หลายคนบอกว่า การพิชิตเขาช้างเผือก จุดที่ยากที่สุดคือ “การโทรให้ติด” เขาช้างเผือกที่แสนโด่งดังนี้ตั้งอยู่ในพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งโดยปกติแล้วจะเปิดให้นักท่องเที่ยวขึ้นช่วงเดือนพฤศจิกายน - มกราคม ของทุกปี แต่เนื่องด้วยพื้นที่บนเขามีจำกัด ดังนั้นก่อนที่จะได้พิชิตยอดเขานี้ ทุกคนจะต้องผ่านการ “โทรจอง” หลายคนบอกว่าโทรเป็นร้อยสาย บางคนบอกว่าโทรมาหลายปีแล้ว บางคนถึงกับทิ้งความฝันที่จะพิชิตยอดเขานี้... สำหรับเรา โชคชตายังเข้าข้าง หลังการกระหน่ำโทรกว่าร้อยครั้ง... “ยินดีด้วยครับ คุณเป็นผู้โทรติด” เรายังจำได้แม่นถึงคำที่เจ้าหน้าที่อุทยานพูดกับเรา เราเลือกเดินทางโดยการนั่งรถทัวร์ กทม-ด่านเจดีย์3 องค์ โดยออกจาก กทม ประมาณ ตี 5 และลงที่ตลาดทองผาภูมิตอนเที่ยงนิดๆ จากนั้นต้องรีบไปต่อรถสองแถว (ขอเน้นว่าต้องรีบนะจ๊ะ เพราะสองแถวที่จะพาเราขึ้นไปที่อุทยานทองผาภูมินั้นรถรอบสุดท้ายคือตอน 12.30 ดังนั้นไม่มีเวลาโอ้เอ้) รถสองแถวใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมงกว่าๆ รวมแล้วเกือบ 400 โค้ง คืนแรกเรากางเต็นท์นอนที่อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ เป็นบรรยากาศชิวๆ สบายๆ มีสัตว์ป่าพวกกวาง เดินอยู่ทั่วไปในอุทยาน และที่สำคัญ หากมาถึงที่นี่แล้ว ต้องห้ามพลาดที่จะเจอนางเอกประจำอุทยาน นั่นคือ “นกเงือกชื่อหวานแหวว” วันถัดมา เราตื่นตั้งแต่เช้าตรู่เพื่อโบกรถขึ้นไปที่บ้านปิล็อก ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของผู้ที่จะพิชิตเขาช้างเผือก พอไปถึงหมู่บ้านเราแวะซื้ออาหารและน้ำ รอสมากชิกคนอื่นๆ จนเวลาประมาณ 9 โมง ทุกอย่างก็พร้อม เราก็ลุยกันเลย !!! การพิชิตยอดเขาช้างเผือก มีระยะทางประมาณ 8 กิโลเมตร การเดินช่วงแรก เป็นพื้นที่ค่อนข้างราบ สลับกับเนินต่ำๆ เดินไม่ยากมาก เดินไปคุยไป ร้องเพลงไปได้สบายๆ แต่ช่วงหลังจะเริ่มชันและมีเชือกให้ปีนป่ายอยู่บ้าง ที่สำคัญมันร้อนมากกกก เนื่องจากบนเขาเป็นพื้นที่ค่อนข้างโล่ง ไม่มีต้นไม้ใหญ่ และรับแดดเต็มๆ ถ้าถามว่าร้อนแค่ไหน สำหรับเราคือ ร้อนจนหมูสดที่แบกขึ้นไปด้วยมันทนไม่ไหว ขอลาไป"เน่า" ซะเลย 5555 ใช้เวลาประมาณ 4 ชม เหงื่อแตกไปซัก 3 ลิตร เราก็มาถึงจุดกางเต็นท์ ซัดน้ำเข้าไปหลายอึก ก่อนจะกางเต็นท์และทิ้งตัวลงนอน พี่เจ้าหน้าที่และลูกหาบนัดพวกเราอีกทีตอนประมาณ 