด!
เนินช้างศึก เป็นจุดกางเต็นท์ของนักท่องเที่ยวที่มีทิวทัศน์สวยงามมาก ที่ตรงนี้มันมีความโรแมนติกเล็ก ๆ พระอาทิตย์สวยงาม นั่งกินลมชมวิวได้เป็นชั่วโมง เพลินมากไม่อยากลงเลย การเดินมาที่นี่ มันเหนื่อย แต่รู้สึกว่าการที่เราได้มาเห็นที่นี่มันทำให้เราหายเหนื่อยได้จริง ๆ เราสามารถมองเห็นเขาช้างเผือกจากตรงนี้ได้ชัดเจน ภูเขาสูงใหญ่สลับซับซ้อนไปมา กับตัวเราที่ดูเหมือนจะเล็กมากกลายเป็นมดไปเลยเมื่อได้ยืนอยู่ตรงจุดนี้ เอาหละ พอพระอาทิตย์ตกแล้วก็ถึงเวลาที่เราจะกลับลงไปยังหมู่บ้านอีต่องแล้ว 😭
และค่ำคืนนี้ เราขอฝากภาพถ่ายท้องฟ้า ณ บ้านอีต่องสักภาพ
รุ่งเช้าวันต่อมา ถึงเวลาที่เราต้องกลับแล้ว เห้อ~ ไม่อยากจะกลับเลยจริง ๆ อยู่ต่ออีกสักเดือนสองเดือนได้ไหมนะ......
กลับกันดีกว่า และวิธีกลับนั้น เราก็จะนั่งรถเหลืองเหมือนเดิม ลงจากหมู่บ้านไปยังตลาดทองผาภูมิ ซึ่งรถเหลืองเนี่ย เขาจะมาจอดรอเราที่กลางหมู่บ้านเลย ประมานตี5ครึ่งก็เตรียมตัวได้แล้ว คันสุดท้ายที่จะออกจากหมู่บ้านนั้นจะออกในเวลาประมาน 8-9โมง เราต้องเช็คเวลาให้ดี ๆ นะคะ สอบถามทางที่พักหรือคนในหมู่บ้านเอาก็ได้ หรือถ้าเราบังเอิญเจอลุงคนขับในหมู่บ้านก็ถามเขาว่า ลุง ๆ ลุงจะลงตอนไหนคะ หนูจะลงด้วย ขอเบอร์ติดต่อลุงนิดนึง เราจะได้ไม่พลาดกันนะคะ
และเมื่อเราถึงตลาดเราก็ต่อรถลงไปเหมือนตอนที่เราขึ้นมานะคะ หรือใครที่ไม่อยากต่อหลายต่อ สามารถบอกลุงคนขับรถเหลืองได้เลยว่า ลุงหนูจะนั่งรถตู้ค่ะ ไปกรุงเทพนะ หรือ ไปไหนก็ค่อยว่ากัน ลุงเขาก็จะไปส่งเราขึ้นรถอย่างปลอดภัย น่ารักมาก❤️
ค่าใช้จ่ายจำเป็นในการเดินทาง
- ค่ารถตู้โดยสารขาไป 100 บาท ( สายใต้-กาญจนบุรี ) ขากลับ 120 บาท (กาญจนบุรี - หมอชิต)
- ค่ารถบัสพัดลมขาไป 60 บาท (รถหวานเย็น) ขากลับ 60 บาท
- ค่ารถเหลืองขาไป 70 บาท ขากลับ 70 บาท
- ค่าที่พัก 800 บาท/คืน
- ค่าเช่ามอเตอร์ไซค์ 300 บาท/วัน
- สำหรับค่าอาหารก็แล้วแต่เราจะรับประทานเลยนะคะ
เป็นยังไงกันบ้างคะ สำหรับการเดินทางในครั้งนี้ สำหรับตัวจ๋า จ๋าชอบที่นี่มากนะคะ เพราะว่าบรรยากาศก็ดีมาก ชาวบ้านก็น่ารัก ลุงคนขับก็ใจดี ที่พักก็บริการดีอีก โอ้ย รักอะไรขนาดนี้ ถ้าเพื่อน ๆ ชอบ อยากลองเดินทางเองบ้าง ก็หวังว่าการเดินทางของจ๋านั้น จะช่วยเหลืออะไรคุณได้บ้าง ไม่มากก็น้อยนะคะ 5555
ขอให้ทุกคนมีทริปที่ดี และเดินทางอย่างปลอดภัย ดูแลสุขภาพกันด้วยนะคะ แล้วพบกันใหม่ สวัสดีค่ะ 😁
ภาพถ่ายทั้งหมด ถ่ายโดย Jah Wipawee Pechkhong (จ๋าหรือคนเขียนนั่นเอง)💚
ความคิดเห็น
