หากเอ่ยถึงกาญจนบุรี หลาย ๆ ท่านคงนึกถึง "ทางรถไฟสายมรณะ" ซึ่ง "ช่องเขาขาด" ที่เราจะพาเพื่อน ๆ ไปเยี่ยมชมกันในวันนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งของทางรถไฟสายมรณะเช่นกัน อีกชื่อเรียกคุ้นหูอีกชื่อหนึ่งของ "ช่องเขาขาด" คือ "ช่องไฟนรก" นั่นเอง สาเหตุที่เรียกว่าไฟนรกนั้น อย่างที่พวกเราทราบกันดีถึงประวัติศาสตร์อันน่าเจ็บปวดที่เกิดขึ้นสมัยสงคราม ณ ตอนนั้น ทหารญี่ปุ่นให้เชลยศึกสร้างทางรถไฟตรงช่องเขาขาดนี้ขึ้นมาในเวลาอันเร่งรีบเพียงไม่กี่เดือน ทำให้เหล่าเชลยศึกต้องทำงานหามรุ่งหามค่ำ มีการสลับกะกันทำทั้งตอนเช้าและตอนกลางคืน ซึ่งการทำงานในตอนกลางคืนก็จำเป็นจะต้องมีไฟส่องแสง เพื่อให้เหล่าเชลยสามารถทำงานได้ ทำให้ ณ สถานที่แห่งนี้ในช่วงเวลาที่กำลังก่อสร้างตอนสงครามนั้นส่องสว่างอยู่ตลอดเวลา แสงส่องสว่างก็มาจากไฟคบเพลิงต่าง ๆ ในการทำงานของเหล่าเชลย หลังจากผ่านช่วงเวลานั้นมานานถึง 70 กว่าปีแล้วแต่สถานที่แห่งนี้ก็ยังคงอยู่พร้อมกับร่องรอยความทรงจำหลากหลายอย่าง หากใครสนใจจะศึกษาเพิ่มเติมแต่ไม่ถนัดการอ่านตัวหนังสือเยอะ ๆ เท่าใดนัก ผู้เขียนแนะนำภาพยนตร์ชื่อ "The Railway Man" ที่สร้างมาจากเรื่องจริงของเชลยผู้สร้างทางรถไฟค่ะ ดูง่ายมาก ๆ เพราะเป็นเรื่องประวัติศาสตร์ที่เน้นไปในด้านความคิด ความรู้สึก อารมณ์ของทั้งเชลยศึกและทหารญี่ปุ่นในสงครามตอนนั้น แนะนำเรื่องนี้นะคะหากใครที่สนใจเพิ่มเติม ซึ่งในวันนี้ผู้เขียนจะพาเพื่อน ๆ มาสำรวจร่องรอยในอดีตแสนเจ็บปวดในครั้งนั้นกันค่ะ สำหรับการเดินทางนั้น หากเพื่อน ๆ ท่านใดที่สนใจจะมาเยี่ยมชม อาจต้องศึกษาเส้นทางกันดี ๆ นิดนึงนะคะ กลุ่มทริปผู้เขียนมาตาม google map แล้วไปหลงในเขาค่ะ รถขึ้นเขาเลี้ยวโค้งกันสนุกเลย .. ไม่แน่ใจว่ามีทางอื่นให้ขึ้นหรือไม่ จึงแนะนำว่าหากมีทางอื่นก็เลี่ยงทางขึ้นเขาก็ได้ค่ะ แต่สุดท้ายก็มาถึงช่องเขาขาดได้เช่นเดียวกันค่า บรรยากาศภายในสถานที่ไม่ได้หดหู่หรือมีแต่ประวัติศาสตร์หนัก ๆ อย่างที่คิดนะคะ เป็นเชิงประวัติศาสตร์ ธรรมชาติ และเซอร์วิสนักท่องเที่ยวผสมกันไปค่ะ มีส่วนของร้านค้าร้านอาหารให้บริการอยู่ภายในสถานที่ด้วยค่ะ ในส่วนของห้องน้ำก็หายกังวลได้เลย สะอาด สะดวก สบายมาก ๆ ประทับใจห้องน้ำเป็นอย่างมากเลยค่ะ สะอาดจนอยากนอนข้างในห้องน้ำเลย -//- เมื่อทำธุระส่วนตัวกันเสร็จเรียบร้อย เราก็จะเดินทางไปดูร่องรอยประวัติศาสตร์กันเลยค่า เดินตามทางมาเรื่อย ๆ เลยค่ะ ไม่หลงทางแน่นอน จะมาเจออาคารใหญ่ ๆ สีขาวที่เขียนว่า "ศูนย์ประวัติศาตร์ช่องเขาขาด" เราก็จะเดินไปตามทาง cover way ข้างหน้าอาคารเข้าไปข้างในเลยค่ะ เข้ามาก็จะเจอบันไดทอดยาวลงไป นั่นแหละค่ะ ทางเดินของเราเพื่อไปยังช่องเขาขาด แม้จะดูไม่สูงเท่าไหร่ แต่แอบแนะนำว่าหากผู้สูงอายุหรือผู้มีข้อจำกัดทางด้านสุขภาพมาก็ต้องระมัดระวังสุขภาพตนเองกันนิดนึงนะคะ เพราะหากเดินในช่วงเวลาอากาศร้อน ๆ ก็หอบเอาการอยู่เหมือนกันค่ะ ผู้เขียนทดลองมาแล้ว ..... เมื่อเดินลงมาจุดสุดทางบันได