พูดถึงเรื่องราวของจ.กาญจนบุรี สิ่งแรก ๆ ที่หลายคนนึกถึงคงหนีไม่พ้นกับสะพานข้ามแม่น้ำแคว ทางรถไฟสายมรณะ เส้นทางรถไฟท่องเที่ยวอันมากไปด้วยเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ของจ.กาญจนบุรี แต่จะมีใครรู้บ้างว่าเส้นทางรถไฟชื่อดังแห่งนี้ เป็นสถานที่หนึ่งที่แลกมาด้วยหยาดเหงื่อและกำลังของเชลยศึก สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 มากว่าหลายชีวิต วันนี้น้องขอพาทุกคนมารู้จัก "ช่องเขาขาด พิพิธภัณฑ์สถานแห่งความทรงจำ" แหล่งเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์อันสำคัญของจ.กาญจนบุรี ที่ตั้งอยู่ภายในกองการเกษตรและสหกรณ์ สำนักงานทหารพัฒนา หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา ต.ท่าเสา อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี บนเส้นทางระหว่างไป อ.สังขละบุรี แหล่งท่องเที่ยวอันมีชื่อเสียงอีกแห่งหนึ่งของจ.กาญจนบุรี “ช่องเขาขาด พิพิธภัณฑ์สถานแห่งความทรงจำ” แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์ให้เชลยศึกชาวออสเตรเลียและฝ่ายพันธมิตร ที่ถูกบังคับให้สร้างทางรถไฟยาว 415 กม. จากประเทศไทยไปยังประเทศพม่า เพื่อเป็นเส้นทางหลักสำหรับการส่งกำลังของกองทัพบกญี่ปุ่น ในสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยแบ่งนิทรรศการออกเป็น 3 ส่วน คือส่วนแรกเป็นตัวพิพิธภัณฑ์ ที่นำเสนอเรื่องราวความเป็นมา ตั้งแต่แรงจูงใจของกองทัพญี่ปุ่น ในการสร้างทางรถไฟ, การเคลื่อนย้ายเชลยศึกมาเพื่อสร้างทางรถไฟ ตลอดจนความเป็นอยู่อย่างยากลำบากของเชลยศึกและแรงงานชาวเอเชีย ที่ถูกเกณฑ์มาสร้างทางรถไฟจนแล้วเสร็จ ภาพทั้งภาพความเป็นอยู่ของเชลยศึก, อุปกรณ์ที่ใช้สร้างทางรถไฟด้วยแรงงานคน และสิ่งของเครื่องใช้ต่างๆของเชลยศึกส่วนที่ 2 เป็นการจัดฉายภาพยนตร์สั้นเกี่ยวกับข้อมูลแนะนำการท่องเที่ยวภายในพิพิธภัณฑ์และทางเดินรถไฟและภาพยนตร์เกี่ยวกับสงครามโลกครั้งที่ 2และส่วนที่ 3 เป็นเส้นทางเดินธรรมชาติไปยังทางรถไฟ “ช่องเขาขาด” สถานที่จริง ที่ยังหลงเหลือร่องรอยความทรงจำของเหตุการณ์ให้ได้คงเห็นและเรียนรู้ในปัจจุบัน “ช่องเขาขาด” ตามประวัติว่า ในการขุดเจาะส่วนมากใช้แรงงานคนเป็นหลัก โดยใช้วิธีทุบและตอก โดยคนงานหนึ่งคนถือและหมุนที่เจาะ (สว่าน) และอีกคนหนึ่งออกแรงตอกที่หัวเครื่องเจาะด้วยค้อน ขุดให้ลึกพอที่จะฝังระเบิด เพื่อไว้ระเบิดหินเขา ก้อนหินที่แตกก็ถูกเคลื่อนย้ายออกไปด้วยแรงงานคน และทำการเจาะหลุมเพื่อฝังระเบิดใหม่ จึงทำให้การสร้างทางรถไฟดำเนินไปอย่างล่าช้า เนื่องจากงานที่ล่าช้ากว่ากำหนด กองทัพญี่ปุ่นจึงมีการเร่งการทำงานให้เร็วขึ้น โดยกำหนดให้หนึ่งกะ เชลยศึกและแรงงานชาวเอเชียต้องทำงานถึง 18 ชม.ต่อวัน ด้วยการทำงานอย่างหนัก การพักผ่อนไม่เพียงพอ อาหารที่ได้รับมีสารอาหารน้อย โรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ ทำให้ตลอดการสร้างทางรถไฟสายนี้ มีเชลยศึกต้องบาดเจ็บ ล่มตายไปจำนวนมาก ภายหลังสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 ทางการไทยได้ทำการซื้อเส้นทางรถไฟที่สร้างโดยเชลยศึกและแรงงานชาวเอเชียแห่งนี้ แต่เนื่องด้วยไม่ได้มีประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ จึงได้ทำการตัดเส้นทางเดินรถไฟออกไปบางส่วนไป และเหลือเส้นทางที่ยังคงใช้การอยู่ในเชิงพาณิชย์ คือ เส้นทางชุมชนหนองปลาดุก - น้ำตก ในปัจจุบันเขียนและภาพ โดยน้องจะเที่ยว