****เดินทางเมื่อวันที่ 28 มกราคม 2563**** ถ้าพูดถึงจังหวัดกาญจนบุรีก็คงไม่มีใครที่ไม่รู้จัก เพราะเมืองกาญเป็นแหล่งท่องเที่ยวของทั้งไทย จีน ฝรั่ง เราเป็นเด็กใต้ที่ในชีวิตนี้ยังไม่เคยไปที่เมืองกาญมาก่อน พอเพื่อนชวนนี่ก็ตอบตกลงทันทีเลยยยยยย ตื่นเต้นมากๆ เราหาข้อมูลมาว่า มันจะมีรถไฟขบวนพิเศษที่เขาจะพาเที่ยวแบบแวะเป็นที่ๆไป และสถานีปลายทางคือสถานีน้ำตก นั่นก็คือน้ำตกไทรโยคน้อย โดยรถจะออกจากสถานีกรุงเทพ (หัวลำโพง) และระหว่างทางจะแวะ -องค์พระปฐมเจดีย์ -สะพานข้ามแม่น้ำแคว -ถ้ำกระเเซ (รถไฟสายมรณะ) ซึ่งเป็นทางรถไฟทีมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ - และสิ้นสุดที่สถานีน้ำตก โดยวันเดินทาง เราออกจากบางแค โดยวางแผนจะเจอกับเพื่อนที่หัวลำโพง เราวางแผนจะนั่ง MRT เที่ยวแรกตอนตีห้าครึ่ง แต่พอเรามาถึง เราจึงได้รู้ว่าสถานีหลักสองเปิดเที่ยวแรกตอน 6 โมงครึ่ง ซึ่งตอนนั้นรถไฟนำเที่ยวของเราก็คงออกไปแล้ว เราจึงตัดสินใจ กระโดดซ้อนท้ายพี่วินไปหาเพื่อนที่ท่าพระ แล้วนั่งแท็กซี่ไปด้วยกัน และแล้วก็ไปถึงแบบทันเวลาพอดี แต่!!!!! พี่ๆที่สถานีบอกว่าวันเสาร์-อาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์รถไฟจะออกจากหัวลำโพง แต่วันธรรมดารถจะออกจากสถานีธนบุรี ซึ่งวันที่เราไปมันก็ตรงกับวันอังคาร เราดูนาฬิกา แล้วก็เห็นว่ามันเพิ่งจะ 6 โมงนิดๆ น่าจะพอนั่งรถไปที่สถานีธนบุรีได้ทัน เราจึงตัดสินใจวิ่งออกไปเรียกแท็กซี่เพื่อไปยังสถานีธนบุรี พอใกล้จะถึงหน้าสถานีมันจะต้องผ่านตลาดสด ซึ่งวติดมาก เพราะรถต้องมาส่งของที่ตลาดตอนเช้า เราจึงลงจากรถแล้วก็ วิ่ง!! วิ่งๆๆๆๆๆๆๆๆ ไปจนถึงหน้าสถานี แล้วเดินไปเข้าแถวซื้อตั๋วพร้อมกับเสียงหอบแฮ่กๆ เหมือนลูกหมาของเราสองคน แต่เราก็ยิ้มออกเพราะเราก็มาทันเวลาพอดี แต่!!!!! มันยังไม่ง่ายขนาดน้านนน หึหึ พี่ที่สถานีบอกว่าตั๋วเที่ยวแรกที่จะออกจากสถานีธนบุรีคือ 7:50 แล้วมันก็เป็นแค่ขบวนรถไฟธรรมดาที่จะพาเราไปยังน้ำตก ไม่ได้เป็นรถไฟทริปแบบที่เราหวัง เรากับเพื่อนมองหน้ากัน แล้วพยักหน้า เอาวะ!! ไหนๆเราก็มาถึงขนาดนี้ละ ยังไงวันนี้เราต้องไปถึงกาญจนบุรีไห้ได้!! ระหว่างรอ เรากับเพื่อนก็ได้ไปนั่งจิบกาแฟชิวๆที่ร้านกาแฟโบราณหน้าสถานี ในทริปนี้เราก็แบกกล้องฟิล์มกันไปด้วย สำหรับเรากล้องฟิล์มกับสถานีรถไฟมันเป็นของคู่กัน ในระหว่างรอ เราก็ไปถ่ายรูปเล่นตรงสถานีรถไฟกันรอกันไปก่อน รอบนี้ได้ใช้กล้อง SLR ครั้งแรกเลย รถไฟมาแล้วจ้าปู๊นนนนนนๆ 🚂 