เราจะยังไม่เจอช่องเขาขาดนะคะ จะเจอเป็นฐานรางรถไฟทอดยาวไปก่อน เป็นทางเดินหินเล็ก ๆ เช่นนี้ทอดยาวไปพอสมควรเลย เป็นจุดวัดใจเหมือนกันค่ะว่าจะไปต่อหรือพอแค่นี้ เพราะผู้เขียนเองไปแบบไม่ทราบเลยค่ะว่าต้องเดินต่อไปอีกยาวแค่ไหน ประกอบกับอากาศช่วงกลางวันของเมืองกาญด้วยแล้วนั้น อยากยกธงยอมแพ้ทุก ๆ สองวินาทีเลยค่ะ ... แต่ไม่ค่ะ เราจะต้องพาเพื่อน ๆ ชาวทรูไอดีไปเยี่ยมชมช่องเขาขาดกันให้ได้ !! สุดท้ายความอยากเห็นแหล่งประวัติศาสตร์มีมากกว่า จึงมาถึงช่องเขาขาดของแท้กันแล้วค่าา ทันทีที่เห็นก็แอบปลื้มปริ่มในใจอยู่มากพอสมควรเลยนะคะ รู้สึกขอบคุณตัวเองมากที่เดินมาจนถึงได้ท่ามกลางอากาศแบบนี้ เพราะแค่วินาทีแรกที่เห็น ความรู้ด้านประวัติศาสตร์ในหัวก็ตีตื้นขึ้นมาและรู้สึกจุกในหัวใจพอสมควรเลยค่ะ เพราะช่องเขาขาดดูยิ่งใหญ่มาก เป็นการทำงานของมนุษย์ที่น่าทึ่งมาก แต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่าการทำงานในครั้งนั้นเกิดมาจากการบังคับและละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างสูงสุด ก็รู้สึกหดหู่ในใจพอสมควร แต่ก็ต้องยอมรับค่ะว่าช่องเขาขาดนี้ดูยิ่งใหญ่มากจริง ๆ หากใครที่ไม่ได้ใคร่รู้เรื่องด้านประวัติศาสตร์มากนักก็สามารถมาเยี่ยมชมกันได้เช่นกันนะคะ เพราะบรรยากาศถือว่าดีและสวยงามมากเลย ล้อมรอบไปด้วยทิวเขาและต้นไม้ใหญ่เขียวขจี เห็นหลายท่านจับของพื้นที่ต้นไม้ใหญ่ในการถ่ายรูปกันเต็มเลยค่ะ สามารถมาถ่ายรูปเช็คอินสวย ๆ กันได้เช่นกัน ตลอดทางของช่องเขาขาดก็จะมีธงและพุ่มดอกไม้เช่นนี้แขวนและปักอยู่ตลอดทาง แม้จะเป็นเพียงคำสั้น ๆ กับธงเล็ก ๆ ของแต่ละประเทศ แต่เมื่อมาเชื่อมโยงกับสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วนั้น นั่นคือสิ่งที่ยิ่งใหญ่มากเลยค่ะ เชลยศึกทุกท่านควรค่าแก่การถูกจดจำจริง ๆ และตรงที่สิ้นสุดทางเดินของช่องเขาขาดก็จะมีสิ่งก่อสร้างรูปทรงคล้ายพีระมิดเล็ก ๆ ที่มีสลักคำว่า "ในการรำลึกถึงทุกท่านที่ประสพความทุกข์ทรมาน และทุกท่านที่ถึงแก่กรรม 1942-1945" ไว้ค่ะ เป็นประโยคสั้น ๆ ที่ทำให้จุกในหัวใจอยู่เหมือนกัน ตรงสิ้นสุดทางช่องเขาขาดนี้มีเก้าอี้ยาวให้นั่งอยู่นะคะ ท่านใดอยากมานั่งพักก่อนก็จับจองพื้นที่กันได้นะคะ เก็บแรงไว้ขาเดินกลับต่อไปค่ะ .... เมื่อเยี่ยมชมช่องเขาขาดเสร็จ ผู้เขียนก็เดินทางกลับค่ะ ขากลับก็ยังหอบอยู่พอสมควร เพราะเป็นขาเดินขึ้นบันได ด้วยอากาศร้อน ๆ เลยต้องนั่งพักระหว่างทางนิดนึงค่ะ กลัวตัวเองจะตกเขาเอา .... สำหรับในวันนี้คงต้องจบการรีวิวสถานที่ไว้เท่านี้นะคะ หากใครสนใจแหล่งประวัติศาสตร์ที่สำคัญก็สามารถแวะมาท่องเที่ยวกันที่ช่องเขาขาดได้ค่ะ คิดว่าทุก ๆ ท่านที่มาที่นี่ก็คงจะคิดเหมือนกันว่าไม่สมควรมีใครต้องทุกข์ทรมานเช่นที่เคยเกิดขึ้นในอดีตอีกต่อไปแล้ว ประวัติศาสตร์มีไว้ให้พวกเราได้จดจำและเรียนรู้แล้ว อนาคตจะสวยงามหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับสองมือของพวกเราจะสร้างกันต่อไปค่ะ ขอตัวลาเพื่อน ๆ ชาวทรูไอดี ณ ที่ตรงนี้นะค้า สวัสดีค่า ~