สวัสดีค่ะ เริ่มเข้าช่วงฤดูฝนแล้วอากาศแบบนี้ ใบตั้งโอ๋อยากชวนทุกคนไปเที่ยวในสถานที่ ที่เงียบสงบ โอบล้อมด้วยธรรมชาติและสายหมอก วันนี้เราไปเที่ยวสังขละบุรีกันค่ะ การมาที่สังขละบุรีนี้ ห่างจากตัวเมืองกาญจนบุรี ประมาณ 200 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางจากกรุงเทพ ประมาณ 5-6 ชั่วโมง เส้นทางมาค่อนข้างคดเคี้ยว มีโค้งเยอะมาก ๆ เลยค่ะ เรามาด้วยรถตู้ ใครเมารถเตรียมถุงกันได้เลยนะ เราการเดินทางโดยนั่งรถตู้ โดยสารจากกรุงเทพ-กาญจนบุรี ค่าโดยสาร 120 บาท มาลงที่ขนส่งกาญจนบุรี แล้วต่อรถตู้ไปลงที่ท่ารถสังขละบุรี ค่ารถ 175 บาท ถึงท่ารถเราก็ต่อมอเตอร์ไซค์รับจ้างเข้าที่พัก เราพักอยู่ที่ซองกาเลียรีสอร์ท ตัวรีสอร์ทอยู่ใกล้กับสะพานปูน ที่สามารถมองเห็นวิวสะพานมอญไกล ๆ เดินมาถ่ายรูปมุมกว้างเห็นวิวท้องฟ้าสวยดี ส่วนห้องพัก เราว่าก็พออยู่ได้ แต่มีกลิ่นอับนิดหน่อย พอเปิดประตูหน้าห้องออกมาเห็นวิวสะพานมอญสวยมากเราพอให้อภัยได้ ตอนหิวก็สามารถเดินออกมาสั่งอาหารนั่งรับประทานได้เลยก็สะดวกดีเหมือนกัน พอพักผ่อนเก็บของเรียบร้อนแล้ว เราก็พาพ่อกับแม่ ไปเที่ยววัดที่ วัดวังก์วิเวการาม หลังใหม่ ซึ่งเป็นที่เก็บสังขารของหลวงพ่ออุตตมะไว้ในโลงแก้ว และมีวิหารพระอินทร์หินอ่อนที่ประดิษฐานพระพุทธรูปหินอ่อน หุ่นขี้ผึ้งรูปเหมือนหลวงพ่ออุตตมะ รวมถึงงาช้างแมมมอธ นอกจากนี้ ภายในยัง มีเจดีย์พุทธคยาจำลองที่สร้างเลียนแบบอินเดียด้วย ซึ่งก็อยู่ใกล้ๆกับสะพานมอญ นั่นแหละ ลืมบอกไปว่า เราพาพ่อและแม่ไปด้วยกัน เราสามคน เวลาจะไปเที่ยวไหนเราก็เหมามอเตอร์ไซค์รับจ้างให้พาไป พอเรากลับพาเสร็จ ก็เริ่มเย็นพอดี ก็เลยมาเดินเล่นที่สะพานมอญ พบกับบรรยากาศ น่ารักน่ารักของชาวมอญและเด็กน้อยที่อาสาเป็นมัคคุเทศก์นำทางบอกเล่าประวัติศาสตร์ของสะพานมอญไปด้วยแม่ชอบใจใหญ่ สะพานมอญ หรือ สะพานอุตตมานุสรณ์ อเป็นสะพานไม้ที่ยาวที่สุดในประเทศไทยโดยข้ามแม่น้ำซองกาเรีย สะพานมีความยาว 850 เมตร เดิมสร้างเพื่อเป็นเส้นทางสัญจรของผู้คน แต่ต่อมาได้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง พอตกเย็น เรากลับ เรากับแม่ก็ไปเดินหาอะไรกินเล่นที่ถนนคนเดินสังขละบุรี แล้วจึงกลับเข้าที่พัก