ช่วงเวลานี้ข่าวที่เรามักจะติดตามกันคงหนีไม่พ้นโรคโควิด - 19 ที่สร้างความเสียหายให้กับประเทศอย่างมหาศาลมากเลยก็ว่าได้ การติดต่อของโรคนี้ทำให้ประชาชนเดือดร้อนจนถึงขั้นต้องหยุดทำงาน กักตัวเองอยู่กับบ้านเพื่อให้แน่ใจว่าเราไม่ได้ติดเชื้อไวรัสนี้ ทำให้ต้องอยู่กันอย่างลำบาก บางคนก็ตกงานเพราะนายจ้างต้องปิดกิจการ โรงงานปิดตัว ร้านค้า สถานประกอบการต่างๆ ต้องปิดตามคำสั่งรัฐบาล เพื่อไม่ให้เชื้อแพร่กระจายเป็นมาตรการการป้องกันโรคของรัฐบาล บางคนก็ยังดำเนินกิจการอยู่เพียงแต่ต้องเปลี่ยนวิธีเป็นทำงานที่บ้านแทน ทำให้รายได้ลดน้อยลง และเกิดปัญหาเรื่องค่าใช้จ่ายที่ไม่สมดุลกับรายรับ บางคนต้องผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ผ่อนคอนโด บัตรเครดิต ก็ไม่สามารถที่จะหาเงินมาจ่ายได้เพราะไม่สามารถดำเนินกิจการต่อได้ ภาพโดย ข่าวไทยรัฐ จากปัญหาที่ได้กล่าวมาข้างต้นรัฐบาลจึงได้มีมาตรการเยียวยาเงินชดเชยให้กับผู้ที่ขาดรายได้ ให้เดือนละ 5,000 บาท เป็นเวลา 3 เดือน แต่ก็มีเงื่อนไข ข้อกำหนดต่าง ๆ ให้ประชาชนได้ศึกษากันก่อนที่จะลงทะเบียน ถ้าเป็นผู้มีประกันสังคมก็ให้ติดต่อประกันสังคม ตามมาตราไหนก็ว่ากันไป (รายละเอียดหาอ่านในเวปเอานะ เยอะมากค่ะ) ส่วนผู้ที่มีอาชีพอิสระ ไม่มีนายจ้าง เป็นพวกแม่ค้า พ่อค้า วินมอเตอร์ไซ มัคคุเทศก์ ร้านเสริมสวยต่าง ๆ สถานบันเทิง ก็สามารถลงทะเบียนได้ทางออนไลน์ ตั้งแต่วันที่ 28 มีนาคม 2563 เวลา 18.00 น. ภาพโดย Pattareeda เราก็เป็นคนหนึ่งที่สูญเสียรายได้จากการปิดร้านเพราะเป็นร้านถ่ายเอกสารที่อยู่ในมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่ง อยู่จังหวัดกาญจนบุรี ได้รับผลกระทบจากที่ถูกสั่งปิดมหาวิทยาลัย จึงทำให้เราดำเนินกิจการต่อไม่ได้ เพราะนักศึกษาต้องกลับบ้าน และเรียนออนไลน์ รวมทั้งส่งงานออนไลน์ที่บ้านกัน ทีนี้จะทำยังไงดีล่ะ ทำอะไรกินดีล่ะ ในหัวคิดร้อยแปดพันเก้า ภาระก็ไม่ต่างจากคนอื่น ค่าแชร์ ค่ากิน ค่าผ่อนนั่นนี่ จิปาถะ ค่าเช่าร้านก็ไม่มี เศร้าหนักมาก พอรัฐบาลมีมาตรการเยียวยาค่าชดเชยรายได้ให้ เราก็พอมีความหวังขึ้นมาหน่อย ภาพโดย Freepik.com แต่กระนั้นอย่างที่เราเคยได้ยินกันมาแล้ว การลงทะเบียนออนไลน์รับเงินนั่นนี่ ไม่ใช่อะไรจะง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปากเลย เดาไม่พลาดคือคนจ้องลงทะเบียนทั่วประเทศ เพราะรู้แล้วว่ารัฐบาลจำกัดให้รอบแรกอยู่ที่สามล้านคน เพราะฉะนั้นคิดดูว่าคนที่ตั้งตารอคอยเหมือนเราจะมีกี่คน และเมื่อถึงเวลา 18.00 น. ก็เป็นไปอย่างที่เราคิด " ระบบล่มจ้าาาาา " แต่เราก็กดจนมือหงิก ไม่ได้ทำไงล่ะ ??? พักก่อนหิวข้าว ออกไปซื้อข้าวกินตอนทุ่มกว่า เพื่อนเราก็ไปด้วย เพื่อนบอกว่า ไหนมึงลองเอาโทรศัพท์มึงมากดดูสิ ว่าเข้าระบบได้รึยัง (เพื่อนเราเป็นไกด์นำเที่ยวตกงานมาเป็นเดือนละ) พอแว้บแรกที่กดเข้าได้เฉยเลย เรานี่ดีใจยังกับถูกสลากรางวัลที่ 1 ก็เลยได้ลงทะเบียนไปแบบตื่นเต้นมาก เพราะเป็นครั้งแรกเลยที่สามารถลงทะเบียน เกี่ยวกับความช่วยเหลือของรัฐได้ เมื่อครั้งชิมช้อปใช้ก็อด ไม่เคยเข้าระบบได้เลยซักวัน เพื่อนเราก็กดบ้าง กดอยู่นานพอสมควรกว่าจะได้มือนี้หงิกไปตามกัน หลังจากนั้นช่วง 2 ทุ่มกว่าก็เริ่มทยอยเข้าระบบกันได้มากขึ้น สังเกตจากเพื่อน ๆ ในเฟสโพสต์กัน แต่ว่าเข้าไปพิมพ์รายละเอียดได้จริง ตอนที่เราจะกดส่ง และรับเลข OTP ยื่นยัน ไม่ง่ายเลยขอบอก พิมพ์ใหม่เป็น 10 รอบกันเลยทีเดียว ภาพโดย Pattareeda แต่ถึงอย่างไร ลงทะเบียนสำเร็จแล้วก็จริง เราก็ต้องมารอลุ้นอีกทีหนึ่งว่าเขาจะอนุมัติให้เราได้เงินเยียวยาหรือไม่ และสำหรับใครที่ใส่ข้อมูลไม่จริงทางรัฐก็มีมาตรการเรียกเงินคืนนะคะ เพราะฉะนั้นอย่าโลภ ถ้าเราไม่ได้เป็นผู้มีคุณสมบัติตามเงื่อนไขที่รัฐกำหนดก็อย่าไปอยากได้เลย ให้คนที่เขาเดือดร้อนจริง ๆ ได้ไปใช้ต่อชีวิตจะดีกว่า ตอนสถานการณ์บ้านเมืองของเรากำลังแย่ เราต้องรักกัน ช่วยเหลือกันนะคะ ภาพโดย Pattareeda ภาพโดย Pattareeda หลังจากที่ผู้คนพากันลงทะเบียนไปเป็นจำนวนมากแล้ว ก็มีข่าวปลอมขึ้นมาอีก มาปั่นกระแสว่าเว็บไซต์ที่เราลงทะเบียน เป็นเว็บไซต์หลอกลวง ใครหลงกรอกข้อมูลเข้าไป จะถูกโอนเงินจากบัญชีตัวเองไปเข้าของมิจฉาชีพบ้าง ทำให้เกิดคำถามกันขึ้นมากมาย บางครั้งนะเราก็ไม่เข้าใจคนพวกนี้เลย ว่าทำแบบนี้กันไปทำไม แต่อย่างไรเราก็ควรเสพข่าวอย่างมีสติ คอยติดตามข่าวสารตามหน้าหนังสือพิมพ์หรือการรายงานข่าวจะดีกว่า ดีกว่ามานั่งพูดต่อ ๆ กัน หรือมานั่งดูตามหน้าเฟสบุ๊ค คนหวังดีก็มีคนหวังร้ายก็มี ขอให้ทุกอย่างใช้วิจารณญานในการดู การฟังให้มากๆ นะคะ ภาพโดย Facebook