ถ่ายติดนกกำลังบินด้วยแหละ 🕊 และแล้ว ก็ถึงเวลาออกเดินทาง โดยรถไฟจะใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมงก็จะไปถึงจังหวัดกาญจนบุรี ที่แรกที่รถผ่านแล้วเราตื่นเต้นมากๆก็คือ สะพานข้ามแม่น้ำแคว เคยเห็นแต่ในทีวีเพิ่งเคยเห็นของจริงก็วันนี้แหละ แต่เราก็ไม่ได้ลงไป กลัวจะไม่มีรถไฟไปต่อ เพราะตอนนั้นเรายังไม่รู้ว่ามันมีรถไฟจากสถานีกาญจนบุรีไปที่สถานีน้ำตกตลอดวันเลย ตรงสะพานจะมีนักท่องเที่ยวเดินถ่ายรูปบนสะพานอยู่เยอะมากๆ แต่พอมีสัญญาณรถไฟ ทุกคนก็รีบหลบไปยืนอยู่ตรงจุดที่เตรียมไว้ให้ ทำให้นักท่องเที่ยวบนสะพานได้สัมผัสกับรถไฟที่ผ่านไปแบบใกล้มากๆ ทำเอาตื่นเต้นกันทั้งนักท่องเที่ยวที่อยู่บนสะพาน และเราที่อยู่บนรถไฟ จริงๆก็แอบเสียนะดายที่ไม่ได้ลงไปสัมผัสประสบการณ์แบบนั้น แต่ก็ตั้งใจไว้แล้วแหละว่าครั้งหน้าเราต้องไปยืนตรงนั้นไห้ได้!! จุดสำคัญจุดต่อไปที่จะผ่านคือ สถานีถ้ำกระแซ ซึ่งจุดนี้เป็นที่รู้จักกันในชื่อโค้งมรณะ โดยรถไฟจะลัดเลาะผ่านหน้าผาหิน และรถไฟจะใกล้กับหินตรงหน้าผามากๆ แล้วก็มีความเชื่อว่าตอนนั่งรถไฟถ้าเราเอื้อมมือไปแตะหินที่หน้าผาแล้วขอพร พรที่ขอนั้นจะเป็นจริง แต่น่าเสียดายที่เราไม่ได้เก็บภาพตรงจุดนี้มา แล้วเราก็ไม่ได้ขอพรด้วย เพราะไม่กล้าเอื้อมมือออกไปจากรถไฟ เพราะมันค่อนข้างจะอันตรายนะ และแล้ว!!! เราก็มาถึงสถานีจุดหมายปลายทางในวันนี้ พอลงจากรถไฟจะมีรถสองแถวรอรับทุกคนเพื่อจะไปที่น้ำตก โดยค่ารถจะอยู่ที่คนละ20 บาท หน้าน้ำตกจะมีทั้งร้านอาหาร ร้านสะดวกซื้อและร้านขายของฝาก บรรยากาศที่ร่มรื่น กับน้ำตกสีฟ้าใสๆ การได้สัมผัสธรรมชาติหลังจากผ่านความวุ่นวายของเมืองกรุงมา มันเป็นอะไรที่ทำไห้รู้สึกดีมากจริงๆ แต่เนื่องจากตอนที่เรามาเป็นหน้าแล้ง และบรรยากาศของเดือนนี้ก็ไม่ดีนักเพราะช่วงเดือนมกรา ชาวบ้านจะเผาซากอ้อยกัน ทำให้มี pm2.5 และเขม่าควันเยอะมากๆตอนที่เราเดินทาง ใครที่จะมาเที่ยวแนะนำให้เลี่ยงช่วงนี้นะ หน้าแล้งน้ำมีไม่เยอะ เราจึงตัดสินใจไม่เล่นน้ำ แค่เดินเล่น ถ่ายรูป และได้หย่อนขาลงน้ำก็สบายใจแล้ว ถึงเวลาที่ต้องเดินทางกลับ รถไฟกลับกรุงเทพจะออกจากสถานีน้ำตกประมาณเที่ยง ซึ่งเป็นเวลาที่เราเพิ่งไปถึงพอดี เราเลยต้องนั่งรถไฟจากสถานีน้ำตก ไปลงสถานีกาญจนบุรี แล้วก็นั่งรถสองแถวเพื่อไปขึ้นรถตู้ทีสถานีขนส่ง รวมๆแล้วการเดินทางครั้งนี้ ใช้งบไม่เกิน 500 บาท (ปล.ไม่นับค่าแท็กซี่และค่าวินที่เกิดจากความผิดพลาดของเราเองนะ 55555) ภาพทั้งหมดโดย : Dp Neeteaw