เมื่อพูดถึงสงครามโลกครั้งที่ 2 หลายคนคงจำเหตุการณ์ที่เชลยศึกที่กองทัพญี่ปุ่นเกณฑ์มาสร้างทางรถไฟ เพื่อเป็นเส้นทางผ่านไปยังประเทศพม่า ตามคำเล่าขานบอกว่า หากลองนับหมอนหนุนรางรถไฟว่ามีเท่าไหร่ จำนวนผู้คน (เชลยศึกที่ถูกเกณฑ์มาสร้าง) ทางรถไฟ สายนี้ก็ตายไปเท่านั้น พูดแล้วแลดูเศร้าและเป็นเส้นทางหฤโหดเลยเนาะ และนี่คงเป็นที่มาของคำว่า รถไฟสายมรณะ ภาพถ่ายโดย : ผู้เขียน หลังจากที่ได้รู้จักกับความเป็นมาของรถไฟสายมรณะกันแล้ว จะพาทุกคนมาตามรอยทางรถไฟสายมรณะกันเลย โดยการเดินทางในครั้งนี้ใช้เวลา 3 วัน 2 คืน และไม่มีรถยนต์ส่วนตัว เราเดินทางโดยรถประจำทางและรถไฟตลอดทริป ไปติดตามกันเล๊ย !! วันที่หนึ่ง เราเดินทางมาขึ้นรถไฟที่สถานีธนบุรี ไปกาญจนบุรีต้องมาขึ้นรถไฟที่สถานีธนบุรีเด้อ ที่หัวลำโพงไม่ไปเด้อ นอกจากจะเป็นทริปเที่ยวที่ทางการรถไฟแแห่งประเทศไทยจัดขึ้น ในวันเสาร์ อาทิตย์ สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่ การรถไฟแห่งประเทศไทย โทร. 0 2223 7010 หรือ 1690 หลังจากที่ซื้อตั๋วแล้วเราก็ถ่ายรูปเล่นกับสถานีรถไฟ (พึ่งมาครั้งแรกก็ตื่นเต้นเป็นเรื่องปกติ) พอถ่ายรูปเล่นสักพักรถไฟก็มาเทียบชานชลาและเราก็สามารถขึ้นไปเลือกที่นั่งได้เลย (ไม่ได้ระบุที่นั่งไว้ให้อยากนั่งตรงไหนเลือกเลย ช่วงนี้ก็รีบๆหน่อยละกันเนาะ) เราขึ้นรถไฟสาย ธนบุรี - น้ำตก .... ภาพถ่ายโดย : ผู้เขียน สถานีรถไฟธนบุรี ภาพถ่ายโดย : ผู้เขียน แหม เจ้าหน้าที่ท่านกำลังท้อง หรือว่าท่านอิ่มมากเกินไปกันนะ 555 พอรถไฟออกจากสถานีก็ชมวิวธรรมชาติตลอดเส้นทาง แต่บรรยากาศร้อนมาก บนรถไฟจะมีอาหารและน้ำมาขายอยู่ตลอดทาง ถ้ารู้สึกหิวคือ มีให้กินกันได้ตลอดทางเลยแหละ เอะ !! นี่ยังงงอยู่ว่านี่รถไฟประเทศไทยใช่ไหม ทำมีแต่ชาวต่างชาติ แฮร่ๆ บนโบกี้ของเรามองไปทางไหนก็มีแต่ฝรั่ง ประดั่งว่ามาขี่รถไฟที่ต่างประเทศไรงี้ ภาพถ่ายโดย : ผู้เขียน น้องน่ารัก เลยเก็บภาพมาฝาก สักพัก....กว่ารถไฟจะมาถึงที่สถานีกาญจนบุรีก็เกือบค่ำกันแล้ว พวกเราจึงมุ่งตรงไปหาที่พักที่จองไว้ โดยที่พักที่เราจองไว้อยู่ซอยตรงข้ามกับสถานีรถไฟแค่นิดเดียว สามารถเดินไปได้ ที่พักชื่อว่า My Home Guest House จะเป็นห้องน้ำรวม แต่ว่าสะอาด สะดวกสบาย ใกล้ของกินมาก ๆ แนะนำเลยเด้อ พอมาถึงที่พักพวกเราก็หาอะไรกินเพื่อเติมพลัง และเข้านอนเก็บแรงไว้ตื่นเช้าในวันพรุ่งนี้ (วันแรกหมดไปกับการเดินทาง....