4 โมงเย็น เพื่อไปพิชิตสันคมมีด !!! ถึงเวลานัดปุ๊บ ทุกคนเด้งตัวออกจากเต็นท์ เหมือนลืมเหน็ด ลืมเหนื่อย จากการเดินทางมา 4-5 ชั่วโมง ก่อนหน้านี้ และพร้อมที่จะพิชิตสันคมมีดกันแล้ว สันคมมีดอยู่ห่างจากจุดกางเต็นท์ไม่ไกลมาก แต่เจ้าหน้าที่ไม่อนุญาติให้นักท่องเที่ยวเดินไปกันเอง เพราะทางเดินแคบ แคบจริงๆ สมคำล่ำลือ แคบขนาดไม่สามารถเดินสวนกันได้ นักท่องเที่ยวจะต้องเดินเรียงแถวเป็น one way คือเดินไปจนสุดทางจนครบทุกคน แล้วจึงจะหันหลังกลับได้ สันคมมีดถือเป็นจุดวัดใจของการพิชิตเขาช้างเผือกแห่งนี้ พวกเราปีนป่ายเชือกขึ้นๆ ลงๆ อยู่หลายรอบ ก่อนที่จะมาถึงจุดพีค นั่นคือ การเดินบนสันเขาแบบตัวเปล่า ไม่มีอุปกรณ์ใดๆ ให้จับ,ไม่มีสลิง, ไม่มี stand in, และไม่มีเจ้าหน้าที่คอยพยุง เนื่องจากมันแคบมากๆๆ หลายคนอาจจะรู้สึกเสียว รู้สึกขาสั่น รู้สึกอยากหันหลังกลับ แต่ด้วยจิตใจที่ฮึกเหิมมากๆ ในตอนนั้น รวมถึงบรรยากาศที่ทั้งอยากพิชิต และความกดดันจากเพื่อนร่วมทริปที่ต่อแถวยาวเป็นหางว่าว 5555 เราเชื่อว่าทุกคนจะสามารถผ่านมันไปได้ ผ่านสันคมมีดมาแล้ว เราก็จะมาถึง "ยอดดอยเขาช้างเผือก" ทุกคนในคณะจะทยอยปีนกันขึ้นมาจนครบที่บริเวณนี้ พี่เจ้าหน้าที่ให้เราใช้เวลาอยู่บนยอดดอยนี้ได้ก่อนที่พระอาทิตย์จะตกดิน ก่อนจะเดินทางกลับที่ลานกางเต็นท์ โดยใช้เส้นทางเดิม (เสียวแล้วเสียวอีก) หลังจากลงมาจากสันคมมีด พี่ลูกหาบจะก่อกองไฟ เพื่อไว้สำหรับทำอาหาร ซึ่งตอนแรกเราวาดฝันไว้อย่างดีว่าจะกินข้าวต้มหมู แต่เพราะหมูสดที่แบกขึ้นมาดันเน่าไปเสียก่อน จึงต้องจบลงที่... มาม่า มันเป็นเรื่องจริงที่ว่าเรามักพบเพื่อนใหม่ เมื่อเราเริ่มเดินทาง ในคำ่คืนนั้นเรานั่งกินมาม่ากับเหล่าผู้พิชิตสันคมมีดหลายๆ คน เป็นหลายคนที่ไม่เคยรู้จัก เป็นหลายคนที่ไม่เคยยิ้มให้ แต่ ณ จุดนั้น เรานั่งหัวเราะกันเสียงดังลั่น นั่งแชร์เรื่องราวประสบการดีๆ ของกันและกัน โดยไม่มีกำแพงของชนชั้น อาชีพ อายุ หรืออะไรทั้งนั้น แค่รู้จักชื่อกัน ก็เพียงพอ... สำหรับผู้ที่สนใจจะตามรอยเพื่อพิชิตเขาช้างเผือก สามารถติดตามข่าวสารผ่านทาง facebook ของอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี เพื่อตรวจสอบวันเวลาที่ทางอุทยานเปิดให้โทรจอง และเมื่อเวลานั้นมาถึง ขอให้รวบรวมกำลังพลมาให้มากที่สุดเพื่อระดมโทร โทรกันให้สายไหม้ไปเลย !!! เครดิตภาพทั้งหมดโดย ผู้เขียน