เช้าวันที่สองต้องรีบตื่นแต่เช้าเพื่อจะไปทำกิจกรรมที่สำคัญอย่างนึงคือการตักบาตรที่สะพานมอญ เป็นหนึ่งในวิถีชีวิตและวัฒนธรรมของชาวมอญที่อาศัยอยู่ที่สังขละบุรีนี้ ซึ่งต่อมาเราว่าเป็นกิจเป็นการสร้างรายได้ให้กับชาวมอญที่อาศัยที่นี่ด้วย พอใส่บาตรเสร็จ เราแนะนำเที่ยวเช่าเรือหางยาวไปเที่ยวชมวัดใต้น้ำหรือวัดจมน้ำ ช่วงที่เราไปน้ำค่อนข้างท่วมสูง ภาพที่ถ่ายมาเราว่ามีความสวยงามแปลกตา บริเวณนี้ก็คือวัดวังก์วิเวการามเดิม ซึ่งที่ตั้งของวัดเป็นบริเวณที่แม่น้ำ 3 สายมาบรรจบกันคือ แม่น้ำซองกาเรีย แม่น้ำรันตรี รวมเป็นแม่น้ำแควน้อย ต่อมามีการสร้างเขื่อนเขาแหลม น้ำจึงเพิ่มขึ้น จนท่วม ตัวอำเภอเก่ารวมถึงวัดด้วย วัดจึงย้ายมาอยู่อีกด้านหนึ่งที่เราพาไปเที่ยวเมื่อวานไง ตอนช่วงนั่งเรือบรรยากาศรอบข้างสวยงดงามมาก มีสายหมอกอ่อนอ่อนพัดโชย ท้องกับลมเย็น ๆ ดีใจมากที่ครั้งหนึ่งเราได้พาแม่มาที่นี่แล้ว ช่วงนี้เข้าหน้าฝนถ้าเพื่อน ๆ สนใจเดินทางที่จะไปสังขละบุรี ต้องระมัดระวังเรื่องการเดินทางนิดนึงด้วยนะคะ เพราะว่าโค้งที่นี่เยอะมาก ๆ บางโค้งเป็นโค้งหักศอกจากทองผาภูมิถึงสังขละบุรี การเดินทางมาควรต้องใช้ความระมัดระวัง เราคิดว่าได้สัมผัสกับธรรมชาติ และวิถีชาวมอญที่ค่อนข้างเรียบง่ายและสงบ ก็เหมือนได้ชาร์จพลัง สร้างกำลังใจให้กับไปมุ่งมั่นทำงานต่อได้ คำแนะนำ เพื่อน ๆ สามารถเช่าเรือได้บริเวณสะพานมอญราคาประมาณ 600 บาทใช้เวลาไปกลับประมาณ 45 นาที การเที่ยวชมวัดใต้น้ำควรไปในช่วงเช้า เพราะถ้าสายมากหรือเลยช่วงเที่ยงไปแล้วอากาศจะร้อนจัด เริ่มเข้าชม เวลา 7.00 นถึง 17.00 น การเดินทาง เราไปด้วยกันกับพ่อและแม่ โดยไปขึ้นรถตู้ที่สายใต้ กรุงเทพ-กาญจนบุรี ค่ารถ 120 บาท ใช้เวลาเดินทางประมาณ สองชั่วโมงกว่า ๆ แล้วต่อรถตู้ไปที่อำเภอสังขละบุรี ค่ารถ 175 บาท ใช้เวลา 3 ชั่วโมง เส้นทางคดเคี้ยวมาก ๆ มีโค้งหักศอกหลายโค้ง แต่พ่อกับแม่ก็ใจสู้ จนถึงสังขละบุรี เพื่อน ๆ ที่สนใจเราว่าควรจองที่พักก่อนล่วงหน้า เพราะการเดินทางค่อนข้างเหนื่อยเลยทีเดียว พอไปถึงจะได้เข้าที่พักก่อน พักให้หายเหนื่อยแล้วค่อยไปเที่ยวต่อ ช่วงนี้หน้าฝน ถ้าขับรถไปเองไม่ชินทางเพื่อน ๆ ต้องใช้ความระมัดระวังด้วยนะคะ ขอให้มีความสุขกับการเดินทางท่องเที่ยวค่ะ เครดิตภาพทุกภาพถ่ายโดยนักเขียน