เพลีย) ภาพถ่ายโดย : ผู้เขียน ที่พักสไตร์เก๋ ๆ ห้องเล็ก กระทัดรัด ภาพถ่ายโดย : ผู้เขียน ห้องนอนอาจจะแลดูแคบ แต่พอนอนจริง ๆ กว้างเลยนะ วันที่สอง.... พวกเราตื่นกันแต่เช้า และเดินไปยังสถานีรถไฟเพื่อให้ทันรถไฟรอบแรกเพื่อจะไปสถานีสะพานแควใหญ่ หรือที่เรียกกันว่า สะพานข้ามแม่น้ำแคว นั่นเอง พอเราไปถึงคือ..โล่งมาก ไม่มีคนเลย เพราะพวกเรามากันเช้ามาก เช้าที่แบบว่าที่ขายของรอบ ๆ ยังไม่เปิดเลย แฮร่ แต่ก็ถือเป็นเรื่องที่ดีนะ เรามีที่ให้ถ่ายรูปเยอะเลย และเมื่อได้มาเห็นกับตา คือสวยมาก คุ้มค่ากับการตื่นเช้าของพวกเราแล้ว ภาพถ่ายโดย : ผู้เขียน สถานีสะพานแควใหญ่ ภาพถ่ายโดย : ผู้เขียน มาเช้าไปยังไม่มีคน ชวนให้นึกถึงบรรยากาศสงครามโลกเลยนะ ภาพถ่ายโดย : ผู้เขียน ปู๊น ปู๊น เอ๊ย รถไฟมาแล้ว หาที่หลบกันเร็ว ภาพถ่ายโดย : ผู้เขียน สะพานข้ามแม่น้ำแคว พอถ่ายรูปจนเพลินแล้วพวกเราก็หาซื้ออะไรกิน ที่ขายของจะตั้งขายรอบ ๆ สะพาน และหลังจากนั้นก็ซื้อตั๋วรถไฟเพื่อไปต่อยังสถานีถ้ำกระแซ คือสถานีต่อไปนั่นแหละ ที่สะพานข้ามแม่น้ำแควจะมีที่ข้าง ๆ ไว้ให้หลบรถไฟด้วยแหละ เอาไว้ชมรถไฟที่วิ่งผ่านในขณะที่เที่ยวชมบนสะพาน ถือเป็นบรรยากาศที่พิเศษมากเลย..... สักพักรถไฟก็มาและพวกเราก็ขึ้นไปหาที่นั่ง (ไม่ระบุที่นั่งตามเคย) และรถไฟก็มุ่งตรงไปสู่สถานีต่อไป ปู๊น ปู๊น ชมวิวข้างทางสักพัก รถไฟก็มาถึงที่จุดที่รถไฟต้องชะลอและวิ่งอย่างช้า ๆ เพื่อให้ชมวิวข้างทางที่สวยงาม และหมอนหนุนางรถไฟที่เป็นที่เล่าขาน ซึ่งจุดนี้เป็นจุดสนใจของนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก และต้องออกันเพื่อแย่งถ่ายรูปกันเลยทีเดียว ภาพถ่ายโดย : ผู้เขียน ข้างหน้าที่มองเห็นนั่นคือ จุดชมวิวที่รถไฟจะลดความเร็วเพื่อให้ชมวิว และเตรียมตัวสำหรับจอดที่สถานีถ้ำกระแซ ภาพถ่ายโดย : ผู้เขียน หมอนหนุนรางรถไฟ ที่เล่าว่าจำนวนของหมอนคือจำนวนเชลยศึกที่เสียชีวิต ภาพถ่ายโดย : ผู้เขียน เป็นจุดที่มองเห็นประวัติศาสตร์เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 เลยแหละ (อินหนักเกินไป) พอผ่านจุดชมวิวมาสักพักรถไฟก็หยุด เพื่อส่งผู้โดยสารที่จะลงที่สถานีถ้ำกระแซ และรถไฟก็จะมุ่งตรงไปต่อเพราะรถไฟจะไปสุดสายที่สถานีน้ำตก คือน้ำตกไทรโยกนั่นเอง พวกเราก็เลือกลงที่สถานีนี้เพื่อถ่ายรูปและเก็บบรรยากาศของสงครามโลกกัน ก่อนอื่นเราก็เข้าไปในถ้ำกระแซ ไหว้พระ ขอพร แล้วค่อยไปถ่ายรูปบริเวณรอบ (ไม่ได้ถ่ายรูปในถ้ำมาเลย คนเยอะ) ภาพถ่ายโดย : ผู้เขียน จุดลง - ขึ้นรถไฟของสถานีถ้ำกระแซ สวยงาม สามารถถ่ายรูปเก๋ ๆ กลับไปอวดเพื่อน ๆ กันได้เลย ภาพถ่ายโดย : ผู้เขียน มองย้อนกลับไป ก็จะเห็นเส้นทางที่รถไฟวิ่งผ่านมา ก็แอบเสียวอยู่เหมือนกันเนาะ ฝั่งหนึ่งก็เขาอีกฝั่งก็เรา แล้วเธอจะเลือกใคร เอ๊ย แม่น้ำแคว (แค่นี้ก็เล่นเนอะ) ภาพถ่ายโดย : ผู้เขียน พอมองลงไปในแม่น้ำแควก็จะเห็นแพ เป็นหลัง ๆ ที่เป็นความใฝ่ฝันของใคร หลาย ๆ คนที่อยากมาเสพบรรยากาศกัน แต่สำหรับพวกเราเอาไว้ก่อนละกันเนาะ 555 ภาพถ่ายโดย : ผู้เขียน มาชม หมอนหนุนรางรถไฟ และสามารถเดินย้อนกลับไปดูตรงที่รถไฟวิ่งผ่านมาได้ แต่เราไม่ได้เดินไปไกลนัก เพราะรู้สึกเหนื่อยและร้อนด้วยจึงรีบถ่ายรีบเสร็จ พอถ่ายรูปเสร็จพวกเราก็ซื้อตั๋วเพื่อกลับไปยังที่พัก เพราะไม่มีรถไฟเที่ยวไปสถานีน้ำตกแล้ว เเง่ว รู้สึกเสียใจเหมือนมาไม่สุดเลยอะ แต่ก็อย่างว่าเรามีเวลาน้อยจึงต้องกลับไปยังตัวเมืองกาญจนบุรีแล้ว ก็รอรถไฟที่ไปเที่ยวเมื่อกี้ที่เราลงนั่นแหละกลับมา ก็รอสักพักและรถไฟก็มา แล้วพวกเราก็ขึ้นรถไฟกลับไปยังตัวเมือง พอกลับถึงตัวเมืองก็ไปถ่ายรูปกับประตูเมืองกาญจนบุรี หาของกินแถว ๆ ประตูเมืองและกลับที่พักเพื่อพักผ่อน เพราะเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว วันที่สาม... นี่ก็คงเป็นวันสุดท้ายแล้วที่จะได้อยู่ที่กาญจนบุรี เพราะทริปนี้เรามีเวลาจำกัดแต่อยากเที่ยว พวกเราก็เดินจากที่พักมายังสถานีรถไฟ และซื้อตั๋วกลับ เส้นทาง น้ำตก - ธนบุรี สามารถเลือกที่นั่งได้เองตามเดิม และพวกเราก็ขึ้นรถไฟ และบอกลากาญจนบุรีอันเป็นที่รัก ภาพถ่ายโดย : ผู้เขียน บ๊ายบายนะ กาญจนบุรีหวังว่าเราจะเจอกันในทริปหน้า ทริปนี้สนุกมากเด้อ ภาพถ่ายโดย : ผู้เขียน ขอบคุณการรถไฟแห่งประเทศ ที่ทำให้เราได้ประสบการณ์แบบใหม่ สำหรับใครที่ไม่ได้เที่ยวฉบับรถไฟคงต้องมาลองแล้วแหละ สำหรับทริปนี้เวลาคงหมดไปกับการเดินทางอย่างว่านั่นแหละ แต่การเที่ยวโดยรถไฟเป็นความรู้สึกที่สนุกไปอีกแบบ ได้ประสบการณ์หลาย ๆ อย่างอาจจะช้าบ้าง ทำให้เหลือเวลาเที่ยวน้อย แต่ก็เที่ยวนะ แฮร่ ขอขอบคุณที่อ่านมาจนจบ ถ้าผิดพลาดประการใดก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย และอย่าลืมติดตามทริปต่อ ๆ ไปของเราด้วยเด้อ